Aim To investigate maternal and neo

Aim To investigate maternal and neonatal outcomes following implementation of a nurse practitioner-led model of care for diabetes in pregnancy. Background Diabetes in pregnancy increases the risk of adverse health outcomes in mothers and infants. The management of diabetes in pregnancy is crucial to reduce poor outcomes. Design Uncontrolled before-after intervention study. Methods International Classification of Diseases codes were used to identify pregnancies suspected of being complicated by diabetes. Demographic, health, diabetes and maternity data were extracted from hospital records. Adverse maternal and neonatal outcomes were compared pre- (2003-2006) and postintervention (2010-2011). Adjusted relative risks ( aRR) were calculated using the glm command in Stata. Results A total of 261 pregnancies were included: 112 pre-intervention and 149 managed under the nurse practitioner-led model. There were 37 women with pre-existing diabetes (26 T1 DM, 11 T2 DM) and 195 with gestational diabetes. Referrals to dieticians and diabetes educators increased, while referrals to physicians decreased. There was no decrease in the risk of adverse maternal outcomes for all women with DIP or women with GDM. However, there was a 24% decrease in adverse neonatal outcomes overall and a 40% decrease among infants of women with gestational diabetes. Conclusion The study demonstrated that nurse practitioner-led models of care for diabetes in pregnancy are feasible. The findings suggest that the model reduced adverse neonatal outcomes. By improving information provision, support and care coordination, the model is particularly valuable in rural areas, where access to medical specialists is often restricted.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบผลเวชศาสตร์มารดา และทารกแรกเกิดที่ต่อใช้งานของผู้ประกอบการพยาบาลนำรูปแบบการดูแลโรคเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ พื้นหลังโรคเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์เพิ่มความเสี่ยงของผลร้ายสุขภาพมารดาและทารก การจัดการโรคเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดผลไม่ดี ออกแบบการศึกษาทางก่อนหลังการแทรกแซง รหัสวิธีการจัดประเภทโรคนานาชาติถูกใช้เพื่อระบุการตั้งครรภ์ที่สงสัยว่าจะมีความซับซ้อนจากโรคเบาหวาน ประชากร ข้อมูลสุขภาพ โรคเบาหวาน และคลอดถูกสกัดจากเวชระเบียน เวชศาสตร์มารดา และทารกแรกเกิดผลร้ายได้เปรียบเทียบก่อน (2003-2006) และ postintervention (2010-2011) ปรับปรุงความเสี่ยงสัมพัทธ์ (ตารางเข้า) ถูกคำนวณโดยใช้คำสั่ง glm ใน Stata ผล A จำนวน 261 ตั้งครรภ์ได้รวม: 112 แทรกแซงก่อน และ 149 จัดการภายใต้แบบจำลองที่นำผู้ประกอบการพยาบาล มีผู้หญิง 37 กับโรคเบาหวานที่มีอยู่ก่อน (26 DM T1, T2 11 DM) และ 195 มีครรภ์โรคเบาหวาน อ้างอิง dieticians และนักการศึกษาโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น ขณะที่อ้างอิงการแพทย์ลดลง ไม่ลดลงความเสี่ยงของแม่ผลร้ายสำหรับผู้หญิงทุกคน ด้วยการจุ่มหรือผู้หญิงที่ มี GDM ได้ อย่างไรก็ตาม มีลดลง 24% ผลทารกแรกเกิดร้ายโดยรวมและลด 40% ในทารกของสตรีมีครรภ์โรคเบาหวาน บทสรุปการศึกษาแสดงให้เห็นว่าที่นำผู้ประกอบการพยาบาลรุ่นดูแลโรคเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์เป็นไปได้ ผลการศึกษาแนะนำว่า แบบลดผลร้ายทารกแรกเกิด โดยการปรับปรุงการสำรองข้อมูล สนับสนุนและดูแลประสานงาน แบบนั้นมีคุณค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบท การเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มักจะถูกจำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาผลของมารดาและทารกแรกเกิดต่อไปนี้การดำเนินงานของผู้ประกอบการเป็นรูปแบบที่นำพยาบาลในการดูแลรักษาโรคเบาหวานในการตั้งครรภ์ โรคเบาหวานความเป็นมาในการตั้งครรภ์เพิ่มความเสี่ยงของผลร้ายต่อสุขภาพของมารดาและทารก การจัดการของโรคเบาหวานในการตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะลดผลที่ไม่ดี ไม่มีการควบคุมการออกแบบการศึกษาการแทรกแซงก่อนหลัง วิธีการจำแนกระหว่างประเทศของรหัสโรคถูกนำมาใช้ในการระบุการตั้งครรภ์ที่ถูกสงสัยว่ามีความซับซ้อนจากโรคเบาหวาน ประชากรสุขภาพโรคเบาหวานและข้อมูลการคลอดบุตรสกัดจากบันทึกของโรงพยาบาล มารดาที่ไม่พึงประสงค์และผลของทารกแรกเกิดถูกนำมาเปรียบเทียบก่อน (2003-2006) และ postintervention (2010-2011) ความเสี่ยงสัมพัทธ์ปรับ (ARR) จะถูกคำนวณโดยใช้คำสั่ง GLM ใน Stata ผลรวมของ 261 การตั้งครรภ์รวมอยู่ A: 112 แทรกแซงก่อนและ 149 ที่มีการจัดการภายใต้รูปแบบที่นำผู้ประกอบการพยาบาล มี 37 ผู้หญิงที่มีผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอยู่ก่อน (26 DM T1, T2 11 DM) และ 195 กับเบาหวานขณะตั้งครรภ์ อ้างอิงถึง dieticians และนักการศึกษาผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นในขณะที่การอ้างอิงถึงแพทย์ลดลง ไม่มีการลดลงของความเสี่ยงของผลมารดาที่ไม่พึงประสงค์สำหรับผู้หญิงทุกคนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาหรือสตรีที่มี GDM แต่มีการลดลง 24% ในทารกแรกเกิดผลที่ไม่พึงประสงค์โดยรวมและลดลง 40% ในทารกของผู้หญิงที่มีเบาหวานขณะตั้งครรภ์ สรุปผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่ารูปแบบการพยาบาลนำผู้ประกอบการในการดูแลรักษาโรคเบาหวานในการตั้งครรภ์จะเป็นไปได้ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่ารูปแบบการลดผลข้างเคียงของทารกแรกเกิด โดยการปรับปรุงการให้ข้อมูลการสนับสนุนและประสานงานดูแลรูปแบบที่มีคุณค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบทซึ่งการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มักจะถูก จำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาผลของการใช้แม่และเด็กแรกเกิดตามพยาบาลเวชปฏิบัติที่นำรูปแบบการดูแลโรคเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ ประวัติเบาหวานในการตั้งครรภ์เพิ่มความเสี่ยงของภาวะสุขภาพของมารดาและทารก การจัดการโรคเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดผลที่ไม่ดี ออกแบบควบคุมก่อนหลังจากการศึกษาการแทรกแซงการจำแนกระหว่างประเทศของโรควิธีการรหัสถูกใช้เพื่อระบุ pregnancies ที่ต้องสงสัยว่าซับซ้อนโดยโรคเบาหวาน ประชากร , สุขภาพ , โรคเบาหวาน และข้อมูลการคลอดสกัดจากประวัติโรงพยาบาล มารดาและทารกแรกเกิดอาการไม่พึงประสงค์ผลเปรียบเทียบก่อน ( 2546-2549 ) และ postintervention ( 2010-2011 )การปรับความเสี่ยงสัมพัทธ์ ( ARR ) คำนวณโดยใช้ glm Command Language . ผลลัพธ์ทั้งหมด 261 การตั้งครรภ์รวม : 112 ก่อนการทดลอง และ 149 การจัดการภายใต้การพยาบาลเวชปฏิบัติ LED รุ่น มี 37 ผู้หญิงโรคที่มีอยู่ก่อน ( 26 T1 และ T2 11 DM ) และด้วยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ . ส่งต่อกับ dieticians และนักการศึกษาโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นในขณะที่การส่งต่อแพทย์ลดลง ไม่มีลดความเสี่ยงของอาการไม่พึงประสงค์จากมารดาผลสำหรับผู้หญิงกับผู้หญิงที่มีภาวะหรือจุ่ม . อย่างไรก็ตาม มี 24 % ลดลงจากผลโดยรวมในทารกแรกเกิดและลดลง 40% ในทารกของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ .สรุปผลการศึกษา พบว่า พยาบาลเวชปฏิบัติ รุ่น LED ดูแลเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์จะเป็นไปได้ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าแบบจำลองลดลงจากการเกิดผลลัพธ์ โดยการปรับปรุงการให้ข้อมูล สนับสนุน และดูแลการประสานงานรูปแบบมีคุณค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบทที่เข้าถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักจะถูกจำกัด