เช้าของวันหนึ่งมุกกำลังเช็ดตัวให้กุ้งที่นอนป่วยอยู่ ตี๋ซึ่งกลับมาจากหาของป่ากลับบ้านมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ เหงื่อเต็มตัว ท่าทางรีบร้อนเพราะเขาไม่อยากปล่อยให้กุ้งอยู่บ้านเพียงลำพัง เมื่อเข้ามาเห็นมุกเช็ดตัวให้กุ้งอยู่เขาเลยวางใจว่าสามารถให้มุกดูแลกุ้งได้ในยามที่เขาไม่อยู่ เขานั่งพักจนอาการเหนื่อยหอบทุเลาไม่รอช้าเขารีบเข้ามาเช็ดตัวให้กุ้งต่อจากมุกทันทีด้วยความรักและความเป็นห่วง ไม่มีวันไหนที่ตี๋จะไม่คิดหาหนทางเพื่อรักษาภรรยาตัวเอง เขาคิดอยู่ตลอดเวลาแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก มุกพูดขึ้นมาว่า “เราต้องรักษากุ้งจะหายได้ด้วยหมอและยารักษาโรค” เพียงแค่คำว่า “ยารักษาโรค” ทำให้ตี๋คิดว่าเขามีทางออก เขาคิดว่าเขาจะเอายารักษาโรคมาจากที่ไหนในเมื่อเขาไม่มีแม้แต่เงิน
ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เขาคิดหาทางออกที่ไม่ดีนัก แต่ไม่มีวิธีไหนที่จะยื้อชีวิตคนที่ตัวเองรักได้นอกจากการหายารักษาโรคมารักษาภรรยาตัวเอง เขาไม่รีรอที่จะทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมเพราะด้วยความคิดที่ว่าชีวิตสำคัญกว่า มุกตกใจและสงสัยในความลุกลี้ลุกลนของตี๋ที่ไม่ทันได้พูดอะไรเขารีบคว้ากระเป๋าย่ามคู่ใจเดินออกจากบ้านด้วยความหนักแน่นของการย่ำเท้า และหน้าตาที่ดูเคร่งเครียดจริงจัง
หน้าร้านขายยาแห่งหนึ่งในเมืองที่มีผู้คนเดินพลุกพล่าน ตี๋ยืนมองเข้าไปในร้านเพื่อคิดหาหนทางเพื่อจะนำยาไปรักษาภรรยาตัวเองให้ได้ แต่ด้วยความที่เขาไม่มีแม้แต่เงินสิ่งเดียวที่ทำได้เพื่อยื้อชีวิตภรรยาของเขาคือการขโมยยาจากร้านขายยานั้น ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ และความที่เขาเป็นคนจิตใจดีทำให้การกระทำความผิดในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจกระทำด้วยความยากลำบาก เมื่อภาพภรรยานอนป่วยปรากฎขึ้นในความคิดของเขา เขาจึงไม่รีรอเดินเข้าไปในร้าน เภสัชกรสาวสวยชื่อเมย์เธอดูเป็นคนจิตใจดี หน้าตาของเธอดูโอบอ้อมอารีทำให้การตัดสินใจทำผิดเป็นเรื่องที่ยากนัก แต่ด้วยความคิดที่ว่าลักษณะการแต่งตัว รูปร่างหน้าตาของตี๋ที่เป็นคนชนบท หน้าตามอมแมม เขาจึงคิดว่าถ้าเอ่ยปากขอคงโดนไล่ออกจากร้านเป็นแน่