บทบาทของพม่าในอาเซียนพม่าเป็นประเทศที่มีความสำคัญประเทศหนึ่งในภูมิภาคเ การแปล - บทบาทของพม่าในอาเซียนพม่าเป็นประเทศที่มีความสำคัญประเทศหนึ่งในภูมิภาคเ ไทย วิธีการพูด

บทบาทของพม่าในอาเซียนพม่าเป็นประเทศ

บทบาทของพม่าในอาเซียน

พม่าเป็นประเทศที่มีความสำคัญประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นความสำคัญทางด้านภูมิศาสตร์ที่มีพรมแดนเป็นประตูเชื่อมโยงจีนและอินเดีย ทั้งยังเป็นประตูหรือทางออกไปสู่ตะวันออกกลางและยุโรป ดังนั้น สภาพทางภูมิศาสตร์ของพม่าจึงมีความสำคัญในยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งเป็นยุคที่โลกไร้พรมแดน เนื่องจากพม่าสามารถเป็นทางผ่านของวัตถุดิบและสินค้าระหว่างภูมิภาคได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะด้านพลังงานอันเป็นปัจจัยสำคัญของยุคอุตสาหกรรม เป็นตลาดสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกของประเทศในภูมิภาค อีกทั้งพม่ามีแรงงานขั้นต่ำราคาถูก สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้พม่ามีบทบาทสำคัญ เป็นที่ต้องการของกลุ่มประเทศอาเซียนในการชักชวนให้เข้าเป็นสมาชิก

               ในระยะเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ.2505–2531 ประเทศพม่ามีนโยบายต่างประเทศที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “นโยบายโดดเดี่ยวตัวเอง” (Isolationism) และปกครองประเทศภายใต้เผด็จการทหาร กระทั่งเกิดความวุ่นวายภายในพม่าในปี 2531 ทำให้พม่าหันมาปรับใช้นโยบายเปิดประเทศทางด้านเศรษฐกิจ ด้วยการออกกฎหมายการลงทุนต่างชาติ และติดต่อคบค้ากับประเทศในภูมิภาคมากขึ้น เช่น ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก นอกจากนี้ พม่ายังเปิดสัมพันธ์ต่อประเทศสังคมนิยมทั้งเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ในขณะที่ด้านการเมืองภายในยังคงปิดกั้นไม่ให้ต่างชาติเข้าแทรกแซง ท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายประเทศกดดันปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพม่า ซึ่งมีการเข่นฆ่า สังหาร คุกคาม ข่มขืนประชาชนและชนกลุ่มน้อยโดยทหารพม่ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกดขี่และผูกขาดทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมที่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นมูลฐานด้านต่างๆ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พม่าได้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน รัฐบาลพม่าได้มีท่าทีอ่อนลง โดยยอมให้มีการหารือกับชนกลุ่มน้อยและพรรคฝ่ายค้าน เพื่อหวังที่จะปรับปรุงภาพลักษณ์ของรัฐบาลให้ดีขึ้น และนำไปสู่การประนีประนอมทางการเมืองภายในประเทศ จึงมีการยุบ SLORC และได้จัดตั้งสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ (State Peace and Development Council : SPDC) ขึ้นแทน แต่ในปี พ.ศ.2550 รัฐบาลพม่าก็ได้ได้ปราบปรามการชุมนุมของพระภิกษุสงฆ์และประชาชนในกรุงย่างกุ้ง ที่ออกมาชุมนุมนับแสนเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าลดราคาน้ำมัน ปล่อยนักโทษการเมือง ให้ฝ่ายทหารผู้ปกครองประเทศตั้งคณะสมานฉันท์เพื่อความปรองดองแห่งชาติ โดยในเหตุการณ์ปราบปรามในครั้งนั้น มีประชาชนเสียชีวิตหลายร้อยคน[6] สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นความกังวลใจของอาเซียน เพราะพม่าได้ทำให้ปัญหาที่พม่ามีกับประชาคมโลกกลายเป็นปัญหาของอาเซียนมากกว่าปัญหาของพม่าโดยตรง

