He developed a scale for measuring

He developed a scale for measuring human behavior which he argued was the central variable in all organization behavior. The scale measured interaction style along a continuum from "exploitative authoritarian" through "benevolent authoritarian" to "consultative" and finally to "participative,group-based" behavior (Likert,1967) This scale meant not only that group or team behavior could be measured but that it could be tracked, and changes in behavior therefore could be verified. Ultimately,this meant that team building effectiveness could be measured.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เขาได้พัฒนามาตราส่วนสำหรับการวัดพฤติกรรมของมนุษย์ซึ่งเขาโต้เถียงเป็นตัวแปรส่วนกลางในพฤติกรรมองค์กรทั้งหมด สเกลวัดลักษณะการโต้ตอบตามแนวต่อเนื่องจาก "ถูกแสวงประโยชน์ยกตัวอย่าง" ผ่าน "เมตตายกตัวอย่าง" เพื่อ "consultative" สุดท้าย "ประชาธิปไตย ตาม" พฤติกรรม (Likert, 1967) สเกลนี้หมายถึง สามารถวัดพฤติกรรมที่ไม่เพียงแต่กลุ่มหรือทีมแต่ที่ มันสามารถติดตาม และการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการทำงานจึงไม่สามารถตรวจสอบ ในที่สุด นี้หมายถึง สามารถวัดเป็นทีมที่สร้างประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เขาพัฒนาระดับสำหรับการวัดพฤติกรรมของมนุษย์ที่เขาเป็นที่ถกเถียงกันเป็นตัวแปรสำคัญในพฤติกรรมขององค์กรทั้งหมด ขนาดวัดรูปแบบการทำงานร่วมกันพร้อมต่อเนื่องจาก "แสวงประโยชน์เผด็จการ" ผ่าน "ใจดีเผด็จการ" กับ "การให้คำปรึกษา" และในที่สุดก็จะ "มีส่วนร่วมกลุ่มตาม" พฤติกรรม (Likert, 1967) ขนาดนี้หมายความว่าไม่เพียง แต่ที่กลุ่มหรือทีมพฤติกรรมที่อาจจะ วัด แต่มันอาจจะมีการติดตามและการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมจึงจะได้รับการตรวจสอบแล้ว ท้ายที่สุดนี้หมายความว่าประสิทธิภาพการสร้างทีมงานสามารถวัดได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เขาได้พัฒนาแบบวัดพฤติกรรมมนุษย์ที่เขาแย้งคือตัวแปรกลางในพฤติกรรมองค์การ แบบวัดลักษณะปฏิสัมพันธ์ต่อเนื่องจาก " ในแบบ " เผด็จการ " โดยมี " เป็น " ที่ปรึกษา " และสุดท้าย " แบบมีส่วนร่วมกลุ่มตามพฤติกรรม” ( Likert , 1967 ) ขนาดนี้ ไม่ได้หมายถึงเฉพาะกลุ่มหรือทีมพฤติกรรมที่สามารถวัดได้ แต่มันก็อาจจะติดตาม และการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม ดังนั้นอาจจะยืนยัน ในที่สุด , นี้หมายถึง ประสิทธิผลของทีมอาจจะวัดได้