after hydroxylation and conjugation

after hydroxylation and conjugation. EC is also oxidized to
vinyl carbamate (0.5%) by cytochrome P-450 2E1 and further
converted into vinyl carbamate epoxide, which can
bind covalently to DNA, RNA and proteins. The carcinogenic
potential of EC includes gene mutations and DNA
damage. Animal studies have shown that EC causes an
increase in the incidence of tumors in several tissue sites
including lung, liver, and blood vessels (3-5). Consequently,
the International Agency for Research on Cancer (IARC)
classified EC as a possible human carcinogen (Group 2B)
in 1974 (6). Recently, IARC upgraded EC to a probable
human carcinogen (Group 2A) in 2007 (7). The concern
over the presence of EC and its toxicity in regularly consumed
food products and alcoholic beverages has raised
global interest to assess the possible risks to human health.
The Joint Food and Agriculture Organization/World Health
Organization Expert Committee on Food Additive (JECFA)
evaluated the exposure to EC in 2005 and concluded that
the intake of EC from foods excluding alcoholic beverages
would be of low concern (8). However, when both alcoholic
beverages and foods were combined, its intake increased
about 4-fold and consequently posed potential carcinogenic

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลังจาก hydroxylation และผัน นอกจากนี้ยังมีการออกซิไดซ์ EC กับไวนิล carbamate (0.5%) โดยเจาะจง P-450 2E1 และเพิ่มเติมแปลงเป็น epoxide carbamate ไวนิล ซึ่งสามารถผูก covalently กับ DNA, RNA และโปรตีน การเกิดโรคมะเร็งศักยภาพของ EC มีการกลายพันธุ์ของยีนและดีเอ็นเอความเสียหาย ศึกษาสัตว์ได้แสดงให้เห็นว่า EC ทำให้เกิดการเพิ่มอุบัติการณ์ของเนื้องอกในเนื้อเยื่อหลาย ๆรวมทั้งปอด ตับ และหลอดเลือด (3-5) ดังนั้นหน่วยงานนานาชาติเพื่อการวิจัยมะเร็ง (IARC)EC จำแนกประเภทเป็นความสามารถมนุษย์สารก่อมะเร็ง (กลุ่ม 2B)ในปี 1974 (6) เพิ่ง IARC ปรับรุ่น EC เป็นน่าจะเป็นมนุษย์สารก่อมะเร็ง (กลุ่ม 2A) ใน 2007 (7) ความกังวลการปรากฏตัวของ EC และการเป็นพิษในประจำใช้ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ยกดอกเบี้ยทั่วโลกเพื่อประเมินความเสี่ยงสุขภาพของมนุษย์อาหารร่วมกันและสุขภาพองค์กร/โลกเกษตรคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญองค์กรสารปรุงแต่งอาหาร (JECFA)ประเมินความเสี่ยงในการ EC ในปี 2005 และได้ข้อสรุปว่าการบริโภคของ EC จากอาหารไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะกังวลต่ำ (8) อย่างไรก็ตาม เมื่อมีแอลกอฮอล์ทั้งสองเครื่องดื่มและอาหารถูกรวม ปริมาณเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมะนาว และจึง เกิดศักยภาพในการเกิดโรคมะเร็ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลังจาก hydroxylation และผัน EC นอกจากนี้ยังมีการออกซิไดซ์
ไวนิลคาร์บาเมท (0.5%) โดย cytochrome P-450 2E1 และต่อไป
แปลงเป็นไวนิลคาร์บาเมอิพอกไซด์ซึ่งสามารถ
ผูก covalently ดีเอ็นเออาร์เอ็นเอและโปรตีน สารก่อมะเร็ง
ที่มีศักยภาพของ EC รวมถึงการกลายพันธุ์ของยีนและดีเอ็นเอ
ความเสียหาย การศึกษาในสัตว์พบว่า EC ทำให้เกิดการ
เพิ่มขึ้นของอัตราการเกิดของเนื้องอกในเว็บไซต์เนื้อเยื่อหลาย
รวมทั้งปอดตับและหลอดเลือด (3-5) ดังนั้น
หน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็ง (IARC)
จัดอีซีเป็นสารก่อมะเร็งที่เป็นไปได้ของมนุษย์ (กลุ่ม 2B)
ในปี 1974 (6) เมื่อเร็ว ๆ นี้ IARC อัพเกรด EC ไปน่าจะเป็น
สารก่อมะเร็งในมนุษย์ (กลุ่ม 2A) ในปี 2007 (7) ความกังวล
มากกว่าการปรากฏตัวของ EC และความเป็นพิษในการบริโภคเป็นประจำ
ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ยก
ดอกเบี้ยทั่วโลกเพื่อประเมินความเสี่ยงที่เป็นไปได้ต่อสุขภาพของมนุษย์.
สุขภาพร่วมองค์การอาหารและเกษตร / โลก
องค์การคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในวัตถุเจือปนอาหาร (JECFA)
ประเมิน การสัมผัสกับ EC ในปี 2005 และได้ข้อสรุปว่า
การหดตัวของอีซีจากอาหารไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จะมีความกังวลในระดับต่ำ (8) แต่เมื่อทั้งสองแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มและอาหารที่ได้รวมการบริโภคเพิ่มขึ้น
ประมาณ 4 เท่าและทำให้เกิดสารก่อมะเร็งที่มีศักยภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลังจากการเตรียมแบบ และการ ยังจาก กกต.ไวนิลเมต ( ร้อยละ 0.5 ) โดยโหยอย่างเดียว และเพิ่มเติมแปลงเป็นวอมแวมไวนิลเมต ซึ่งสามารถผูก covalently ดีเอ็นเออาร์เอ็นเอและโปรตีน . ที่ก่อให้เกิดมะเร็งศักยภาพของ กกต. รวมถึงการกลายพันธุ์ยีนและดีเอ็นเอความเสียหาย การศึกษาสัตว์แสดงให้เห็นว่าสาเหตุที่ กกต.เพิ่มขึ้นของอุบัติการณ์ของมะเร็งในเนื้อเยื่อหลายเว็บไซต์ได้แก่ ปอด ตับ ไต และหลอดเลือด ( 3-5 ) จากนั้นหน่วยงานวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ ( ร่วมกับ )แบ่ง EC เป็นไปได้สารก่อมะเร็ง ( 2B ) กลุ่มมนุษย์ในปี 1974 ( 6 ) เมื่อเร็วๆ นี้ ร่วมกับ กกต. เพื่ออัพเกรด น่าจะเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ ( 2A ) กลุ่มในปี 2007 ( 7 ) กังวลผ่านการแสดงตนของ EC และความเป็นพิษของบริโภคประจำผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ได้ยกทั่วโลกสนใจที่จะประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ร่วมกับองค์การอาหารและการเกษตรโลกสุขภาพองค์กรคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอาหารเสริม ( jecfa )การประเมินการสัมผัสกับ EC ในปี 2005 และสรุปได้ว่าการบริโภคไฟฟ้าจากอาหารไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะ มีความกังวลน้อย ( 8 ) อย่างไรก็ตาม ทั้งแอลกอฮอล์อาหารและเครื่องดื่มจำนวนรวมของการบริโภคที่เพิ่มขึ้นประมาณ 4 เท่า และจากนั้นวางที่มีศักยภาพก่อให้เกิดมะเร็ง