                     ด้านบทบาทการเป็นประธานอาเซียน ในปี พ.ศ.2549 ประเทศพม่าได้ถูกกดดันจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปให้ถอนตัวจากการเป็นประธานอาเซียน เนื่องจากมีการต่อต้านและวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในพม่า จนท้ายที่สุดประเทศพม่าต้องยอมถอนตัวจากประธานอาเซียนในครั้งนั้น และไม่ได้เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียน ประจำปี 2549 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในพม่าเริ่มคลี่คลายมากขึ้น หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปของพม่าในปี พ.ศ.2553 ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของพม่า โดยถือเป็นจุดสิ้นสุดรัฐบาลเผด็จการทหารและได้รัฐบาลพลเรือนชุดใหม่ อีกทั้งพม่ายังมีการปล่อยนักโทษการเมือง และแสดงท่าทีในการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในพม่า เป็นผลทำให้สถานะของพม่าในสายตาของประชาคมโลกดีขึ้น จนทำให้นายนูซาดัว คณะรัฐมนตรีชาติสมาชิกอาเซียน ประกาศว่าอาเซียนจะรับรองพม่าในการเป็นประธานสมาคมอาเซียน ประจำปี 2557 ถือเป็นแรงสนับสนุนให้กับรัฐบาลใหม่ของพม่า หลังพยายามปฏิรูปประเทศในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้ง นายอานิฟะห์ อามาน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ยังได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในการประชุมอาเซียนที่เกาะบาหลีว่า “บรรดาประเทศสมาชิกต่างเห็นตรงกันว่าจะให้พม่าเป็นประธานอาเซียนปี 2557 หลังจากที่พม่าดำเนินแนวทางอย่างสร้างสรรค์ในการปฏิรูปประชาธิปไตย และควรสนับสนุนด้วยการให้พม่าได้เป็นประธานอาเซียน” [7]

