Babbage (1832) published the first

Babbage (1832) published the first study known that described the use of ma­chinery and the organization of human resources for production purposes. He ad­vanced the ideas of division of labor, factory size determination, profit-sharing schemes, methods of observing manufactures, and time-study methods.
Taylor (1911) studied work methods and shop management. He decomposed a factory job of a mechanical nature into a set of elementary motions, discarded unnec­essary motions, and examined the remaining motions (with stopwatch studies) to find the most efficient method and sequence of motion elements. He developed wage rates to pay workers. He came up with a "frequent resting" method to minimize the physical fatigue of workers who carried iron blocks weighing 92 pounds apiece from the factory up an inclined plank to railroad flat cars. The load transferred was subsequently in­ creased from 12.5 tons to 47.5 tons per day per worker.
Taylor was focusing on the production aspects without paying attention to the most important element in the process; namely, the workers. According to Taylor, work is divided into planning/training (a management responsibility) and rote execution (by the uneducated worker of the day). Workers were regarded as passive partners in car­rying out production orders. As a result, some U.S. managers have been "Taylorized" into thinking that they do not need the input of workers. A major deficiency of scientific management has indeed been its failure to engage workers as an active part of the overall management system. Only in recent years have empowered teams become ac­cepted as an improved organizational system over the Taylor model.
At about the same time as Taylor, Frank and Lillian Gilbreth started to em­phasize the aspects of human factors in the workplace. Meanwhile, behavioral stud­ies at Hawthorne Works of Western Electric Company (near Cicero, Illinois) were initiated in 1927 by Elton Mayo and Fritz Roethlisberger of Harvard Business School to study the environmental, psychological, group, and other factors which impacted the work output.
Fayol (1949) divided the industrial undertakings into six groups: technical (pro­duction), commercial (marketing), financial, security, accounting, and administrative activities (planning/forecasting, organization, command, coordination. and control). He also developed 14 general principles of administration which have remained valid to this day.
Weber (1947) developed a model for rational and efficient organizations involv­ing position charter, roles and responsibilities, compensation policy, and other features.
According to Urwick (1972), the study of management started with engineers. It was in the sciences underlying the engineering practice-mathematics, physics, me­chanics, and so on-which were first applied by Taylor to analyzing and measuring the tasks assigned to individuals, that the science of management got started.
Management theory and practices were also studied from several other points of
view: quantitative approach (decision making is the central focus of management­ decision theory and group decision making), operations research (expressing manage­ment problems in terms of mathematical symbols and relationships), and systems approach (organizations as interacting systems influenced by the external environment).
McGregor {1957) developed the Theory X and Theory Y of management. Theory
X says that workers are passive and they are to be induced by management to con­tribute to the organizational objectives. Workers may be motivated according to
Section 1.2 Historical Development of Management Theory and Practices

