In 1994, the National Football Leag

In 1994, the National Football League instituted the use of a radio helmet to allow for limited communication from the sidelines to the quarterback on the field. While it would seem that such a technological advancement was a first, the idea was nearly forty years old!

In 1956, two Ohio inventors, John Campbell and George Sarles, approached Hall of Fame coach Paul Brown of the Cleveland Browns with a radio receiver they had developed. The two theorized that the radio could be placed in a helmet to help Brown communicate with his players on the field. In doing so, Brown would eliminate the delays caused by his utilization of substitute players who ran the plays from the sideline to the huddle.
Brown liked the idea and agreed to put the radio receiver into quarterback George Ratterman’s helmet but insisted that the plan be kept a secret and thoroughly tested before ever being used in an actual game. The radio was carefully mounted into the helmet and, using the seclusion of a wooded area behind Campbell's home, the pair proceeded to test the unit. Sarles retreated to the woods with the helmet. The signal became weak and communication broke off. When Sarles did not return, Campbell set out to find his partner. Soon thereafter, he spotted Sarles talking with a police officer who had intercepted the signal. Fortunate for Sarles and Campbell, the officer was a Browns fan and agreed to keep the discovery under wraps. Nonetheless, the pair changed the frequency on the unit.


The helmet was first used, to perfection, in an exhibition game against the Detroit Lions. However, the Lions coaching staff began to notice that Brown was not using his usual substitutions for play calling. Shortly after halftime, one of the Lions’ assistants spotted the hidden transmitter that set behind a wooden light post on the sideline.

News quickly spread throughout the league and other teams scrambled to devise their own units, none of which proved as effective as the Sarles-Campbell invention. The Browns used the helmet in three more games before NFL Commissioner Bert Bell outlawed the use of the device.

In 1985, John Campbell donated the headgear to the Pro Football Hall of Fame. Ratterman’s helmet is now on display in our Gridiron Glory traveling exhibit with other recent innovations, including a modern day radio helmet.
- See more at: http://www.profootballhof.com/history/release.aspx?release_id=2080#sthash.QrppgDQ3.dpuf

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในปี 1994 ลีกฟุตบอลชาติโลกการใช้หมวกนิรภัยวิทยุเพื่อให้การสื่อสารที่จำกัดจาก sidelines การกองในฟิลด์ ในขณะที่ดูเหมือนว่า เช่นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นครั้งแรก ความคิดอายุเกือบสี่สิบปีในปี 1956 สองโอไฮโอนักประดิษฐ์ แคมป์จอห์นและจอร์จ Sarles ประดับหอเกียรติยศโค้ชพอลน้ำตาลคลีฟแลนด์กับเครื่องรับวิทยุที่พวกเขาได้พัฒนาขึ้น 2 theorized ว่า วิทยุสามารถวางไว้ในหมวกจะช่วยสื่อสารกับผู้เล่นของเขาในฟิลด์สีน้ำตาล ในการทำเช่นนั้น น้ำตาลจะกำจัดความล่าช้าเกิดจากเขาใช้ทดแทนผู้เล่นที่วิ่งเล่นที่จากราษฎรในพื้นที่ที่ต้องการคุดน้ำตาลชอบความคิด และตกลงที่จะวางเครื่องรับวิทยุในกองจอร์จ Ratterman หมวกกันน็อคแต่ยืนยันว่า แผนจะเก็บเป็นความลับ และทดสอบอย่างถี่ถ้วนก่อนเคยถูกใช้ในเกมตัวจริง วิทยุถูกติดตั้งลงในหมวกกันน็อกอย่างระมัดระวัง และ ใช้ความเงียบสงบของพื้นที่ wooded หลังบ้านแคมป์ คู่ครอบครัวการทดสอบหน่วย Sarles retreated ไปป่ากับหมวกกันน็อก สัญญาณกลายเป็นอ่อนแอ และสื่อสารยากจนปิด เมื่อไม่ได้กลับ Sarles แคมป์เบลได้ออกหาคู่ของเขา เร็ว ๆ นี้หลังจากนั้น เขาด่าง Sarles พูดคุยกับตำรวจที่มาดักสัญญาณ โชคดีสำหรับ Sarles และแคมป์เบล เจ้าหน้าที่การเป็นแฟนบราวส์ และตกลงที่จะให้ค้นพบ wraps อยู่ กระนั้น คู่เปลี่ยนแปลงความถี่ในหน่วย หมวกกันน็อกก่อนใช้ ความสมบูรณ์แบบ ในเกมแสดงกับสิงห์ดีทรอยต์ อย่างไรก็ตาม สิงห์ฝึกพนักงานเริ่มสังเกตเห็นว่า สีน้ำตาลไม่ได้ใช้แทนเขาปกติโทรศัพท์เล่น หลังจาก halftime หนึ่งในผู้ช่วยของสิงห์พบสัญญาณซ่อนไว้หลังไม้เบาโพสต์ในปลีกย่อยข่าวสารที่รวดเร็วกระจายไปทั่วลีกและทีมอื่น ๆ แปลงประดิษฐ์หน่วยตนเอง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพที่ประดิษฐ์แคมป์เบล Sarles บราวส์การใช้หมวกกันน็อกในสามเกมเพิ่มเติมก่อนระฆังร่วมหลวง NFL outlawed ใช้อุปกรณ์ ในปี 1985 แคมป์จอห์นบริจาคศีรษะไปหอ Pro ฟุตบอลเกียรติยศ หมวกกันน็อคของ Ratterman คือตอนนี้ผลเกียรติ Gridiron ของเราเดินทางมาแสดง ด้วยนวัตกรรมล่าสุดอื่น ๆ รวมหมวกกันน็อควิทยุสมัย-ดูเพิ่มเติมได้ที่: http://www.profootballhof.com/history/release.aspx?release_id=2080#sthash.QrppgDQ3.dpuf

