Lactic and acetic acids are generat

Lactic and acetic acids are generated inside the cell via
carbohydrate catabolism and exported out through the membrane by citrate transporter to maintain cell homeostasis
(Magni et al. 1999). Lactobacilli metabolize carbohydrates
either homofermentatively or heterofermentatively to produce lactic acid and acetic acid as predominant endproducts, with at least 50–85 % lactic acid. Bifidobacteria,
on the other hand, metabolize carbohydrates via the bifidus
pathway to produce more acetic acid than lactic acid (Østlie
et al. 2003). However, our results showed that bifidobacteria
produced more lactic acid than acetic acid. Bifidobacteria
have been reported to alter their metabolic pathways,
depending on the availability of carbon sources, and thus
may result in higher production of lactic acid than acetic
acid (Palframan et al. 2003). In this study, all strains of
lactobacilli and bifidobacteria were able to produce lactic
acid at total concentrations ranging from 3.50 to 4.75 mg/mL.
Beneficial effects of lactic acid on skin such as improving skin
barrier function, hydration and lightening have been extensively reported. It is also reported that topical application of
lactic acid at low concentrations of 0.1–1 % could exhibit
antibacterial activity against most dermal pathogenic bacteria
(Pasricha et al. 1979). Our current study also showed that
strains of lactobacilli and bifidobacteria were able to produce
acetic acid at total concentrations ranging from 1.84 to
3.32 mg/mL. Nagoba et al. (2008) reported that topical application of acetic acid at a low concentration of 0.5 % successfully eliminated Pseudomonas aeruginosa from burns and
soft tissue wounds of 14 out of 16 patients within 2 week

