Mercury is the smallest and innermo

Mercury is the smallest and innermost planet in the Solar System.[a] Its orbital period (about 88 Earth days) is less than any other planet in the Solar System. Seen from Earth, it appears to move around its orbit in about 116 days. It has no known natural satellites. It is named after the Roman deity Mercury, the messenger to the gods.

Partly because it has almost no atmosphere to retain heat, Mercury's surface temperature varies diurnally more than any other planet in the Solar System, ranging from 100 K (−173 °C; −280 °F) at night to 700 K (427 °C; 800 °F) during the day in some equatorial regions. The poles are constantly below 180 K (−93 °C; −136 °F). Mercury's axis has the smallest tilt of any of the Solar System's planets (about 1⁄30 degree), and its orbital eccentricity is the largest of all known planets in the Solar System.[a] At aphelion, Mercury is about 1.5 times as far from the Sun as it is at perihelion. Mercury's surface is heavily cratered and similar in appearance to the Moon, indicating that it has been geologically inactive for billions of years.

Mercury is tidally or gravitationally locked with the Sun in a 3:2 resonance,[14] and rotates in a way that is unique in the Solar System. As seen relative to the fixed stars, it rotates on its axis exactly three times for every two revolutions it makes around the Sun.[b][15] As seen from the Sun, in a frame of reference that rotates with the orbital motion, it appears to rotate only once every two Mercurian years. An observer on Mercury would therefore see only one day every two years.

Because Mercury orbits the Sun within Earth's orbit (as does Venus), it can appear in Earth's sky in the morning or the evening, but not in the middle of the night. Also, like Venus and the Moon, it displays a complete range of phases as it moves around its orbit relative to Earth. Although Mercury can appear as a bright object when viewed from Earth, its proximity to the Sun makes it more difficult to see than Venus. Two spacecraft have visited Mercury: Mariner 10 flew by in 1974 and 1975; and MESSENGER, launched in 2004, orbited Mercury over 4,000 times in four years, before exhausting its fuel and crashing into the planet's surface on April 30, 2015.[16][17][18]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุด และในสุดของระบบสุริยะ [a] ของคาบ (ประมาณ 88 วันโลก) จะน้อยกว่าดาวเคราะห์อื่น ๆ ในระบบสุริยะ เห็นได้จากโลก ปรากฏในการย้ายของในประมาณวันที่ 116 ดาวเทียมธรรมชาติไม่ทราบได้ มันเป็นชื่อหลังจากสารปรอท messenger แก่เทพเจ้าเทพเจ้าโรมันส่วนหนึ่งเป็น เพราะมีเกือบจะไม่มีบรรยากาศการรักษาความร้อน อุณหภูมิพื้นผิวของดาวพุธแตกต่างกันไป diurnally มากกว่าดาวเคราะห์อื่น ๆ ในระบบสุริยะ ตั้งแต่ 100 K (−173 ° C; −280 ° F) เวลากลางคืนถึง 700 K (427 ° C; 800 ° F) ในระหว่างวันในบางภูมิภาคที่เส้นศูนย์สูตร เสาด้านล่างอย่างต่อเนื่องมี 180 K (−93 ° C; −136 ° F) แกนของปรอทมีความเอียงน้อยที่สุดของดาวเคราะห์ของระบบสุริยะ (ประมาณ 1⁄30 องศา), และความเยื้องศูนย์กลางของวงโคจรของมันเป็นใหญ่ที่สุดของดาวเคราะห์ที่รู้จักทั้งหมดในระบบสุริยะ [a] aphelion ปรอทเป็นประมาณ 1.5 เท่าเป็นห่างไกลจากดวงอาทิตย์เป็นเวลา perihelion พื้นผิวของดาวพุธคือ cratered อย่างหนัก และคล้ายดวงจันทร์ ระบุว่า ไม่ได้ใช้งานวิจัยสำหรับหลายพันล้านปีปรอทเป็น tidally หรือเย็นล็อค ด้วยในเรโซแนนซ์ 3:2, [14] และหมุนในลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของระบบสุริยะ เห็นสัมพันธ์กับดาวคง มันหมุนบนแกนของมันว่าสามครั้งสำหรับทุกทำรอบวันอาทิตย์ [b] [15] เท่าที่เห็นจากดวงอาทิตย์ การปฏิวัติสองในกรอบของการอ้างอิงที่หมุนไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ของวงโคจร ปรากฏการหมุนเพียงครั้งเดียว Mercurian ทุก ๆ สังเกตการณ์บนปรอทจะดังดูวันเดียวทุกสองปีเนื่องจากวงโคจรของดาวพุธดวงอาทิตย์ภายในโลกโคจร (กับ Venus), มันสามารถปรากฏในท้องฟ้าของโลก ในตอนเช้าหรือตอนเย็น แต่ ในตอนกลางคืนไม่ได้ ยัง เช่นดาวศุกร์และดวงจันทร์ มันแสดงทั้งขั้นตอนขณะที่มันเคลื่อนรอบของวงโคจรสัมพันธ์กับโลกด้วย แม้ว่าสารปรอทสามารถปรากฏเป็นวัตถุสว่างเมื่อมองจากโลก ใกล้กับดวงอาทิตย์ทำให้มันยากที่จะเห็นกว่าวีนัส ยานอวกาศสองเข้าชมปรอท: ยานมาริเนอร์ 10 บินโดยในปี 1974 และ 1975 และ MESSENGER เปิดตัวในปี 2004 โคนปรอทมากกว่า 4,000 ครั้งใน 4 ปี ก่อนหลบหนีของเชื้อเพลิง และกระแทกพื้นผิวของดาวเคราะห์บน 30 เมษายน 2558 [16] [17] [18]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดและสุดในระบบสุริยะ. [A] ระยะเวลาการโคจรของมัน (ประมาณ 88 วันของโลก) น้อยกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะ มองจากโลกก็จะปรากฏขึ้นเพื่อย้ายไปรอบวงโคจรของมันในเวลาประมาณ 116 วัน มันไม่มีดาวเทียมธรรมชาติที่รู้จักกัน มันเป็นชื่อเทพโรมันพุธทูตสวรรค์กับพระเจ้า.

