Participated as a member of the RFS

Participated as a member of the RFS in 2012. Before I was a member of the RFS I had organic farming system for many years. I have joined the project of province with 3 my friend. The project of province support for organic agriculture but don't buy yield. The yield will be sold to General Mills. The owner of the mill will be the price yield. Farmers who sell rice yield can't know the quality of their own and can’t chaffer because of the mill owners will not buy yield. How much it will be sold. After participated as a member of the RFS I feel we do not grow rice for sale only because RFS are activities that educate farmers and farmers have the opportunity to comment. And activities in and outside the areas for farmers to develop their own areas. Farmers can know the process of selling their products. It is important that farmers get to know the quality of their each year. And know that to develop guidelines which of these processes are different from General Mills.
Since I'm a member of the RFS This year, 5-year anniversary. I have seen change of self and people in the community. Change of self is transformation of the economy of the family. Can sell yield to a sustainable market and transparent with the farmer. As well as bringing new knowledge and techniques to develop the area to be a source of learning for the community. The community is that people in the community see the importance and interest to organic farming. And can increase more community members. Including activities in the community about the development of organic farming. And more importantly, the people in the community can transfer the knowledge to others.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ร่วมเป็นสมาชิกของโรงพยาบาลเอกชลที่ในปี 2555 ก่อนที่ผมก็เป็นสมาชิกของโรงพยาบาลเอกชลผมมีระบบเกษตรอินทรีย์สำหรับหลายปี ฉันได้เข้าร่วมโครงการของจังหวัดกับ 3 เพื่อน โครงการของจังหวัดสนับสนุนสำหรับเกษตรอินทรีย์ แต่ไม่ได้ซื้อผลผลิต ผลผลิตจะถูกจำหน่ายให้โรงงานทั่วไป เจ้าของโรงสีจะได้ผลตอบแทนราคา เกษตรกรขายผลผลิตข้าวไม่รู้ว่าคุณภาพของตนเอง และไม่สามารถ chaffer เนื่องจากเจ้าของโรงงานจะซื้อผลผลิต เท่าใดจึงจะขาย หลังจากเข้าร่วมเป็นสมาชิกของโรงพยาบาลเอกชลผมรู้สึกว่า เราไม่ปลูกข้าวขาย เพราะโรงพยาบาลเอกชลเป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้แก่เกษตรกร และเกษตรกรมีโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็น และกิจกรรมใน และ นอกพื้นที่สำหรับเกษตรกรในการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง เกษตรกรสามารถทราบกระบวนการขายผลิตภัณฑ์ของตน มันเป็นสิ่งสำคัญที่เกษตรกรได้รับรู้คุณภาพของพวกเขาในแต่ละปี และรู้ว่าการพัฒนาแนวทางซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะแตกต่างจากโรงงานทั่วไปตั้งแต่ผมเป็นสมาชิกของโรงพยาบาลเอกชลปีนี้ วันครบรอบ 5 ปี ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองและคนในชุมชน เปลี่ยนแปลงของตนเองเป็นการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจของครอบครัว สามารถขายผลผลิต กับตลาดอย่างยั่งยืน และโปร่งใสกับชาวนา รวมทั้งนำความรู้ใหม่และเทคนิคในการพัฒนาพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้เพื่อชุมชน ชุมชนที่คนในชุมชนเห็นความสำคัญและสนใจเกษตรอินทรีย์ได้ และสามารถเพิ่มสมาชิกในชุมชน รวมทั้งกิจกรรมในชุมชนเกี่ยวกับการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ และที่สำคัญ คนในชุมชนสามารถถ่ายโอนความรู้ให้ผู้อื่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ RFS ในปี 2012 ก่อนที่ผมจะเป็นสมาชิกของ RFS ที่ฉันมีระบบการทำเกษตรอินทรีย์มานานหลายปี ผมได้เข้าร่วมโครงการของจังหวัดที่มี 3 เพื่อนของฉัน โครงการของการสนับสนุนจังหวัดสำหรับเกษตรอินทรีย์ แต่ไม่ได้ซื้อผลผลิต ผลผลิตที่จะขายให้กับโรงสีทั่วไป เจ้าของโรงสีจะได้รับอัตราผลตอบแทนของราคา เกษตรกรที่ขายผลผลิตข้าวไม่สามารถรู้ว่าคุณภาพของพวกเขาเองและไม่สามารถ CHAFFER เพราะโรงสีเจ้าของจะไม่ซื้อผลผลิต เท่าใดก็จะขาย หลังจากเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ RFS ผมรู้สึกว่าเราไม่ได้ปลูกข้าวเพื่อขายเพียงเพราะ RFS เป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรและเกษตรกรมีโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็น และกิจกรรมทั้งในและนอกพื้นที่สำหรับเกษตรกรในการพัฒนาพื้นที่ของตัวเอง เกษตรกรสามารถรู้กระบวนการของการขายผลิตภัณฑ์ของตน มันเป็นสิ่งสำคัญที่เกษตรกรได้รับรู้คุณภาพของแต่ละปีของพวกเขา และรู้ว่าการพัฒนาแนวทางซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะแตกต่างจาก General Mills.
