เพลโต จะพูดถึงว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมีแบบของมันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวันในโลกของเรามันเป็นแค่สิ่งที่เราเลียนแบบจาก "แบบ" ที่แท้จริง ถ้าหากเรารู้จริงในสิ่งที่เราเลียนแบบ จะทำให้เราทำสิ่งนั้นได้ดียิ่งขึ้น ใกล้เคียงกับของจริงยิ่งขึ้น แต่ถ้าเราไม่รู้จริงในสิ่งนั้นแล้วเลียนแบบ ก็จะทำให้สิ่งนั้นดูห่างไกลจากต้นแบบมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสิ่งนั้นมากยิ่งขึ้นว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร คนจะเริ่มเข้าใจในสิ่งที่ผิดจากความจริง เพลโตกำลังเตือนให้เราอย่าเชื่ออะไรง่ายๆโดยปราศจากการค้นหาความจริง เตือนให้เรานำเสนอแต่ความจริงหรือสิงที่เหมือนกับต้นแบบหรือใกล้เคียงต้นแบบมากที่สุด เช่นถ้าเราเป็นนักข่าวนำเสนอข่าวหนึ่งข่าว เรื่องราวของข่าวนั้นมันก็มีความจริงในเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องของมันอยู่แล้ว เวลาเรานำเสนอเราก็ต้องนำเนื้อหาข่าวนั้นมาแบบไม่บิดเบือนหรือลดทอนหรือเพิ่มเติมความจริงในเนื้อหาข่าวนั้น ซึ่งอาจจะเกิดจากความไม่รู้หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ความจริงถูกลดทอนไป เมื่อนำเสนอสู่คนทั่วไปก็อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดในเนื้อหาข่าวนั้น และหลงเชื่อว่าสิ่งนั้นคือความจริง ซึ่งเพลโตบอกว่ามันคือการมอมเมาประชาชน ซึ่งเป็นอันตรายต่อนครรัฐอย่างยิ่ง
ในความคิดของฉันคิดว่าถ้าความจริงอยู่หนือโลก งั้นเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามีความจริงอยู่ เพลโตก็ไม่รู้ว่า ความจริงคือโลกแห่งแบบ ที่เพลโตเห็นเงา แล้วบอกว่า เงานี้มีแบบอยู่ แบบที่สมบูณร์กว่าเงานี้ แต่ถ้าไม่มีแสงไฟ รึ แสงอาทิตย์ ก็ไม่สามารถ เห็นเงาได้ ฉะนั้นโลกเพลโต้เชื่อว่าเป็นโลกแห่งสัจจะแท้ ที่ไม่แปรปรวน เป็นโลกนิรันดร หรือโลกแห่งแบบ ก็ไม่มีอยู่ เช่น มนุษย์เราก็มีวิวัฒนาการณ์มาจากลิง งั้นโลกแห่งแบบเราก็คือลิง ไม่ใช่มนุษย์ที่มีสติปัญญาเหนือลิง ความจริงก็ต้องอยู่บนพื้นโลก ถ้าอยู่เหนือโลกก็เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจับต้องและมองเห็นได้ ถ้าหากอยู่บนพื้นโลกเราสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา เราสามารถเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ด้วยตัวเราเอง เมื่อเราเคยผ่านประสบการณ์นั้นมาเราก็สามารถเรียนรู้ได้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่จริง เช่นเราปลูกมะม่วง ผลที่ได้ก็ต้องเป็นมะม่วง คนเราทุกคนย่อมต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย เราคงหนีไม่พ้นความจริงเหล่านี้ไปได้ ความจริงที่อยู่บนพื้นโลกสามารถดำรงอยู่โดยไม่ต้องนึกฝันเอา สามารถเข้าถึงได้ สามารถพิสูจน์ได้ ส่วนความจริงที่อยู่เหนือโลกเป็นความจริงที่เราต้องนึกฝัน เข้าถึงไม่ได้และพิสูจน์ไม่ได้ แต่ความจริงบางอย่างก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้เพราะเป็นความจริงที่ตายตัวเช่น ศาสนา ความจริงก็คือสิ่งที่มีอยู่หรือเป็นอยู่จริงตามธรรมชาติของมันอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ความจริงที่เราอยากรู้จะเป็นเรื่องนอกตัวเรามากกว่าเช่นเรื่องนอกโลก เรื่องของคนอื่น แต่กลับไม่อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับชีวิตตัวเอง เช่นอะไรคือสิ่งสูงสุดในชีวิตและใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์ ซึ่งความจริงเหล่านี้มีประโยชน์ต่อตัวเรา ทำให้เรารู้ความจริงเกี่ยวกับชีวิตตัวเองจะทำให้เราดำรงชีวิตแบบไม่มีปัญหา ไม่มีความทุกข์และไม่มีความเดือดร้อน