4.1. Historical Overview on the dev

4.1. Historical Overview on the development of variability ideas.
The paleontologist Wilhelm Waagen applied the term «mutation» to morphological discontinuities in a temporal series of fossil ammonites. Hugo de Vries in Holland and William Bateson in England described mutations as discontinuous hereditary variations causing major, easily recognizable changes. De Vries argued that the building blocks of evolutionary change are sudden mutational changes rather than the gradual «individual variability..... [that] cannot lead to a real overstepping of the species limits even with the most intense steady selection». De Vries based his mutation theory of evolution on the results of segregation in progenies of crosses of the evening primrose, Oenothera.
Actually, the «mutants» described by de Vries were due to a variety of hereditary changes, particularly chromosomal aberrations. Richard Goldschmidt and others argued that there are two kinds of mutations: some produce variation among individuals, modifying their adaptation to the environments, while others produce new species, genera, families, etc.
The mutations allegedly responsible for drastic changes were called «systemic mutations», «macromutations», and the like. The modern concept of mutation is due to Thomas Hunt Morgan and his associates who worked with the fruit fly, Drosophila melanogaster. Mutations are defined as changes in single genes with effects ranging from barely detectable to very drastic. Some mutations cause mor¬phological variations, but others result in behavioral changes or modify the viabil¬ity, fertility, or rate of development of their carriers.
Mutations are said to be «spontaneous», i.e., due to unknown naturally occurring agencies. H.J. Muller showed that mutations arise with definite regular¬ity, at the rates that can be measured. He also discovered that the frequency of muta¬tion is increased in the progenies of flies treated with X-rays. Other high-energy radiations were later shown to be also mutagenic. Charlotte Auerbach was the first to demonstrate unambiguously that a chemical, namely mustard gas, had mutagenic properties. It was later shown that exposure to a variety of chemical agents, or to higher temperatures, increases the frequency of mutations.
Since the 1940-s, mutations have been extensively studied in the mold Neu¬rospora, in yeast and other unicellular organisms, in bacteria such as Escherichia coli, and in viruses. Morphological mutations modifying the appearance of colo¬nies were discovered in these organisms, but major contributions to genetic knowledge and to the understanding of the mutation processes were made through the study of so-called auxotroph mutations. In contrast to prototrophic (wild-type) organisms, auxotrophic organisms require special nutritional supple¬ments for growth and reproduction. Other types of mutations commonly studied in haploid organisms are those causing resistance or sensitivity to certain drugs, such as penicillin or streptomycin, or to infection by specific viruses. In the vi¬ruses themselves, mutations were discovered that modify the viruses’ ability to infect their bacterial hosts or to multiply in them.
The discovery of the double-helical structure of DNA, and later of the genetic code, opened the way to an understanding of the process of mutation and its causes in physicochemical terms.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

4.1. ภาพรวมที่ประวัติศาสตร์ในการพัฒนาความคิดสำหรับความผันผวนPaleontologist Waagen วิลเฮล์มใช้คำ «กลายพันธุ์» discontinuities สัณฐานในชุดชั่วคราวของโมนฟอส Hugo de Vries ในฮอลแลนด์และ William Bateson อังกฤษอธิบายกลายพันธุ์เป็นรัชทายาทแห่งแปรผันไม่ต่อเนื่องที่เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ รู้จักได้อย่างง่ายดาย De Vries โต้เถียงการสร้างบล็อกการเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่ mutational มากกว่า gradual «ละสำหรับความผันผวน... [ที่] ไม่สามารถนำไปสู่ความจริง overstepping วงเงินพันธุ์แม้จะมีการเลือกมั่นคงรุนแรงที่สุด» De Vries ตามวิวัฒนาการทฤษฎีการกลายพันธุ์ของเขาเกี่ยวกับผลของการแบ่งแยกใน progenies ตัดฟนิ่ง Oenothera จริง «สายพันธุ์» โดย de Vries ได้เนื่องจากความหลากหลายของรัชทายาทแห่งการเปลี่ยนแปลง aberrations โดยเฉพาะอย่างยิ่งของโครโมโซม ริชาร์ด Goldschmidt และอื่นโต้เถียงว่า มีสองชนิดกลายพันธุ์: บางผลิตความผันแปรระหว่างบุคคล การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม การปรับตัวของพวกเขาในขณะที่ผู้อื่นผลิตพันธุ์ใหม่ สกุล ครอบครัว เป็นต้นกลายพันธุ์หลังชอบเปลี่ยนแปลงรุนแรงเรียกว่า «ระบบกลายพันธุ์», «macromutations », ความหมาย แนวคิดทันสมัยของการกลายพันธุ์คือ Thomas ฮันท์มอร์แกนและสมาคมของเขาที่ทำงานกับแมลงวันผลไม้ แมลงวันทอง กำหนดกลายพันธุ์เป็นการเปลี่ยนแปลงในยีนเดียว มีผลตั้งแต่ตรวจแทบไม่รุนแรงมาก รูปแบบ mor¬phological ทำให้เกิดการกลายพันธุ์บาง แต่คนอื่น ๆ ส่งผลให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง หรือปรับเปลี่ยน viabil¬ity อุดมสมบูรณ์ หรืออัตราการพัฒนาของสายการบินของพวกเขากลายพันธุ์ว่า จะซื้ออยู่», เช่น เนื่องจากไม่ทราบหน่วยงานที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มูลเลอร์ H.J. พบการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นกับ regular¬ity แน่นอน ในราคาที่สามารถวัด เขายังพบว่า ความถี่ของ muta¬tion ขึ้นใน progenies ของแมลงที่รับการรักษา ด้วยรังสีเอกซ์ Radiations high-energy อื่น ๆ ได้ในภายหลังแสดงจะยัง mutagenic ชาร์ลอตต์ Auerbach คนแรกแสดงอย่างชัดเจนว่า สารเคมี ได้แก่ผักกาดแก๊ส มีคุณสมบัติ mutagenic มันในภายหลังที่แสดงความเสี่ยงที่หลากหลายตัวแทนเคมี หรืออุณหภูมิสูง เพิ่มความถี่ของการกลายพันธุ์พ.ศ. ๒๔๘๓ -s กลายพันธุ์มีการอย่างกว้างขวางศึกษาแม่ Neu¬rospora ยีสต์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ unicellular แบคทีเรียเช่น Escherichia coli และ ในไวรัส กลายพันธุ์ของการปรับเปลี่ยนลักษณะที่ปรากฏของ colo¬nies ถูกค้นพบในเหล่าสิ่งมีชีวิต แต่ผลงานสำคัญทางพันธุกรรมความรู้ และความเข้าใจของการกลายพันธุ์ที่ทำกระบวนการผ่านการศึกษาการกลายพันธุ์เรียกว่า auxotroph ตรงข้ามสิ่งมีชีวิต (ชนิดป่า) prototrophic, auxotrophic ชีวิตต้อง supple¬ments พิเศษทางโภชนาการการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ ศึกษาทั่วไปในชีวิต haploid กลายพันธุ์ชนิดอื่นเป็นผู้ทำให้เกิดความต้านทานหรือความไว กับยาเสพ ติดบางอย่าง เช่นยาเพนนิซิลลินหรือ streptomycin หรือ การติดเชื้อ โดยเฉพาะไวรัส ใน vi¬ruses ตัวเอง กลายพันธุ์ถูกค้นพบที่ปรับเปลี่ยนความสามารถของไวรัสที่จะโฮสต์ของแบคทีเรีย หรือ การคูณในการค้นพบโครงสร้าง double helical DNA และในภายหลัง ของ รหัสพันธุกรรม เปิดไปความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการของการกลายพันธุ์และเป็นสาเหตุในแง่ physicochemical

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

4.1 ภาพรวมทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการพัฒนาความคิดความแปรปรวน.
ชีวินวิลเฮล์ Waagen ใช้ระยะ«»การกลายพันธุ์ที่จะไม่ต่อเนื่องทางสัณฐานวิทยาในชุดชั่วคราวของแอมโมไนฟอสซิล Hugo de Vries ในฮอลแลนด์และวิลเลียมเบตสันในอังกฤษอธิบายการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมเป็นรูปแบบที่ก่อให้เกิดความไม่ต่อเนื่องที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงที่จดจำได้ง่าย เดอไวริถกเถียงกันอยู่ว่าหน่วยการสร้างของการเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน mutational มากกว่าค่อยๆ«แปรปรวนของแต่ละบุคคล ..... [ว่า] ไม่สามารถนำไปสู่การ overstepping ที่แท้จริงของข้อ จำกัด ชนิดแม้จะมีการเลือกที่มั่นคงที่รุนแรงที่สุด» de Vries ตามทฤษฎีการกลายพันธุ์ของเขาวิวัฒนาการเกี่ยวกับผลของการแยกจากกันในลูกของไม้กางเขนของสีเหลืองอ่อนเย็นที่ Oenothera.
