The clinical importance of nonadher

The clinical importance of nonadherence relates to the degree to which it interferes with the therapeutic goal. According to Sackett, blood pressure begins to fall significantly only when patients take more than 80% of their medication.18 Thus, even if adherence rates improve to 50-60%, it is still possible that blood pressure levels will remain uncontrolled. Consequently, health care providers are becoming increasingly aware of the significance and detection ofnonadherence in the long-term management of patients with high blood pressure.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความสำคัญทางคลินิกของการไม่ปฏิบัติตามนั้นสัมพันธ์กับระดับที่การไม่ปฏิบัติตามนั้นขัดขวางเป้าหมายการรักษา จากข้อมูลของ Sackett ความดันโลหิตเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญก็ต่อเมื่อผู้ป่วยรับประทานยามากกว่า 80%18 ดังนั้น แม้ว่าอัตราการรับประทานยาจะดีขึ้นเป็น 50-60% แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่ระดับความดันโลหิตจะยังคงไม่สามารถควบคุมได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจึงเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงความสำคัญและการตรวจพบความไม่ปฏิบัติตามในการจัดการผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงในระยะยาว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความสำคัญทางคลินิกของการไม่เชื่อฟังมีความสัมพันธ์กับระดับของการรบกวนต่อเป้าหมายของการรักษา ตามที่ Sackett ความดันโลหิตจะเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญเฉพาะเมื่อผู้ป่วยได้รับยามากกว่า 80% 18 ดังนั้นแม้ว่าอัตราการปฏิบัติตามจะเพิ่มขึ้นเป็น 50-60% แต่ก็ยังมีโอกาสที่ระดับความดันโลหิตจะไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้ผู้ให้บริการสาธารณสุขเริ่มตระหนักมากขึ้น
การไม่ปฏิบัติตามในการจัดการระยะยาวในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความสําคัญทางคลินิกของการไม่ปฏิบัติตามเกี่ยวข้องกับขอบเขตที่ขัดขวางเป้าหมายการรักษา ตามที่แซ็คเก็ตความดันโลหิตเริ่มลดลงอย่างมีนัยสําคัญเมื่อผู้ป่วยกินยาเกิน80 % ดังนั้นแม้ว่าอัตราการยึดมั่นจะเพิ่มขึ้นเป็น50-60 %ระดับความดันโลหิตอาจยังคงไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นผู้ให้บริการด้านสุขภาพจึงตระหนักว่า
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในการจัดการระยะยาวของการไม่ปฏิบัติตาม