3. Estimation of horizontal rhizome

3. Estimation of horizontal rhizome elongation and rhizome plastochrone interval for monomeristematic
species:
Collect rhizome fragments as outlined above; measure the length and dry weight of the
fragments and the total number of rhizome segments in each fragment, and calculate, using
either regression analysis or simple ratios, the mean (± SE) length and weight per rhizome
segment. Calculate the rhizome elongation rate (cm day-1) as the ratio between the
rhizome length per segment (node plus internode) and the plastochrone interval, which is
the same for rhizome nodes and leaves for these species.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3. ประเมิน elongation แนวเหง้าและเหง้า plastochrone ช่วงสำหรับ monomeristematicสายพันธุ์:รวบรวมชิ้นส่วนของเหง้าอธิบายไว้ข้างต้น วัดความยาวและน้ำหนักแห้งของใบบางส่วนของจำนวนรวมของเหง้าเซ็กเมนต์ในแต่ละแยกส่วน และ คำนวณโดยใช้การวิเคราะห์การถดถอย หรืออัตราส่วนอย่างง่าย ค่าเฉลี่ย (± SE) ความยาว และน้ำหนักต่อเหง้าเซ็กเมนต์ คำนวณอัตรา elongation เหง้า (ซม.วัน-1) เป็นอัตราส่วนระหว่างการความยาวของเหง้าต่อเซ็กเมนต์ (โหนบวก internode) และช่วง plastochrone ซึ่งเป็นเดียวกันสำหรับโหนเหง้าและใบสำหรับชนิดเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3. การประมาณค่าการยืดตัวเหง้าแนวนอนและเหง้าช่วง plastochrone สำหรับ monomeristematic
สายพันธุ์:
เก็บเศษเหง้าที่ระบุไว้ข้างต้น วัดความยาวและน้ำหนักแห้งของ
ชิ้นส่วนและจำนวนของกลุ่มเหง้าในแต่ละส่วนและคำนวณโดยใช้
ทั้งการวิเคราะห์การถดถอยหรืออัตราส่วนง่ายเฉลี่ย (± SE) ความยาวและน้ำหนักต่อเหง้า
ส่วน คำนวณอัตราการยืดเหง้า (ซมวัน-1) เป็นอัตราส่วนระหว่าง
ความยาวเหง้าต่อส่วน (โหนดบวกปล้อง) และช่วงเวลา plastochrone ซึ่งเป็น
เหมือนกันสำหรับโหนดเหง้าและใบสำหรับสายพันธุ์นี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3 . การประมาณค่าความยาวเหง้าแนวนอนและเหง้า plastochrone ช่วง monomeristematic

เก็บเศษเหง้าพันธุ์ : ดังที่ระบุไว้ข้างต้น ; วัดความยาว และน้ำหนักแห้งของ
การกระจายตัวและจำนวนส่วนเหง้าในแต่ละส่วน และคำนวณโดยใช้สมการถดถอยหรืออัตราส่วน
ทั้งง่าย หมายถึง ( ±เซ ) ความยาวและน้ำหนัก ส่วนเหง้าต่อ

คำนวณโดยใช้อัตราการยืดตัว ( CM วันที่ ) เป็นค่าอัตราส่วนระหว่างความยาวต่อส่วน
เหง้า ( โหนดบวกปล้อง ) และ plastochrone ช่วงเวลาซึ่ง
เหมือนกันสำหรับโหนดเหง้าและใบสำหรับชนิดเหล่านี้