 
3500/5000
จาก: อังกฤษ
เป็น: ไทย
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
บทบาทของพม่าในอาเซียนพม่าเป็นประเทศที่มีความสำคัญประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ว่าจะเป็นความสำคัญทางด้านภูมิศาสตร์ที่มีพรมแดนเป็นประตูเชื่อมโยงจีนและอินเดียทั้งยังเป็นประตูหรือทางออกไปสู่ตะวันออกกลางและยุโรปดังนั้นสภาพทางภูมิศาสตร์ของพม่าจึงมีความสำคัญในยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งเป็นยุคที่โลกไร้พรมแดนเนื่องจากพม่าสามารถเป็นทางผ่านของวัตถุดิบและสินค้าระหว่างภูมิภาคได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ยังมีทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะด้านพลังงานอันเป็นปัจจัยสำคัญของยุคอุตสาหกรรมเป็นตลาดสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นสินค้าส่งออกของประเทศในภูมิภาคอีกทั้งพม่ามีแรงงานขั้นต่ำราคาถูกสิ่งเหล่านี้ได้ทำให้พม่ามีบทบาทสำคัญเป็นที่ต้องการของกลุ่มประเทศอาเซียนในการชักชวนให้เข้าเป็นสมาชิก ในระยะเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ.2505–2531 ประเทศพม่ามีนโยบายต่างประเทศที่อาจเรียกได้ว่าเป็น "นโยบายโดดเดี่ยวตัวเอง" (Isolationism) และปกครองประเทศภายใต้เผด็จการทหารกระทั่งเกิดความวุ่นวายภายในพม่าในปียอมโดยสมัครทำให้พม่าหันมาปรับใช้นโยบายเปิดประเทศทางด้านเศรษฐกิจด้วยการออกกฎหมายการลงทุนต่างชาติและติดต่อคบค้ากับประเทศในภูมิภาคมากขึ้นเช่นไทยสิงคโปร์อินโดนีเซียและมาเลเซียโดยมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นหลักนอกจากนี้พม่ายังเปิดสัมพันธ์ต่อประเทศสังคมนิยมทั้งเวียดนามลาวและกัมพูชาในขณะที่ด้านการเมืองภายในยังคงปิดกั้นไม่ให้ต่างชาติเข้าแทรกแซงท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายประเทศกดดันปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพม่าซึ่งมีการเข่นฆ่าสังหารคุกคามข่มขืนประชาชนและชนกลุ่มน้อยโดยทหารพม่ามาอย่างต่อเนื่องรวมถึงการกดขี่และผูกขาดทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคมที่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นมูลฐานด้านต่าง ๆอย่างไรก็ตามหลังจากที่พม่าได้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนรัฐบาลพม่าได้มีท่าทีอ่อนลงโดยยอมให้มีการหารือกับชนกลุ่มน้อยและพรรคฝ่ายค้านเพื่อหวังที่จะปรับปรุงภาพลักษณ์ของรัฐบาลให้ดีขึ้นและนำไปสู่การประนีประนอมทางการเมืองภายในประเทศจึงมีการยุบ SLORC และได้จัดตั้งสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ (รัฐสภาพัฒนาและสันติภาพ: SPDC) ขึ้นแทนแต่ในปี พ.ศ.2550 รัฐบาลพม่าก็ได้ได้ปราบปรามการชุมนุมของพระภิกษุสงฆ์และประชาชนในกรุงย่างกุ้งที่ออกมาชุมนุมนับแสนเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าลดราคาน้ำมันปล่อยนักโทษการเมืองให้ฝ่ายทหารผู้ปกครองประเทศตั้งคณะสมานฉันท์เพื่อความปรองดองแห่งชาติโดยในเหตุการณ์ปราบปรามในครั้งนั้นมีประชาชนเสียชีวิตหลายร้อยคน [6] สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความกังวลใจของอาเซียนเพราะพม่าได้ทำให้ปัญหาที่พม่ามีกับประชาคมโลกกลายเป็นปัญหาของอาเซียนมากกว่าปัญหาของพม่าโดยตรง ด้านบทบาทการเป็นประธานอาเซียนในปี พ.ศ.2549 ประเทศพม่าได้ถูกกดดันจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปให้ถอนตัวจากการเป็นประธานอาเซียนเนื่องจากมีการต่อต้านและวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในพม่าจนท้ายที่สุดประเทศพม่าต้องยอมถอนตัวจากประธานอาเซียนในครั้งนั้นและไม่ได้เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนประจำปี ๒๕๔๙ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในพม่าเริ่มคลี่คลายมากขึ้นหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปของพม่าในปี พ.ศ.2553 ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของพม่าโดยถือเป็นจุดสิ้นสุดรัฐบาลเผด็จการทหารและได้รัฐบาลพลเรือนชุดใหม่อีกทั้งพม่ายังมีการปล่อยนักโทษการเมืองและแสดงท่าทีในการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในพม่าเป็นผลทำให้สถานะของพม่าในสายตาของประชาคมโลกดีขึ้นจนทำให้นายนูซาดัวคณะรัฐมนตรีชาติสมาชิกอาเซียนประกาศว่าอาเซียนจะรับรองพม่าในการเป็นประธานสมาคมอาเซียนประจำปี 2557 ถือเป็นแรงสนับสนุนให้กับรัฐบาลใหม่ของพม่าหลังพยายามปฏิรูปประเทศในช่วงที่ผ่านมาอีกทั้งนายอานิฟะห์อามานรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียยังได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในการประชุมอาเซียนที่เกาะบาหลีว่า "บรรดาประเทศสมาชิกต่างเห็นตรงกันว่าจะให้พม่าเป็นประธานอาเซียนปี 2557 หลังจากที่พม่าดำเนินแนวทางอย่างสร้างสรรค์ในการปฏิรูปประชาธิปไตยและควรสนับสนุนด้วยการให้พม่าได้เป็นประธานอาเซียน" [7] 
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ดังนั้น ซึ่งเป็นยุคที่โลกไร้พรมแดน นอกจากนี้ เป็นตลาดสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค อีกทั้งพม่ามีแรงงานขั้นต่ำราคาถูก                พ.ศ. 2505-2531 "นโยบายโดดเดี่ยวตัวเอง" (โดดเดี่ยว) และปกครองประเทศภายใต้เผด็จการทหาร 2531 ด้วยการออกกฎหมายการลงทุนต่างชาติ เช่นไทยสิงคโปร์อินโดนีเซียและมาเลเซีย นอกจากนี้ ลาวและกัมพูชา ซึ่งมีการเข่นฆ่าสังหารคุกคาม รัฐบาลพม่าได้มีท่าทีอ่อนลง จึงมีการยุบ SLORC (สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ: รัฐบาลทหารพม่า) ขึ้นแทน แต่ในปี พ.ศ. 2550 ปล่อยนักโทษการเมือง โดยในเหตุการณ์ปราบปรามในครั้งนั้นมีประชาชนเสียชีวิตหลายร้อยคน [6] สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความกังวลใจของอาเซียน                      ในปี พ.ศ. 2549 ประจำปี 2549 อย่างไรก็ตาม พ.ศ. 2553 จนทำให้นายนูซาดัวคณะรัฐมนตรีชาติสมาชิกอาเซียน ประจำปี 2557 อีกทั้งนายอานิฟะห์อามานรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย 2557 [7]