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันมีเกือบจะไม่มีบรรยากาศที่จะเก็บความร้อนอุณหภูมิพื้นผิวของดาวพุธแตกต่างกันไปเวลากลางวันมากกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะตั้งแต่ 100 K (-173 ° C ; -280 ° F) ในเวลากลางคืนถึง 700 K (427 ° C; 800 ° F) ในระหว่างวันในบริเวณเส้นศูนย์สูตรบาง เสามีอย่างต่อเนื่องด้านล่าง 180 K (-93 ° C; -136 ° F) แกนของดาวพุธมีความลาดเอียงที่เล็กที่สุดของใด ๆ ของดาวเคราะห์ระบบสุริยะ (ประมาณ 1/30 องศา) และโคจรวิปริตของมันเป็นที่ใหญ่ที่สุดของดาวเคราะห์ที่รู้จักกันในระบบสุริยะ. [A] ที่เฟรเลียน, ปรอทเป็นประมาณ 1.5 เท่าเท่า จากดวงอาทิตย์ในขณะที่มันอยู่ที่ดวงอาทิตย์ที่สุด พื้นผิวของดาวพุธเป็นอย่างมากพรุนและในลักษณะคล้ายกับดวงจันทร์แสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้ใช้งานธรณีวิทยาพันล้านปี.

ปรอท tidally หรือแรงโน้มถ่วงล็อคด้วยดวงอาทิตย์ใน 3: 2 เสียงสะท้อน [14] และหมุนในทางที่ มีความเป็นเอกลักษณ์ในระบบสุริยะ เท่าที่เห็นเมื่อเทียบกับดาวคงที่มันจะหมุนในแกนของมันตรงสามครั้งทุกรอบสองก็จะทำให้รอบดวงอาทิตย์ [b] [15] เท่าที่เห็นจากดวงอาทิตย์ในกรอบของการอ้างอิงที่หมุนที่มีการเคลื่อนไหวของวงโคจรที่ ดูเหมือนว่ามันจะหมุนเพียงครั้งเดียวทุกสองปี Mercurian ผู้สังเกตการณ์บนดาวพุธจึงจะเห็นเพียงหนึ่งวันทุกสองปี.

เพราะดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์ที่อยู่ในวงโคจรของโลก (เช่นเดียวกับวีนัส) ก็สามารถปรากฏในท้องฟ้าของโลกในช่วงเช้าหรือเย็น แต่ไม่ได้อยู่ในช่วงกลางของคืน นอกจากนี้เช่นดาวศุกร์และดวงจันทร์ก็จะแสดงช่วงที่สมบูรณ์ของขั้นตอนขณะที่มันเคลื่อนไปรอบวงโคจรของมันเทียบกับพื้นโลก แม้ว่าดาวพุธจะปรากฏเป็นวัตถุที่สดใสเมื่อมองจากโลกมันอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ทำให้มันยากขึ้นกว่าที่จะเห็นดาวศุกร์ ยานอวกาศสองได้เข้าเยี่ยมชมปรอท: กะลาสี 10 บินโดยในปี 1974 และ 1975; และรอซูลเปิดตัวในปี 2004 ดาวพุธโคจรมากกว่า 4,000 ครั้งในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาก่อนที่จะหลบหนีน้ำมันเชื้อเพลิงและบุกเข้ามาในพื้นผิวของดาวเคราะห์ในวันที่ 30 เมษายน 2015 [16] [17] [18]