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แลกติกและกรดอะซิติกจะถูกสร้างขึ้นภายในเซลล์ผ่านแคแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต และส่งออกผ่านเมมเบรนที่ โดยขนส่งซิเตรตเพื่อรักษาภาวะธำรงดุลของเซลล์(Magni et al. 1999) Lactobacilli metabolize คาร์โบไฮเดรตhomofermentatively หรือ heterofermentatively ในการผลิตกรดแลกติกและกรดอะซิติกเป็น endproducts กัน มีน้อยกรด 50-85% Bifidobacteriaบนมืออื่น ๆ metabolize คาร์โบไฮเดรตผ่านการ bifidusทางเดินเพื่อสร้างกรดอะซิติกเพิ่มมากขึ้นกว่ากรด (Østlieร้อยเอ็ด al. 2003) อย่างไรก็ตาม ผลของเราแสดงให้เห็นว่า bifidobacteriaผลิตกรดเพิ่มมากขึ้นกว่ากรดอะซิติก Bifidobacteriaมีการรายงานการเปลี่ยนแปลงหลักการเผาผลาญขึ้นอยู่กับความพร้อมของแหล่งคาร์บอน และดังนั้นอาจส่งผลให้ผลิตสูงกรดอะซิติกมากกว่ากรด (Palframan et al. 2003) ในการศึกษานี้ สายพันธุ์ทั้งหมดของlactobacilli และ bifidobacteria มีความสามารถในการผลิตแล็กติกกรดที่ความเข้มข้นรวมตั้งแต่ 3.50 4.75 mg/mLผลประโยชน์ของกรดบนผิวเช่นปรับปรุงผิวฟังก์ชันสิ่งกีดขวาง การไล่น้ำ และเด้งมีการรายงานอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังมีรายงานที่เฉพาะของโปรแกรมประยุกต์กรดแลกติกที่ความเข้มข้นต่ำสุดที่ 0.1 – 1% สามารถแสดงกิจกรรมต้านเชื้อแบคทีเรียกับแบคทีเรียมากที่สุดประมาณอุบัติ(Pasricha et al. 1979) เรายัง พบว่าการศึกษาปัจจุบันมีความสามารถในการผลิตสายพันธุ์ lactobacilli และ bifidobacteriaกรดอะซิติกที่ความเข้มข้นรวมตั้งแต่ 1.84 เพื่อ3.32 mg/mL Nagoba et al. (2008) รายงานว่า แอพลิเคชันเฉพาะของกรดน้ำส้มที่ความเข้มข้นต่ำสุดที่ 0.5% สำเร็จตัด Pseudomonas aeruginosa จากเผาไหม้ และบาดแผลเนื้อเยื่ออ่อนของผู้ป่วย 14 จาก 16 ภายใน 2 สัปดาห์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรดแลคติกและอะซิติกถูกสร้างขึ้นภายในเซลล์ผ่าน
catabolism คาร์โบไฮเดรตและส่งออกผ่านเมมเบรนโดยขนซิเตรตในการรักษาสมดุลของเซลล์
(Magni et al. 1999) Lactobacilli เผาผลาญคาร์โบไฮเดรต
ทั้ง homofermentatively หรือ heterofermentatively ในการผลิตกรดแลคติกและกรดอะซิติกเป็น endproducts เด่นที่มีอย่างน้อย 50-85% กรดแลคติก ไบฟิโดแบคทีเรีย
ในมืออื่น ๆ , เผาผลาญคาร์โบไฮเดรตผ่าน bifidus
ทางเดินในการผลิตกรดอะซิติกมากกว่ากรดแลคติก (Østlie
et al. 2003) อย่างไรก็ตามผลของเราแสดงให้เห็นว่า bifidobacteria
ผลิตกรดแลคติกมากกว่ากรดอะซิติก ไบฟิโดแบคทีเรีย
ที่ได้รับรายงานการปรับเปลี่ยนวิถีการเผาผลาญอาหารของพวกเขา
ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแหล่งคาร์บอนและทำให้
อาจส่งผลในการผลิตที่สูงขึ้นของกรดแลคติกกว่าอะซิติก
กรด (Palframan et al. 2003) ในการศึกษานี้ทุกสายพันธุ์ของ
แลคโตและ bifidobacteria มีความสามารถในการผลิตแลคติก
กรดที่ความเข้มข้นรวมตั้งแต่ 3.50-4.75 mg / ml.
ผลประโยชน์ของกรดแลคติกบนผิวเช่นการปรับปรุงผิว
การทำงานอุปสรรคชุ่มชื้นและลดน้ำหนักที่ได้รับรายงานอย่างกว้างขวาง มีรายงานว่าโปรแกรมเฉพาะของ
กรดแลคติกที่ความเข้มข้นต่ำของ 0.1-1% สามารถแสดง
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคทางผิวหนังมากที่สุด
(Pasricha et al. 1979) การศึกษาของเราในปัจจุบันยังพบว่า
สายพันธุ์ของแลคโตและ bifidobacteria มีความสามารถในการผลิต
กรดอะซิติกที่ความเข้มข้นรวมตั้งแต่ 1.84 ไป
3.32 มิลลิกรัม / มิลลิลิตร Nagoba และคณะ (2008) รายงานว่าโปรแกรมเฉพาะกรดอะซิติกที่ความเข้มข้นต่ำ 0.5% สามารถกำจัดเชื้อ Pseudomonas aeruginosa จากการเผาไหม้และ
แผลเนื้อเยื่ออ่อนที่ 14 จาก 16 ผู้ป่วยภายใน 2 สัปดาห์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แลคติกและกรดน้ำส้มขึ้นภายในเซลล์ผ่าน catabolism คาร์โบไฮเดรตและส่งออก
ผ่านเมมเบรนโดยลำเลียงซิเตรตเพื่อรักษาเซลล์ homeostasis
( แมคนิ et al . 1999 ) แลคโตบาซิลัสเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต
ให้ homofermentatively หรือ heterofermentatively เพื่อผลิตกรดแลคติกและกรดอะซิติก เช่น โดด endproducts อย่างน้อย 50 – 85 % กรด . ไบฟิโดแบคทีเรีย ,
บนมืออื่น ๆที่เผาผลาญคาร์โบไฮเดรตผ่านทางเดินบิฟิดัส
ผลิตกรดมากกว่ากรดแลคติก ( Ø stlie
et al . 2003 ) ผลของเราแสดงให้เห็นว่าไบฟิโดแบคทีเรียผลิตกรดแลกติก
มากกว่ากรดอะซิติก Bifidobacteria
ได้รับรายงานการเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญภายในเซลล์
ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแหล่งคาร์บอนและจึง
อาจส่งผลในการผลิตที่สูงของกรด acetic acid ( มากกว่า
palframan et al . 2003 ) ในการศึกษานี้ได้ทุกสายพันธุ์ และ ไบฟิโดแบคทีเรียแลคโตบาซิลัส

สามารถผลิตกรดแลคติกที่ความเข้มข้นรวมตั้งแต่ 3.50 ถึง 4.75 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ผลประโยชน์ของกรดบนผิวหนัง เช่น การปรับปรุงผิว
อุปสรรคการทำงาน hydration และนิ่งได้รับการรายงานอย่างกว้างขวางและมีรายงานว่า การใช้กรดแลกติกที่ความเข้มข้นต่ำ
0.1 – 1 % จะสามารถแสดงฤทธิ์ต้านแบคทีเรียต้านแบคทีเรียก่อโรค

( ซึ่งส่วนใหญ่ pasricha et al . 1979 ) การศึกษาของเราในปัจจุบันยังพบว่าสายพันธุ์ของ Bifidobacteria และ Lactobacilli

สามารถผลิตกรดน้ำส้มที่ความเข้มข้นรวมตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่
3.32 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร nagoba et al .( 2008 ) รายงานว่า การใช้กรดน้ำส้มที่ความเข้มข้นต่ำ 0.5% เรียบร้อยแล้วให้ออกจาก Pseudomonas aeruginosa และเนื้อเยื่อบาดแผลไหม้
14 จาก 16 ราย ภายใน 2 สัปดาห์