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 1994 สมาคมฟุตบอลแห่งชาติก่อตั้งการใช้หมวกกันน็อควิทยุเพื่อให้การสื่อสารที่ จำกัด จากข้างสนามไปกองอยู่บนสนาม ในขณะที่มันจะดูเหมือนว่าเช่นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นครั้งแรกคิดเป็นเกือบสี่สิบปี! ในปี 1956 สองนักประดิษฐ์โอไฮโอจอห์นแคมป์เบลและจอร์จ Sarles เข้าหาฮอลล์ออฟเฟมโค้ชพอลบราวน์ของคลีฟแลนด์ที่มีเครื่องรับวิทยุที่พวกเขา มีการพัฒนา สองมหาเศรษฐีที่วิทยุอาจจะอยู่ในหมวกกันน็อกสีน้ำตาลที่จะช่วยให้การติดต่อสื่อสารกับผู้เล่นของเขาในสนาม ในการทำเช่นสีน้ำตาลจะกำจัดความล่าช้าที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ของผู้เล่นแทนที่วิ่งเล่นจากงานอดิเรกที่จะกอด. บราวน์ชอบความคิดและตกลงที่จะนำเครื่องรับวิทยุลงในหมวกกันน็อคกองหลังจอร์จ Ratterman แต่ยืนยันว่าแผนจะเก็บไว้ เป็นความลับและการทดสอบอย่างละเอียดก่อนที่เคยถูกนำมาใช้ในเกมที่เกิดขึ้นจริง วิทยุถูกติดตั้งลงในหมวกกันน็อกอย่างระมัดระวังและใช้ความเงียบสงบของพื้นที่ป่าที่อยู่เบื้องหลังบ้านแคมป์เบลทั้งคู่เดินไปทดสอบหน่วย Sarles ถอยกลับไปป่ากับหมวกกันน็อก กลายเป็นสัญญาณที่อ่อนแอและการสื่อสารหยุด เมื่อ Sarles ไม่ได้กลับแคมป์เบลออกไปหาเพื่อนของเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาเห็น Sarles การพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ดักสัญญาณ โชคดีสำหรับ Sarles แคมป์เบลและเจ้าหน้าที่เป็นแฟนบราวน์และตกลงที่จะให้การค้นพบภายใต้ wraps อย่างไรก็ตามทั้งคู่เปลี่ยนความถี่ในหน่วย. หมวกกันน็อกใช้เป็นครั้งแรกเพื่อความสมบูรณ์แบบในงานมหกรรมเกมกับดีทรอยต์ไลออนส์ อย่างไรก็ตามการฝึกพนักงานสิงโตเริ่มสังเกตเห็นว่าบราวน์ไม่ได้ใช้แทนตามปกติของเขาสำหรับการโทรเล่น ไม่นานหลังจากที่อีเกิ้ลซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ช่วยสิงโตพบเครื่องส่งสัญญาณที่ซ่อนอยู่ที่ตั้งอยู่หลังโพสต์ไฟไม้ที่ข้างสนาม. ข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วลีกและทีมอื่น ๆ ที่มีสัญญาณรบกวนในการออกแบบหน่วยของตัวเองไม่มีใครที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพเป็น Sarles ประดิษฐ์ -Campbell บราวน์ใช้หมวกกันน็อกในเกมที่สามมากขึ้นก่อนที่เอ็นเอฟแอข้าราชการเบิร์ตเบลล์นัใช้งานของอุปกรณ์. ในปี 1985 จอห์นแคมป์เบลบริจาคหมวกกับโปรฟุตบอลฮอลล์ออฟเฟม หมวกกันน็อก Ratterman อยู่ในขณะนี้บนจอแสดงผลในความรุ่งโรจน์ของเราตะแกรงเดินทางไปพร้อมกับการจัดแสดงนวัตกรรมล่าสุดอื่น ๆ รวมทั้งหมวกกันน็อควิทยุวันที่ทันสมัย. - ดูเพิ่มเติมได้ที่: http://www.profootballhof.com/history/release.aspx?release_id=2080#sthash .QrppgDQ3.dpuf

