In his book The Facebook Effect, Da

In his book The Facebook Effect, David Kirkpatrick outlines the story of how Thiel came to make his investment: Former Napster and Plaxo employee Sean Parker, who at the time had assumed the title of "President" of Facebook, was seeking investors for Facebook. Parker approached Reid Hoffman, the CEO of work-based social network LinkedIn. Hoffman liked Facebook but declined to be the lead investor because of the potential for conflict of interest with his duties as LinkedIn CEO.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในหนังสือของเขา Facebook ผล David Kirkpatrick สรุปเรื่องวิธีทำให้เขาลงทุนมา Thiel: Napster อดีตและ Plaxo พนักงานฌอนพาร์กเกอร์ ซึ่งเมื่อมีสมมติชื่อของ "ประธาน" ของ Facebook ถูกมองหานักลงทุนใน Facebook ปาร์คเกอร์ประดับ Reid แมน ซีอีโอของใช้งานเครือข่ายสังคมอย่างไร LinkedIn แมนชอบ Facebook แต่ปฏิเสธให้ นักลงทุนรอคอย เพราะเป็นประโยชน์กับหน้าที่ของเขาเป็นอย่างไร LinkedIn CEO

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในหนังสือของเขาผล Facebook, เดวิดเคิร์กแพสรุปเรื่องราวของวิธีการ Thiel มาเพื่อให้การลงทุนของเขา: อดีต Napster และ Plaxo พนักงานฌอนปาร์กเกอร์ที่เวลาสันนิษฐานว่าชื่อของ "ประธาน" ของ Facebook, กำลังมองหานักลงทุนสำหรับ Facebook ปาร์กเกอร์เรดเข้าหาฮอฟแมนซีอีโอของการทำงานที่ใช้ LinkedIn เครือข่ายทางสังคม ฮอฟแมนชอบ Facebook แต่ปฏิเสธที่จะเป็นนักลงทุนที่นำเพราะมีศักยภาพสำหรับความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับการปฏิบัติหน้าที่ของเขาในฐานะซีอีโอของ LinkedIn

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในหนังสือของเขาที่ Facebook Effect , David Kirkpatrick สรุปเรื่องราวของทิลมาทำให้การลงทุนของเขา : อดีตพนักงาน Napster และพลาโซชอน ปาร์คเกอร์ ที่เวลาได้ว่า ชื่อของ " ประธานาธิบดี " ของ Facebook , กำลังมองหานักลงทุนสำหรับ Facebook ปาร์คเกอร์ก็รีดฮอฟแมน , ซีอีโอของงานที่ใช้ LinkedIn เป็นเครือข่ายสังคมฮอฟแมนชอบ Facebook แต่ปฏิเสธที่จะนำนักลงทุน เนื่องจากเกิดความขัดแย้งกับหน้าที่ของเขาเป็นซีอีโอของ LinkedIn .