จริง«กลายพันธุ์»อธิบายโดยไวริสถูกเนื่องจากความหลากหลายของการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของโครโมโซมผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ริชาร์ดอูแบรต์และอื่น ๆ ที่ถกเถียงกันอยู่ว่ามีสองชนิดของการกลายพันธุ์: การเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ผลิตในหมู่ประชาชนปรับเปลี่ยนการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของพวกเขาในขณะที่คนอื่น ๆ สายพันธุ์ใหม่จำพวกครอบครัว ฯลฯ
กลายพันธุ์ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความรับผิดชอบสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงที่ถูกเรียกว่า«ระบบการกลายพันธุ์ »« macromutations »และไม่ชอบ แนวคิดที่ทันสมัยของการกลายพันธุ์เกิดจากการล่าโทมัสมอร์แกนและพรรคพวกของเขาที่ทำงานร่วมกับแมลงวันผลไม้ที่แมลงวันทอง การกลายพันธุ์จะถูกกำหนดเป็นการเปลี่ยนแปลงในยีนเดียวที่มีผลกระทบตั้งแต่ตรวจพบแทบจะไม่รุนแรงมาก การกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางmor¬phological แต่คนอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือปรับเปลี่ยนviabil¬ityที่อุดมสมบูรณ์หรืออัตราการพัฒนาของผู้ให้บริการของพวกเขา.
กลายพันธุ์จะกล่าวว่าเป็น«ธรรมชาติ»คือเนื่องจากหน่วยงานที่ไม่รู้จักธรรมชาติที่เกิดขึ้น ฮยอนจุงมุลเลอร์แสดงให้เห็นว่าการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นกับregular¬ityแน่นอนในอัตราที่สามารถวัดได้ นอกจากนี้เขายังค้นพบว่าความถี่ของmuta¬tionจะเพิ่มขึ้นในลูกของแมลงวันรับการรักษาด้วยรังสีเอกซ์ รังสีพลังงานสูงอื่น ๆ ที่มีการแสดงต่อมาจะเป็นยังก่อกลายพันธุ์ ชาร์ลอบาคเป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสารเคมีคือก๊าซพิษมีคุณสมบัติก่อกลายพันธุ์ มันแสดงให้เห็นต่อมาสัมผัสกับความหลากหลายของสารเคมีที่หรืออุณหภูมิที่สูงขึ้น, เพิ่มความถี่ของการกลายพันธุ์.
ตั้งแต่ 1940-s, การกลายพันธุ์ที่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางในแม่พิมพ์Neu¬rosporaในยีสต์และสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวอื่น ๆ เชื้อแบคทีเรียเช่นเชื้อ Escherichia coli และไวรัส การกลายพันธุ์ทางสัณฐานวิทยาการปรับเปลี่ยนลักษณะของcolo¬niesถูกค้นพบในสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ แต่ส่วนร่วมสำคัญในความรู้ทางพันธุกรรมและความเข้าใจของกระบวนการการกลายพันธุ์ที่ถูกสร้างขึ้นผ่านการศึกษาที่เรียกว่าการกลายพันธุ์ auxotroph ในทางตรงกันข้ามกับ prototrophic (ป่าชนิด) สิ่งมีชีวิตที่มีชีวิต auxotrophic ต้องsupple¬mentsโภชนาการพิเศษสำหรับการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ ประเภทอื่น ๆ ของการกลายพันธุ์ศึกษาทั่วไปในชีวิตเดี่ยวเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดความต้านทานหรือความไวต่อยาบางชนิดเช่นยาปฏิชีวนะหรือ streptomycin หรือการติดเชื้อจากไวรัสที่เฉพาะเจาะจง ในvi¬rusesตัวเองถูกค้นพบการกลายพันธุ์ที่ปรับเปลี่ยนความสามารถในไวรัส 'การติดเชื้อแบคทีเรียเจ้าภาพหรือคูณในพวกเขา.
การค้นพบโครงสร้างสองครั้งที่ขดลวดของดีเอ็นเอและต่อมาของรหัสพันธุกรรมที่เปิดทางไปยัง ความเข้าใจในกระบวนการของการกลายพันธุ์และสาเหตุในแง่กายภาพ