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในปี 1994 , ลีกฟุตบอลแห่งชาติแทนการใช้วิทยุหมวกเพื่อให้จำกัดการสื่อสารจากข้างสนามไปกองอยู่บนสนาม ในขณะที่มันอาจดูว่า เช่นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นครั้งแรก , ความคิด เกือบสี่สิบปี

ในปี 1956 , สองนักประดิษฐ์โอไฮโอ , จอห์นแคมป์เบลและ sarles จอร์จ ,เข้าหาหอเกียรติยศโค้ช พอล บราวน์ของคลีฟแลนด์ บราวน์ กับ วิทยุ พวกเขาได้พัฒนา สอง theorized ที่วิทยุจะถูกวางไว้ในหมวกกันน็อคเพื่อช่วยสีน้ำตาลสื่อสารกับผู้เล่นของเขาอยู่บนสนาม ในการทำเช่นนั้น สีน้ำตาลจะขจัดความล่าช้าที่เกิดจากการใช้ของทดแทนผู้เล่นที่วิ่งเล่นจากปลีกย่อยแผน .
สีน้ำตาล ชอบคิดและตกลงที่จะวางวิทยุลงในตำแหน่งกองหลัง จอร์จ รัตเตอร์มันหมวกแต่ยืนยันว่าแผนจะเก็บเป็นความลับ และทดสอบอย่างละเอียด ก่อนเคยถูกใช้ในเกมจริงๆ วิทยุเป็นอย่างดีติดตั้งในหมวกกันน็อค และ ใช้ความเหงาของพื้นที่ป่าหลังแคมป์เบลบ้านคู่ก็ทดสอบหน่วยsarles ไปอยู่ป่ากับหมวก สัญญาณกลายเป็นอ่อนแอและการสื่อสาร แตกออก เมื่อ sarles ไม่ได้กลับ แคมป์เบลล์ ออกเดินทางเพื่อตามหาคนรักของเขา หลังจากนั้นไม่นาน เขาเห็น sarles พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดักสัญญาณ โชคดี sarles และแคมพ์เบล เจ้าหน้าที่เป็นสีน้ำตาล พัดลม และตกลงที่จะให้มีการค้นพบภายใต้ wraps . อย่างไรก็ตามคู่เปลี่ยนความถี่ในหน่วย


หมวกกันน็อคก่อนใช้ เพื่อความสมบูรณ์ในการแสดงเกมกับดีทรอยต์ไลออนส์ . อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝึกสิงโตเริ่มสังเกตเห็นว่า บราวน์ ไม่ได้ใช้แทนได้ปกติ เล่น โทร หลังจากพักครึ่ง หนึ่งของ สิงโต ' ผู้ช่วยพบที่ซ่อนไว้หลังเครื่องลงแสงไม้

อยู่ที่ข้างสนามข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วลีก และ ทีมอื่น ๆ กวน ที่จะสร้างหน่วยของตนเอง ไม่มีซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพเป็น sarles แคมป์เบลการประดิษฐ์ น้ำตาลที่ใช้หมวกกันน็อคในอีกสามเกมก่อน NFL กรรมาธิการเบิร์ตเบลล์ฝึกใช้อุปกรณ์

ในปี 1985 จอห์นแคมป์เบลบริจาคหมวกกับฟุตบอลโปรหอเกียรติยศ .รัตเตอร์มันเป็นหมวกกันน็อคคือตอนนี้บนจอแสดงผลในตะแกรงเกียรติเดินทางแสดงกับนวัตกรรมล่าสุดอื่น ๆรวมทั้งวันทันสมัยวิทยุหมวก
- ดูเพิ่มเติมที่ : http://www.profootballhof.com/history/release.aspx ? release_id = 2080 # sthash.qrppgdq3.dpuf