The island gets its name from its d

The island gets its name from its discovery by the Dutch explorer Jacob Roggeveen, on Easter (April 5) in 1722. Roggeveen’s first impression was not of a paradise but of a wasteland.
The island Roggeveen saw was grassland without a single tree or bush over ten feet high. The islanders Roggeveen encountered had no source of real firewood to warm themselves during Easter Island's cool, wet, windy winters. Their native animals included nothing larger than insects.For domestic animals, they had only chickens.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกาะได้รับชื่อจากการค้นพบโดย explorer ดัตช์ยาโคบ Roggeveen ในเทศกาลอีสเตอร์ (5 เมษายน) ใน 1722 ความประทับใจแรกของ Roggeveen ไม่ ของสวรรค์ แต่ wasteland เกาะ Roggeveen เห็นมีกราสแลนด์ โดยแผนภูมิเดี่ยวหรือบุชสูงกว่า 10 ฟุต ชาว Roggeveen ที่พบมีไม่มีแหล่งของจริงฟืนอุ่นตัวเองในช่วงหนาวเย็น เปียก วินดี้ของเกาะอีสเตอร์ สัตว์พื้นเมืองของพวกเขารวมมากกว่าแมลงอะไร สำหรับสัตว์ในประเทศ มีไก่เท่านั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกาะได้รับชื่อจากการค้นพบโดยนักสำรวจชาวดัตช์จาค็อบ Roggeveen, ในวันอีสเตอร์ (5 เมษายน) ใน 1722 การแสดงผล Roggeveen เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้มาจากสวรรค์ แต่ความสูญเปล่า.
เกาะ Roggeveen เห็นเป็นทุ่งหญ้าโดยไม่มีต้นไม้หรือพุ่มไม้มากกว่า สิบฟุตสูง ชาวเกาะ Roggeveen พบไม่มีแหล่งที่มาของไม้ฟืนที่แท้จริงของตัวเองเพื่อให้ความอบอุ่นในช่วงเกาะอีสเตอร์เย็นเปียกฤดูหนาวที่มีลมแรง สัตว์พื้นเมืองของพวกเขารวมถึงไม่มีอะไรที่มีขนาดใหญ่กว่า insects.For สัตว์ในประเทศที่พวกเขามีเพียงไก่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกาะได้รับชื่อจากการค้นพบโดยชาวดัตช์จาค็อบ roggeveen Explorer ในเทศกาลอีสเตอร์ ( 5 เมษายน ) . . ความประทับใจแรก roggeveen ไม่ใช่ของสวรรค์ แต่ของที่นี่
เกาะ roggeveen เห็นคือทุ่งหญ้าโดยไม่ต้นไม้หรือพุ่มไม้มากกว่าสิบฟุตสูง ชาวเกาะ roggeveen พบไม่มีแหล่งจริงฟืนอุ่นตัวเองในเกาะอีสเตอร์เย็น , เปียกสายลมหนาว สัตว์พื้นเมืองของพวกเขารวมไม่มีอะไรใหญ่กว่าแมลง สำหรับสัตว์เลี้ยง มีไก่เท่านั้น