AbstractBACKGROUND:Community-based

Abstract
BACKGROUND:
Community-based health education programs may be helpful in improving health outcomes in patients with chronic illnesses. This study aimed to evaluate community-based health education strategies in the management of hypertensive patients with low socioeconomic status in Dongguan City, China.
METHODS:
This was a randomized, non-blinded trial involving 360 hypertensive patients enrolled in the community health service centre of Liaobu Town, Dongguan City, China. Participants were randomized to receive one of the three community-based health education programs over 2 years: self-learning reading (Group 1), monthly regular didactic lecture (Group 2), monthly interactive education workshop (Group 3). Outcomes included the changes in the proportion of subjects with normalized blood pressure (BP), hypertension-related knowledge score, adherence to antihypertensive treatment, lifestyle, body mass index and serum lipids.
RESULTS:
After the 2-y intervention, the proportion of subjects with normalized BP increased significantly in Group 2 (from 41.2% to 63.2%, p

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

AbstractBACKGROUND:Community-based health education programs may be helpful in improving health outcomes in patients with chronic illnesses. This study aimed to evaluate community-based health education strategies in the management of hypertensive patients with low socioeconomic status in Dongguan City, China.METHODS:This was a randomized, non-blinded trial involving 360 hypertensive patients enrolled in the community health service centre of Liaobu Town, Dongguan City, China. Participants were randomized to receive one of the three community-based health education programs over 2 years: self-learning reading (Group 1), monthly regular didactic lecture (Group 2), monthly interactive education workshop (Group 3). Outcomes included the changes in the proportion of subjects with normalized blood pressure (BP), hypertension-related knowledge score, adherence to antihypertensive treatment, lifestyle, body mass index and serum lipids.RESULTS:After the 2-y intervention, the proportion of subjects with normalized BP increased significantly in Group 2 (from 41.2% to 63.2%, p<0.001), and increased more substantially in Group 3 (from 40.2% to 86.3%, p<0.001), but did not change significantly in Group 1. Improvements in hypertension-related knowledge score, adherence to regular use of medications, appropriate salt intake and regular physical activity were progressively greater from group 1 to group 2 to group 3. Group 3 had the largest reductions in body mass index and serum LDL cholesterol levels.สรุป:ประชุมเชิงปฏิบัติการการศึกษาแบบโต้ตอบอาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในหลักสูตรการศึกษาส่งเสริมสุขภาพชุมชนผู้ป่วย hypertensive ในพัฒนาความรู้ผู้ป่วยเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง และบรรเทาอาการทางคลินิกปัจจัยเสี่ยงเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อมา: โปรแกรมการศึกษาสุขภาพชุมชนอาจจะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงผลลัพธ์ทางสุขภาพในผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินกลยุทธ์การศึกษาสุขภาพชุมชนตามในการบริหารจัดการของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับต่ำในเมืองตงกวน, จีน. วิธีการ: นี่คือการสุ่มทดลองที่ไม่ได้ตาบอดที่เกี่ยวข้องกับ 360 ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ลงทะเบียนเรียนในชุมชนศูนย์บริการสุขภาพของ Liaobu Town, ตงกวนเมืองจีน เข้าร่วมถูกสุ่มให้ได้รับหนึ่งในสามของโปรแกรมการศึกษาสุขภาพชุมชนตามมากกว่า 2 ปีที่: อ่านเรียนรู้ด้วยตนเอง (กลุ่มที่ 1) การบรรยายเกี่ยวกับการสอนรายเดือนปกติ (กลุ่ม 2) การประชุมเชิงปฏิบัติการการศึกษาแบบโต้ตอบรายเดือน (กลุ่ม 3) ผลรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนของอาสาสมัครที่มีความดันโลหิตปกติ (BP) คะแนนความรู้ความดันโลหิตสูงที่เกี่ยวข้องกับการยึดมั่นในการรักษาความดันโลหิตสูง, การดำเนินชีวิต, ดัชนีมวลกายและไขมันในซีรั่ม. ผลหลังจากการแทรกแซง 2 ปีสัดส่วนของอาสาสมัคร ที่มีความดันโลหิตปกติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ 2 (จาก 41.2% เป็น 63.2%, p <0.001) และเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มที่ 3 (จาก 40.2% เป็น 86.3%, p <0.001) แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ 1 การปรับปรุงในคะแนนความรู้ความดันโลหิตสูงที่เกี่ยวข้องกับการยึดมั่นกับการใช้งานปกติของยา, การบริโภคเกลือที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็มีความก้าวหน้ามากขึ้นจากกลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 ให้กับกลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ 3 มีการลดลงที่ใหญ่ที่สุดในดัชนีมวลกายและซีรั่มระดับคอเลสเตอรอล . สรุป: อินเตอร์แอคทีประชุมเชิงปฏิบัติการการศึกษาอาจจะเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการส่งเสริมสุขภาพชุมชนตามโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในการพัฒนาความรู้ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและในการบรรเทาความเสี่ยงทางคลินิกปัจจัยในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนความดันโลหิตสูงที่เกี่ยวข้องกับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นหลังนามธรรม
:
ชุมชนโปรแกรมสุขศึกษาอาจจะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพในผู้ป่วยที่เจ็บป่วยเรื้อรัง การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินสุขภาพชุมชนการศึกษากลยุทธ์ในการจัดการของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำในเมืองตงกวน , จีน :
.
วิธีนี้เป็นแบบสุ่มไม่ตาบอดทดลองที่เกี่ยวข้องกับ 360 โรคความดันโลหิตสูง ลงทะเบียนเรียนใน บริการชุมชน ศูนย์สุขภาพ ของถูกจัดการในเมือง , เมืองตงกวน , จีน ผู้เข้าร่วมถูกสุ่มให้รับหนึ่งในสามของโปรแกรมสุขศึกษาชุมชนกว่า 2 ปี : เรียนรู้การอ่าน ( กลุ่มที่ 1 ) รายเดือนปกติการสอนบรรยาย ( กลุ่มที่ 2 ) การประชุมเชิงปฏิบัติการการศึกษาแบบรายเดือน ( กลุ่ม 3 )ผลรวมการเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนของผู้ที่มีปกติความดันโลหิต ( BP ) คะแนนความรู้เกี่ยวกับความดันโลหิตสูง , ความดันโลหิตสูงการรักษา , ชีวิต , ดัชนีมวลกายและระดับไขมัน .

หลังจาก 2-y ผลการแทรกแซง สัดส่วนของกลุ่มตัวอย่างที่มีมาตรฐาน BP เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ 2 ( ร้อยละ 63.2 % เป็นรายได้จาก , p < 0.001 )และการเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มที่ 3 ( จากร้อยละ 40.2 ทรัพย์ % , P < 0.001 ) แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ 1 โรคที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงคะแนนความรู้ การใช้ปกติของโรค ปริมาณเกลือที่เหมาะสม และกิจกรรมทางกายที่ปกติมีความก้าวหน้ามากขึ้น จากกลุ่ม 1 กลุ่ม 2 กลุ่ม 3กลุ่มที่ 3 มีการลดลงที่ใหญ่ที่สุดในดัชนีมวลกายและระดับ LDL ระดับคอเลสเตอรอล

สรุปการประชุมเชิงปฏิบัติการการศึกษาแบบโต้ตอบอาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการส่งเสริมสุขภาพชุมชนโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในการปรับปรุงความรู้ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และแก้ไขปัจจัยเสี่ยงทางคลินิกสำหรับการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง .