Based on Kirton's Adaption-Innovati

Based on Kirton's Adaption-Innovation Theory (1976, 1977) of problem-solving style at work, the construct of cognitive misfit was developed and proposed as one viable facet of Person-Organization fit. Cognitive misfit refers to the degree of mismatch between an individual's cognitive style of problem solving and the style demands of the work context. Relationships among cognitive misfit, job performance, and actual individual turnover after 3 years were examined in a sample of 253 engineers in either a Staff engineering function or a Research and Development (R&D) engineering function. The Staff function and the R&D function corresponded to a work context predominant in adaptive-style demands and a work context predominant in innovative-style demands, respectively. Results from logistic regression analyses showed that cognitive misfit was uncorrelated with job performance, but provided significant and substantial incremental validity in predicting actual turnover over the predictability provided by performance. Implications, limitations, and directions for future research were discussed in terms of levels of analysis issues and the current focus on Person-Organization fit in selection and organizational behavior research.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อิงทฤษฎีนวัตกรรม Adaption ของ Kirton (1976, 1977) การแก้ปัญหาทำงาน โครงสร้างขององค์ความรู้ misfit พัฒนา และนำเสนอ ตามที่เหมาะสมหนึ่งได้แง่ของบุคคลองค์กร Misfit ปัญญาหมายถึงระดับความตรงของแต่ละบุคคลความรู้ความเข้าใจลักษณะของการแก้ปัญหาและความต้องการลักษณะของบริบทการทำงาน ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ความรู้ misfit ปฏิบัติงาน และการหมุนเวียนแต่ละจริงหลังจาก 3 ปีถูก examined ในตัวอย่างของวิศวกรวิจัยและพัฒนา (r&d) วิศวกรรมฟังก์ชันหรือฟังก์ชันวิศวกรรมพนักงาน 253 การทำงานของพนักงานและการใช้งาน R & D corresponded ให้มีบริบททำงานที่โดดเด่นในความต้องการปรับรูปแบบและมีบริบททำงานที่โดดเด่นในสไตล์นวัตกรรม ความต้องการตามลำดับ ผลจากการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกพบ misfit องค์ความรู้ที่ถูก uncorrelated ประสิทธิภาพงาน แต่ให้พบ และที่สำคัญเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ในการทำนายยอดขายจริงกว่าคาดการณ์โดยประสิทธิภาพ ผลกระทบ จำกัด และทิศทางการวิจัยในอนาคตได้กล่าวถึงในแง่ของระดับของการวิเคราะห์ปัญหา และเน้นบุคคลองค์กรปัจจุบันพอดีในการเลือกและการวิจัยพฤติกรรมองค์กร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎี Kirton ของการปรับตัวนวัตกรรม (1976, 1977) ของรูปแบบการแก้ปัญหาในที่ทำงานของการสร้างความรู้ความเข้าใจไม่เหมาะได้รับการพัฒนาและการเสนอให้เป็นแง่มุมหนึ่งที่ทำงานได้พอดีส่วนบุคคลองค์การ ไม่เหมาะกับความรู้ความเข้าใจหมายถึงระดับของความไม่ตรงกันระหว่างรูปแบบองค์ความรู้ของแต่ละบุคคลในการแก้ปัญหาและความต้องการรูปแบบของบริบทการทำงาน ความสัมพันธ์ระหว่างเหมาะกับความรู้ความเข้าใจการปฏิบัติงานและผลประกอบการของแต่ละบุคคลที่เกิดขึ้นจริงหลังจาก 3 ปีมีการตรวจสอบในกลุ่มตัวอย่าง 253 วิศวกรในทั้งฟังก์ชั่นวิศวกรรมพนักงานหรือการวิจัยและพัฒนา (R & D) ฟังก์ชั่นวิศวกรรม ฟังก์ชั่นพนักงานและฟังก์ชั่น R & D สอดคล้องกับบริบทการทำงานที่โดดเด่นในความต้องการของการปรับตัวในรูปแบบที่โดดเด่นและบริบทการทำงานในความต้องการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในรูปแบบตามลำดับ ผลจากการวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกแสดงให้เห็นว่าไม่เหมาะกับความรู้ความเข้าใจเป็น uncorrelated กับการปฏิบัติงานอย่างมีนัยสำคัญ แต่จัดให้มีความถูกต้องและมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในการทำนายผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริงในช่วงคาดการณ์ที่ได้รับจากการปฏิบัติงาน ผลกระทบของข้อ จำกัด และทิศทางการวิจัยในอนาคตได้รับการกล่าวถึงในแง่ของระดับของปัญหาการวิเคราะห์และการมุ่งเน้นในปัจจุบันเกี่ยวกับบุคคลองค์การพอดีในการเลือกและการวิจัยพฤติกรรมองค์กร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามทฤษฎีของนวัตกรรมเหมาะสมเคอร์ตัน ( 1976 , 1977 ) ของรูปแบบการแก้ปัญหางาน สร้างความประหลาดถูกพัฒนา และเสนอเป็นหนึ่งในแง่ปฏิบัติกับองค์กรท่าน ความประหลาด หมายถึง ระดับที่ไม่ตรงกันระหว่างบุคคลมีการรับรู้รูปแบบของการแก้ปัญหา และความต้องการรูปแบบ การทำงานของบริบท ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ ก็ยังมีผลการปฏิบัติงาน และการหมุนเวียนของบุคคลจริง หลังจาก 3 ปี โดยทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างจำนวน 253 วิศวกรทั้งในหน้าที่เจ้าหน้าที่วิศวกรรมหรือวิจัยและพัฒนา ( R & D ) ฟังก์ชั่นทางวิศวกรรม พนักงานฟังก์ชันและฟังก์ชัน R & D ที่สอดคล้องกับบริบทการทำงานเด่นในความต้องการรูปแบบการปรับตัวและบริบทของงานเด่นในความต้องการ นวัตกรรมใหม่ ตามลำดับ ผลจากการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติก พบว่า การคิดเป็น uncorrelated เหมาะกับการปฏิบัติงาน แต่ให้ความสำคัญ และความถูกต้องที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในการพยากรณ์ผลประกอบการที่แท้จริงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยการแสดง ผลกระทบ ข้อจำกัด และทิศทางการวิจัยในอนาคตที่ถูกกล่าวถึงในแง่ของระดับของปัญหาการวิเคราะห์และมุ่งเน้นในปัจจุบันบุคคลในองค์กรกับการและการวิจัยพฤติกรรมขององค์กร