ตั้งแต่ฉันเป็นสมาชิกของ RFS ในปีนี้ครบรอบ 5 ปี ฉันได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตนเองและคนในชุมชน การเปลี่ยนแปลงของตัวเองคือการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจของครอบครัว สามารถขายผลผลิตไปยังตลาดที่ยั่งยืนและมีความโปร่งใสกับเกษตรกร รวมทั้งนำความรู้และเทคนิคใหม่ ๆ ในการพัฒนาพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชน ชุมชนคือการที่คนในชุมชนเห็นความสำคัญและความน่าสนใจให้กับการทำเกษตรอินทรีย์ และสามารถเพิ่มสมาชิกในชุมชนมากขึ้น รวมทั้งกิจกรรมในชุมชนเกี่ยวกับการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ และที่สำคัญคนในชุมชนที่สามารถถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ rfs 2012 ก่อนที่จะเป็นสมาชิกของ rfs ผมระบบเกษตรอินทรีย์ เป็นเวลาหลายปี ผมได้เข้าร่วมโครงการของจังหวัดกับเพื่อนของฉัน โครงการของจังหวัด สนับสนุนเพื่อการเกษตรอินทรีย์ แต่อย่าซื้อผลผลิต ผลผลิตจะขายให้กับโรงสีทั่วไป เจ้าของโรงสีจะได้รับผลผลิตราคา เกษตรกรขายผลผลิตข้าว ไม่รู้ว่าคุณภาพของตนเอง และไม่สามารถพูดเรื่อยเปื่อย เพราะโรงสี เจ้าของจะไม่ซื้อผลผลิต เท่าไหร่จึงจะขายได้ หลังจากเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ rfs รู้สึกเราไม่ได้ปลูกข้าว ขายเพียงเพราะ rfs เป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้เกษตรกร และเกษตรกร ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น และกิจกรรมในและนอกพื้นที่ สำหรับเกษตรกรที่จะพัฒนาพื้นที่ของตนเอง เกษตรกรสามารถรู้กระบวนการในการขายผลิตภัณฑ์ของตน มันเป็นสิ่งสำคัญที่เกษตรกรได้รับทราบคุณภาพของพวกเขาในแต่ละปี และทราบว่า เพื่อพัฒนาแนวทาง ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะแตกต่างจากโรงสีทั่วไปตั้งแต่ผมเป็นสมาชิกของ rfs ครบรอบ 5 ปี ปี นี้ ฉันได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตนเอง และบุคคลในชุมชน การเปลี่ยนแปลงของตนเอง คือ การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจของครอบครัว สามารถขายผลผลิตในตลาดอย่างยั่งยืน และโปร่งใสกับเกษตรกร รวมทั้งนำความรู้และเทคนิคใหม่เพื่อพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชน ชุมชนที่คนในชุมชนเห็นความสำคัญและสนใจเกษตรอินทรีย์ และสามารถเพิ่มสมาชิกในชุมชนมากขึ้น รวมถึงการจัดกิจกรรมในชุมชนเกี่ยวกับการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ และที่สำคัญคือ ประชาชนในชุมชน สามารถถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่น