ที่น่าสนใจในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเด็กไทย คือ
“ปัจจุบันตลาดขนมไทยเติบโตถึง 16 พันล้านบาท โดยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 43% มาจากอุตสาหกรรมอาหารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้บริษัทโฆษณาระดับใหญ่ของโลกในการทำการตลาด เด็กๆจึงถูกการตลาดจูงใจให้บริโภค และเกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เรื่องนี้จึงต้องถูกผลักดันเข้าสู่ที่ประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกให้เป็นปัญหาระดับโลก แต่ละประเทศต้องมีมาตรการควบคุม ลดการทำตลาดและการส่งเสริมการขายขนมเหล่านี้ ก่อนที่เด็กๆทั่วโลกจะเติบโตขึ้นมาพร้อมกับโรคเรื้อรัง”
มีตัวอย่าง การควบคุมการโฆษณาขนม ที่ปฏิบัติในต่างประเทศ เช่น รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา ห้ามโฆษณาจูงใจเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี มาแล้ว 26 ปี ประเทศสวีเดนออกสัญลักษณ์คีย์โฮลหรือรูกุญแจบนฉลาก เป็นสัญลักษณ์หมายถึงเป็นอาหารคุณภาพดี ประเทศอังกฤษ บริษัทผู้ผลิตอาหารให้ความร่วมมือติดสัญญาณเขียว เหลือง แดง เหมือนไฟจราจรบนฉลาก เพื่อให้ผู้บริโภคมีข้อมูลในการเลือก ประเทศนิวซีแลนด์ใช้สัญญาณไฟจราจรกับน้ำอัดลมชนิดต่างๆ ประเทศบราซิลเห็นชอบกับการออกกฎหมายควบคุมการโฆษณาเพื่อปกป้องเด็ก ส่วนประเทศออสเตรเลีย เครือข่ายนักวิชาการและผู้บริโภคเร่งรณรงค์จำกัดการโฆษณาที่มุ่งกลุ่มเป้าหมายสำหรับเด็ก
ดังนั้นการออกมาทำแนวปฏิบัติด้านจริยธรรมการส่งเสริมการขายขนมเด็ก ร่วมกันระหว่าง อุตสาหกรรมอาหารเด็ก ส่วนใญ่เป็นอาหารขบเคี้ยว และเครื่องดื่มน้ำดำ และธุรกิจโฆษณา ยักษ์ใหญ่ แห่งสหรัฐ จึงไม่มีใครเชื่อในความจริงใจ การที่ออกมาแสดงท่าที ก็เพื่อหวังว่า มาตรการทั้งหลายในประเทศ ต่างๆ จะไม่ขยายวง จนกระเทือนการขายสินค้าที่ทำกำไรมหาศาลมาเป็นเวลานานมาแล้ว