The ministry has existed in form si

The ministry has existed in form since the 15th century during the Ayutthaya Kingdom. Then, the ministry was called the "Kromma Khlang" (Thai: กรมคลัง) and eventually upgraded to “Krom Phla Khlang” (Thai: กรมพระคลัง, sometimes written as "Berguelang" or "Barcelon" by foreign authors). The "Phla Khlang" or minister had wide ranging powers include those of taxation, trade, monopolies, tributes, and even foreign affairs.

Most of these features were retained during the Rattanakosin era. In 1855 King Mongkut signed the Bowring Treaty with the United Kingdom. The treaty exposed Siam to modern trade and international commerce; the king was forced to set customs duty rate at no more than three percent; the country was at a disadvantage, but international trade grew. Soon the king was forced to set up a customs house (Thai: ศุลกสถาน) and the Royal Mint to deal with new challenges.

During the reign of King Chulalongkorn (Rama V), the ministry took its present shape. The king issued a royal decree in 1873 consolidating all powers and agencies under one ministry with a more focused portfolio. He appointed one of his uncles, Prince Maha Mala Pamrabporapat as its first minister. The ministry finally came into its own in 1933 via the Civil Service Reform Act of 1933. The Royal Treasury Ministry was then changed to the Ministry of Finance which now consists of 10 departments and 14 state enterprises.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กระทรวงที่มีอยู่ในแบบฟอร์มตั้งแต่ศตวรรษ 15 ในช่วงอาณาจักรอยุธยา แล้ว กระทรวงถูกเรียกว่า "ควนลัง Kromma" (ไทย: กรมคลัง) และในที่สุดก็อัพเกรดเป็น "ควนลังพลา Krom" (ไทย: กรมพระคลัง บางครั้งเขียนเป็น "Berguelang" หรือ "Barcelon" โดยผู้เขียนที่ต่างประเทศ) "ควนลังพลา" หรือรัฐมนตรีมีอำนาจที่หลากหลายรวมภาษี การค้า monopolies, tributes และแม้กระทั่งต่างประเทศคุณลักษณะเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในช่วงยุครัตนโกสินทร์ โทรทัศน์(เคเบิล) มงกุฎกษัตริย์ลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริงกับสหราชอาณาจักร สนธิเปิดโปงสยามการค้าปลีกและการค้าระหว่างประเทศ พระมหากษัตริย์ถูกบังคับให้ตั้งอัตราภาษีศุลกากรที่ไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ ประเทศเป็นรอง แต่การค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น เร็ว ๆ นี้ กษัตริย์ถูกบังคับให้ตั้งบ้านศุลกากร (ไทย: ศุลกสถาน) และโรง กษาปณ์รอยัลในการจัดการกับความท้าทายใหม่ในรัชสมัยของกษัตริย์จุฬาลงกรณ์ (จุลจอมเกล้า), กระทรวงเอารูปปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ออกกฤษฎีกาใน 1873 รวมอำนาจทั้งหมดและหน่วยงานภายใต้กระทรวงหนึ่งกับผลงานเน้นมาก เขาแต่งตั้งหนึ่งลุงของเขา เจ้ามหามาลา Pamrabporapat เป็นรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก กระทรวงสุดท้ายมาเป็นของตนเองในปี 1933 ผ่านพ.ร.บ.ปฏิรูปราชการของปี 1933 กระทรวงการคลังรอยัลแล้วเปลี่ยนเป็นกระทรวงซึ่งขณะนี้ ประกอบด้วยแผนก 10 และ 14 รัฐวิสาหกิจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กระทรวงได้มีตัวตนในรูปแบบตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ในจังหวัด . แล้ว กระทรวงฯ จะถูกเรียกว่า " kromma คลัง " ( ไทย : กรมคลัง ) และในที่สุดก็อัพเกรดเป็น " กรมพลากลาง " ( ไทย : กรมพระคลัง บางครั้งเขียนเป็น " berguelang " หรือ " Barcelon " โดยผู้เขียนที่ต่างประเทศ ) " พล่า คลัง หรือรัฐมนตรีมีอำนาจตั้งแต่กว้างรวมภาษีอากร การค้าการผูกขาด บรรณาการ และแม้แต่ต่างประเทศ

ส่วนใหญ่ของคุณสมบัติเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในกรุงรัตนโกสินทร์ ในปี 1855 พระจอมเกล้าเซ็นสนธิสัญญาเบาว์ริงกับอังกฤษ สนธิสัญญาสัมผัสสยามโมเดิร์นเทรดและการค้าระหว่างประเทศ กษัตริย์ถูกบังคับให้กำหนดอัตราอากรศุลกากรที่ไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ ประเทศเสียเปรียบ แต่การค้าระหว่างประเทศเติบโตแล้วพระราชาก็ถูกบังคับให้ตั้งด่านศุลกากร ( ไทย : ศุลกสถาน ) และโรงกษาปณ์หลวง เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 ) , กระทรวงเอารูปร่างปัจจุบัน ทรงออกพระราชกฤษฎีกาใน 1873 รวบรวมพลังทั้งหมดและหน่วยงานสังกัดกระทรวง พร้อมเน้นผลงาน เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นหนึ่งในลุงของเขาเจ้าชายมหามาลา pamrabporapat เป็นรัฐมนตรี กระทรวงสุดท้ายมาเป็นของตัวเองในปี 1933 ผ่านข้าราชการพลเรือน กฎหมายปฏิรูป 1933 . กระทรวงคลังหลวงก็เปลี่ยนไปยังกระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้ประกอบด้วย 10 หน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