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แบบบิจ (1832) เผยแพร่การศึกษาแรกที่อธิบายการใช้งานของเครื่องจักรและจัดการทรัพยากรมนุษย์การ ที่เรียกว่า เขาขั้นสูงความคิดของการแบ่งงาน โรงงานขนาดกำหนด แบบแบ่งปันผลกำไร วิธีการสังเกตที่ผู้ผลิต และวิธีการ ศึกษาเวลาTaylor (1911) ศึกษาวิธีการทำงานและการจัดการร้าน เขาย่อยสลายงานโรงงานมีลักษณะเชิงกลเป็นชุดของภาพเคลื่อนไหวระดับประถม ละทิ้งภาพเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น และตรวจสอบการเคลื่อนไหวที่เหลือ (มีนาฬิกาจับเวลาศึกษา) เพื่อค้นหาวิธีและลำดับขององค์ประกอบที่เคลื่อนไหวมีประสิทธิภาพมากที่สุด เขาได้พัฒนาอัตราค่าจ้างการจ่ายค่าแรงงาน เขามาขึ้นกับวิธีการลดความเหนื่อยล้าทางกายภาพของคนทำบล็อกเหล็กชั่ง ปอนด์ 92 นต่อคนจากโรงงานค่ากระดานมีแนวโน้มรถยนต์รถไฟแบน "อยู่บ่อยๆ" โหลดที่โอนย้ายได้ในเวลาต่อมารอยย่นจาก 12.5 ตัน 47.5 ตันต่อวันต่อคนเทย์เลอร์ได้เน้นในด้านการผลิตโดยไม่ต้องจ่ายความสนใจไปองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในกระบวนการ คือ ผู้ปฏิบัติงาน ตามที่เทย์เลอร์ งานจะแบ่งออกเป็นการวางแผนการฝึก (การจัดการความรับผิดชอบ) และการดำเนินการอาจ (โดยผู้ปฏิบัติงานตามีตามาวัน) แรงงานถูกถือเป็นคู่ค้าที่แฝงในการใบสั่งผลิต เป็นผล ผู้จัดการบางอย่างสหรัฐอเมริกาได้รับ "Taylorized" เป็นความคิดที่ว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลของผู้ปฏิบัติงาน ขาดหลักการจัดการทางวิทยาศาสตร์ได้รับความล้มเหลวการแรงงานเป็นส่วนงานของระบบการจัดการโดยรวมแน่นอน เฉพาะในปีที่ผ่านมา มีทีมอำนาจกลายเป็นยอมรับเป็นระบบขององค์กรดีขึ้นแบบจำลองเทย์เลอร์ที่เกี่ยวกับกันกับเทย์เลอร์ แฟรงค์และลิเลียน Gilbreth เริ่มเน้นในด้านของปัจจัยมนุษย์ในการทำงาน ในขณะเดียวกัน พฤติกรรมการศึกษาที่ Hawthorne งานของตะวันตกไฟฟ้า บริษัท (ใกล้ Cicero อิลลินอยส์) ได้เริ่มต้นในปี 1927 โดยเอลตันมาโยและ Fritz Roethlisberger ของ Harvard Business School ศึกษากลุ่มสิ่งแวดล้อม สุขภาพ จิต และปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตFayol (1949) แบ่งผลงานอุตสาหกรรมเป็น 6 กลุ่ม: เทคนิค (การผลิต), พาณิชย์ (การตลาด), การเงิน ความปลอดภัย บัญชี และดูแลกิจกรรม (การวางแผนและพยากรณ์ องค์กร ประสานงานการควบคุม และสั่งการ) นอกจากนี้เขายังพัฒนา 14 หลักการทั่วไปของการบริหารที่มีอยู่ถูกต้องวันนี้Weber (1947) ได้พัฒนาแบบจำลองสำหรับองค์กรที่มีประสิทธิภาพ และมีเหตุผลเกี่ยวข้องกับกฎบัตรตำแหน่ง บทบาท และความรับผิดชอบ ค่าตอบแทน และคุณสมบัติอื่น ๆตาม Urwick (1972), การศึกษาการจัดการเริ่มต้นกับวิศวกร ในวิทยาศาสตร์พื้นฐานการฝึกคณิตศาสตร์วิศวกรรม ฟิสิกส์ กลศาสตร์ และอื่น ๆ -ที่แรกใช้ โดยเทย์เลอร์เพื่อวิเคราะห์ และวัดงานกำหนดให้กับบุคคล ว่า ศาสตร์ของการจัดการเริ่มทฤษฎีการจัดการและการปฏิบัติยังศึกษาจากหลายจุดของมุมมอง: วิธีการเชิงปริมาณ (การตัดสินใจทำเป็นโฟกัสกลางการจัดการตัดสินใจทฤษฎีและการตัดสินใจ), วิจัยการดำเนินงาน (แสดงปัญหาการจัดการในแง่ของสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์และความสัมพันธ์), และวิธีที่เป็นระบบ (องค์กรเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายนอกระบบ interacting)แม็คเกรเกอร์ {1957) ได้พัฒนาทฤษฎี X และทฤษฎี Y ของการจัดการ ทฤษฎีX กล่าวว่า แรงงานแฝง และพวกเขาจะถูกเหนี่ยวนำ โดยการจัดการเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ขององค์กร คนงานอาจได้รับการกระตุ้นตาม1.2 ส่วนการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ของทฤษฎีการจัดการและการปฏิบัติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แบบเบจ (1832) ตีพิมพ์การศึกษาครั้งแรกที่รู้จักกันว่าอธิบายการใช้งานของเครื่องจักรและองค์กรของทรัพยากรมนุษย์เพื่อวัตถุประสงค์ในการผลิต เขาคิดขั้นสูงของการแบ่งงานการกำหนดขนาดโรงงานแผนการกำไรร่วมกันวิธีการของการผลิตการสังเกตและวิธีการเวลาการศึกษา.
เทย์เลอร์ (1911) ศึกษาวิธีการทำงานและการจัดการร้านค้า เขาย่อยสลายได้งานที่โรงงานของธรรมชาติกลเป็นชุดของการเคลื่อนไหวประถมทิ้งการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นและการตรวจสอบการเคลื่อนไหวที่เหลือ (มีนาฬิกาจับเวลาการศึกษา) ที่จะหาวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและลำดับขององค์ประกอบการเคลื่อนไหว เขาพัฒนาอัตราค่าจ้างแรงงานที่จะจ่ายค่าแรงคนงาน เขามากับ "พักผ่อนบ่อย" วิธีการที่จะลดความเมื่อยล้าทางกายภาพของคนงานที่ดำเนินการบล็อกเหล็กชั่งน้ำหนัก£ 92 คนละจากโรงงานขึ้นกระดานแนวโน้มที่จะสร้างทางรถไฟรถแบน โหลดโอนต่อมาในรอยพับจาก 12.5 ตันเป็น 47.5 ตันต่อวันต่อคนงาน.
เทย์เลอร์ได้รับการมุ่งเน้นไปในด้านการผลิตโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในกระบวนการ; คือคนงาน ตามที่เทย์เลอร์การทำงานแบ่งออกเป็นการวางแผน / การฝึกอบรม (ความรับผิดชอบการจัดการ) และการดำเนินการท่องจำ (โดยคนงานได้รับการศึกษาในวันนี้) คนงานได้รับการยกย่องในฐานะหุ้นส่วนเรื่อย ๆ ในการดำเนินการออกคำสั่งการผลิต เป็นผลให้บางผู้จัดการสหรัฐได้รับการ "Taylorized" ในความคิดว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลของคนงาน ขาดที่สำคัญของการจัดการทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับจริงล้มเหลวในการมีส่วนร่วมของคนงานในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการโดยรวม เฉพาะในปีที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มขีดความสามารถทีมงานเป็นที่ยอมรับในฐานะที่เป็นระบบขององค์กรที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเทย์เลอร์.
ที่เกี่ยวกับเวลาเช่นเดียวกับเทย์เลอร์, แฟรงก์และ Lillian Gilbreth เริ่มที่จะเน้นด้านของปัจจัยมนุษย์ในที่ทำงาน ในขณะเดียวกันการศึกษาพฤติกรรมที่ฮอว์ ธ ผลงานของเวสเทิร์ Electric Company (ใกล้ซิเซโรอิลลินอยส์) ริเริ่มในปี 1927 โดยเอลตันเมโยและฟริตซ์ Roethlisberger ของโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์เพื่อการศึกษาสิ่งแวดล้อมทางจิตวิทยากลุ่มและปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกการทำงาน.
Fayol (1949) แบ่งการประกอบอุตสาหกรรมเป็นหกกลุ่มทางเทคนิค (การผลิต) ในเชิงพาณิชย์ (การตลาด), การเงิน, การรักษาความปลอดภัย, การบัญชี, และกิจกรรมการบริหาร (การวางแผน / การพยากรณ์องค์กรคำสั่งการประสานงานและการควบคุม.) นอกจากนี้เขายังได้รับการพัฒนา 14 หลักการทั่วไปของการบริหารที่ยังคงถูกต้องไปในวันนี้.
เวเบอร์ (1947) การพัฒนาแบบจำลองสำหรับองค์กรที่มีเหตุผลและมีประสิทธิภาพที่เกี่ยวข้องกับกฎบัตรตำแหน่งหน้าที่และความรับผิดชอบนโยบายค่าตอบแทนและคุณสมบัติอื่น ๆ .
ตาม Urwick (1972) การศึกษาของการจัดการเริ่มต้นด้วยวิศวกร มันเป็นวิทยาศาสตร์พื้นฐานวิศวกรรมการปฏิบัติคณิตศาสตร์ฟิสิกส์กลศาสตร์และอื่น ๆ ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยเทย์เลอร์เพื่อการวิเคราะห์และการวัดงานที่ได้รับมอบหมายให้กับประชาชนว่าวิทยาศาสตร์ของฝ่ายบริหารได้เริ่มต้น.
ทฤษฎีการบริหารจัดการและการปฏิบัติที่ยังเป็น ศึกษาจากจุดอื่น ๆ
อีกหลายมุมมอง: การวิจัยเชิงปริมาณ (การตัดสินใจเป็นศูนย์กลางของทฤษฎีการตัดสินใจของผู้บริหารและการตัดสินใจกลุ่ม) การดำเนินการวิจัย (แสดงปัญหาการจัดการในแง่ของสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์และความสัมพันธ์) และวิธีการระบบ (องค์กรที่เป็นระบบมีปฏิสัมพันธ์ ได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมภายนอก).
เกรเกอร์ {1957) การพัฒนาทฤษฎี X และทฤษฎี Y ของการจัดการ ทฤษฎี
X กล่าวว่าคนงานเรื่อย ๆ และพวกเขาจะได้รับการกระตุ้นด้วยการจัดการเพื่อนำไปสู่วัตถุประสงค์ขององค์กร คนงานอาจจะมีแรงจูงใจตามมาตรา 1.2 ประวัติศาสตร์การพัฒนาทฤษฎีการบริหารจัดการและการปฏิบัติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทบทวนชื่อสี