 
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
บทบาทของพม่าในอาเซียน

พม่าเป็นประเทศที่มีความสำคัญประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ว่าจะเป็นความสำคัญทางด้านภูมิศาสตร์ที่มีพรมแดนเป็นประตูเชื่อมโยงจีนและอินเดียดังนั้นสภาพทางภูมิศาสตร์ของพม่าจึงมีความสำคัญในยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งเป็นยุคที่โลกไร้พรมแดนเนื่องจากพม่าสามารถเป็นทางผ่านของวัตถุดิบและสินค้าระหว่างภูมิภาคได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้เป็นตลาดสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นสินค้าส่งออกของประเทศในภูมิภาคอีกทั้งพม่ามีแรงงานขั้นต่ำราคาถูกสิ่งเหล่านี้ได้ทำให้พม่ามีบทบาทสำคัญ
              ในระยะเวลาตั้งแต่ปีพ . ศ .2505 – 2531 ประเทศพม่ามีนโยบายต่างประเทศที่อาจเรียกได้ว่าเป็น " นโยบายโดดเดี่ยวตัวเอง " ( แปล ) และปกครองประเทศภายใต้เผด็จการทหารกระทั่งเกิดความวุ่นวายภายในพม่าในปี 2531ด้วยการออกกฎหมายการลงทุนต่างชาติและติดต่อคบค้ากับประเทศในภูมิภาคมากขึ้นเช่นไทยสิงคโปร์อินโดนีเซียและมาเลเซียโดยมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นหลักนอกจากนี้ลาวและกัมพูชาในขณะที่ด้านการเมืองภายในยังคงปิดกั้นไม่ให้ต่างชาติเข้าแทรกแซงท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายประเทศกดดันปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพม่าซึ่งมีการเข่นฆ่าสังหารคุกคามรวมถึงการกดขี่และผูกขาดทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคมที่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นมูลฐานด้านต่างๆ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่พม่าได้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนรัฐบาลพม่าได้มีท่าทีอ่อนลงโดยยอมให้มีการหารือกับชนกลุ่มน้อยและพรรคฝ่ายค้านเพื่อหวังที่จะปรับปรุงภาพลักษณ์ของรัฐบาลให้ดีขึ้นจึงมีการยุบและได้จัดตั้งสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐรัฐ ( State Peace and Development Council :สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ ) ขึ้นแทนแต่ในปีพ . ศ .2550 รัฐบาลพม่าก็ได้ได้ปราบปรามการชุมนุมของพระภิกษุสงฆ์และประชาชนในกรุงย่างกุ้งที่ออกมาชุมนุมนับแสนเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าลดราคาน้ำมันปล่อยนักโทษการเมืองโดยในเหตุการณ์ปราบปรามในครั้งนั้นมีประชาชนเสียชีวิตหลายร้อยคน [ 6 ] สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความกังวลใจของอาเซียนเพราะพม่าได้ทำให้ปัญหาที่พม่ามีกับประชาคมโลกกลายเป็นปัญหาของอาเซียนมากกว่าปัญหาของพม่าโดยตรง

                    ด้านบทบาทการเป็นประธานอาเซียนสามารถพ . ศ .2549 ประเทศพม่าได้ถูกกดดันจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปให้ถอนตัวจากการเป็นประธานอาเซียนเนื่องจากมีการต่อต้านและวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในพม่าและไม่ได้เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนประจำปี 2549 อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในพม่าเริ่มคลี่คลายมากขึ้นหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปของพม่าในปีพ .ศ .2553 ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของพม่าโดยถือเป็นจุดสิ้นสุดรัฐบาลเผด็จการทหารและได้รัฐบาลพลเรือนชุดใหม่อีกทั้งพม่ายังมีการปล่อยนักโทษการเมืองเป็นผลทำให้สถานะของพม่าในสายตาของประชาคมโลกดีขึ้นจนทำให้นายนูซาดัวคณะรัฐมนตรีชาติสมาชิกอาเซียนประกาศว่าอาเซียนจะรับรองพม่าในการเป็นประธานสมาคมอาเซียนประจำปี 2557หลังพยายามปฏิรูปประเทศในช่วงที่ผ่านมาอีกทั้งนายอานิฟะห์อามานรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียยังได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในการประชุมอาเซียนที่เกาะบาหลีว่า2557 หลังจากที่พม่าดำเนินแนวทางอย่างสร้างสรรค์ในการปฏิรูปประชาธิปไตยและควรสนับสนุนด้วยการให้พม่าได้เป็นประธานอาเซียน " [ 7 ]
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: ilovetranslation@live.com