Distance between nozzle and substra

Distance between nozzle and substrate has been identified as one of the process parameters in spray coating that had a
great impact on the morphology of deposited layer.
Many researches have been conducted to analyze and optimize the nozzle to substrate distance for the deposition of active layer.
Vak et al. [53] identified three different regions between airbrush nozzle and substrates,which are “wet”, “intermediate”, and “dry”.
They found that the best linear control over thickness as a function of spraying time was in the “intermediatezone”. Susanna et al. [48] observed the same phenomenon in which below 15 cm (distance between sample and airbrush) the deposed material remained wet while over 20 cm from the substrate,produced dry and powdery films.
The “intermediate” zone is at 17cm.
At this point the samples showed good uniformity with a maximum PCE of 4.1%.
Saitoh et al. [39] found that at 10 cm,an irregular and higher thickness film was formed, uniform thickness was formed at 20 cm distance while less uniformity and thickness were observed at 30 cm (nozzle to substrate distance).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระยะห่างระหว่างหัวฉีดและพื้นผิวได้รับการระบุเป็นหนึ่งในพารามิเตอร์กระบวนการพ่นเคลือบที่มีการผลกระทบต่อสัณฐานวิทยาของฝากชั้นดีงานวิจัยจำนวนมากได้รับการดำเนินการวิเคราะห์ และปรับหัวฉีดให้ห่างจากพื้นผิวสำหรับการสะสมของชั้นที่ใช้งานอยู่Vak et al. [53] ระบุสามภูมิภาคระหว่างหัวพู่กันและพื้นผิว ซึ่งเป็น "เปียก" "ปานกลาง" และ "แห้ง" พวกเขาพบว่า การควบคุมเชิงเส้นที่ดีที่สุดผ่านความหนาเป็นฟังก์ชันของเวลาที่ฉีดพ่นใน "intermediatezone" ซูซานา et al. [48] สังเกตปรากฏการณ์เดียวกันที่ด้านล่าง 15 ซม. (ระยะห่างระหว่างตัวอย่างและพู่กัน) วัสดุมเหสียังคงเปียกในขณะที่กว่า 20 ซม.จากพื้นผิว ผลิตฟิล์มแห้ง และแป้งโซน "กลาง" อยู่ที่ 17 ซม.ที่จุดนี้ ตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า มี PCE สูงสุดของ 4.1% ความสม่ำเสมอดีSaitoh et al. [39] พบการผิดปกติ และสูงกว่าความหนาของฟิล์มที่ถูกสร้างขึ้น ความหนาก่อที่ระยะ 20 ซม.ในขณะที่สม่ำเสมอและความหนาน้อยกว่าตั้งข้อ 30 ซม. (หัวฉีดให้ห่างจากพื้นผิว) ที่ 10 ซม.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระยะห่างระหว่างหัวฉีดและพื้นผิวที่ได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งของพารามิเตอร์กระบวนการในการเคลือบสเปรย์ที่มี
ผลกระทบต่อลักษณะทางสัณฐานวิทยาของชั้นฝาก.
หลายงานวิจัยได้รับการดำเนินการวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพของหัวฉีดกับสารตั้งต้นระยะทางสำหรับการทับถมของชั้นที่ใช้งาน
VAK et al, [53] ระบุสามภูมิภาคที่แตกต่างกันระหว่างหัวฉีดพู่กันและพื้นผิวซึ่งเป็น "เปียก", "กลาง" และ "แห้ง".
พวกเขาพบว่าการควบคุมเชิงเส้นที่ดีที่สุดกว่าความหนาเป็นหน้าที่ของการฉีดพ่นครั้งที่มีอยู่ใน "intermediatezone" ซูซานนา, et al [48] ​​สังเกตปรากฏการณ์เดียวกันที่ต่ำกว่า 15 ซม. (ระยะห่างระหว่างตัวอย่างและพู่กัน) วัสดุปลดยังคงเปียกในขณะที่กว่า 20 ซม. จากพื้นผิว, ผลิตภาพยนตร์แห้งและแป้ง.
โซน "กลาง" ที่ 17cm.
ณ จุดนี้ ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความสม่ำเสมอดีกับ PCE สูงสุด 4.1%.
Saitoh et al, [39] พบว่าอยู่ที่ 10 ซม. ซึ่งเป็นความผิดปกติและความหนาสูงภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นความหนาที่ถูกสร้างขึ้นที่ระยะ 20 ซม. ในขณะที่ความสม่ำเสมอและความหนาน้อยถูกตั้งข้อสังเกตวันที่ 30 ซม. (หัวฉีดกับสารตั้งต้นระยะทาง)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระยะห่างระหว่างหัวและพื้นผิวได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการพ่นเคลือบที่มีพารามิเตอร์ผลกระทบมากในทางฝากชั้นหลายงานวิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ และปรับหัวฉีด ใช้ระยะทางสำหรับการสะสมของชั้นทำงานแว็ก et al . [ 53 ] ระบุสามภูมิภาคที่แตกต่างกันระหว่างหัวแอร์บรัชและพื้นผิว ซึ่งเป็น " เปียก " , " กลาง " และ " บริการ "พวกเขาพบว่า เชิงเส้นที่ดีที่สุดการควบคุมความหนาเป็นฟังก์ชันของเวลาในการฉีดพ่น " intermediatezone " Susanna et al . [ 48 ] สังเกตปรากฏการณ์เดียวกันซึ่งต่ำกว่า 15 ซม. ( ระยะห่างระหว่างตัวอย่างและ airbrush ) อดีตวัสดุยังคงเปียกในขณะที่กว่า 20 ซม. จากพื้นผิวที่แห้งและแป้ง ภาพยนตร์" กลาง " โซนที่ 17cm .ณจุดนี้ กลุ่มตัวอย่างที่ดีเสมอกับสูงสุดของ PCE 4.1 %saitoh et al . [ 39 ] พบว่า 10 เซนติเมตร มีความหนาของฟิล์มสูงผิดปกติและเกิดความหนา 20 ซม. ระยะห่างถูกสร้างขึ้นในขณะที่ความหนาน้อยกว่าจำนวนที่ 30 ซม. ( หัวฉีด ( ระยะทาง )