After cultivating 24 crops of veget

After cultivating 24 crops of vegetables for three consecutive years in a greenhouse, the effects of different
application rates of compost (Rate 1, 270 kg N ha−1 y−1; Rate 2, 540 kg N ha−1 y−1; Rate 3, 810 kg N ha−1 y−1;
Rate 4, 1,080 kg N ha−1 y−1) were compared with the effects of chemical fertilizer (CF) and no application of
fertilizer treatments (CK) for some selected soil chemical properties, microbial populations and soil enzyme
activities (dehydrogenase, cellulase, β-glucosidase, protease, urease, arysulphatase, and acid and alkaline
phosphatases). The results show that the pH, electrical conductivity, concentrations of total nitrogen (N)
and the organic matter received from compost treatment were generally higher than those received through
CF treatment. The soil microbial biomass, populations of bacteria, fungi and actinomycetes, as well as soil
enzyme activities increased significantly in the compost-treated soils compared with the CF-treated soil. In
most instances, no significant increase was observed in the enzymatic activities studied for compost applications
higher than a Rate 2 treatment. However, all enzymatic activities examined showed significant linear
correlations with the organic matter contents of the soils. The vegetable yield reached its highest level at the
Rate 2 treatment and declined or leveled off in the higher treatments, implying that a high application rate
of compost cannot further increase the crop yield after the soil fertility has been established. High organic
matter content in the soil was found to alleviate the adverse effect of soluble salts on vegetable growth. In
conclusion, an application rate of compost at Rate 2, 540 kg N ha−1 y−1, is adequate on the basis of
vegetable yields and soil chemical, biochemical and enzymatic properties in greenhouse cultivation under
subtropical climatic conditions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลังจากการเพาะปลูกพืช 24 ของผักสามปีติดต่อกันในเรือนกระจกผลกระทบที่แตกต่างกัน
อัตราการใช้ปุ๋ยหมัก (ราคา 1, 270 กิโลกรัมไนโตรเจนฮ่า-1 y ที่ 1 อัตราดอกเบี้ยที่ 2, 540 กิโลกรัมไนโตรเจนฮ่า-1 y ที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 3, 810 กิโลกรัมไนโตรเจนฮ่า-1 y ที่ 1
อัตราดอกเบี้ย 4 1,080 กิโลกรัมไนโตรเจนฮ่า-1 y ที่ 1) ได้เมื่อเทียบกับผลกระทบของการใช้ปุ๋ยเคมี (CF) และการประยุกต์ใช้ที่ไม่มีการ
รักษาปุ๋ย (CK) สำหรับสารเคมีของดินบางส่วนที่เลือก คุณสมบัติประชากรจุลินทรีย์และเอนไซม์ดิน
กิจกรรม (dehydrogenase, เซลลูเลส, β-glucosidase โปรทีเอสยูรีเอส, arysulphatase และกรดและด่าง
phosphatases) ผลปรากฏว่าค่า pH การนำไฟฟ้าความเข้มข้นของไนโตรเจนทั้งหมด (N)
และสารอินทรีย์ที่ได้รับจากการรักษาปุ๋ยหมักโดยทั่วไปสูงกว่าที่ได้รับผ่าน
การรักษา CF ชีวมวลจุลินทรีย์ดินประชากรของเชื้อแบคทีเรียเชื้อราและแอคติโนมัยเช่นเดียวกับดิน
เอนไซม์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในดินปุ๋ยหมักที่ได้รับเมื่อเทียบกับดิน CF-รับการรักษา ใน
กรณีส่วนใหญ่ไม่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากพบว่าในกิจกรรมของเอนไซม์ศึกษาสำหรับการใช้ปุ๋ยหมัก
ที่สูงกว่าอัตรา 2 รักษา อย่างไรก็ตามกิจกรรมของเอนไซม์ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าการตรวจสอบเชิงเส้นอย่างมีนัยสำคัญ
ความสัมพันธ์กับเนื้อหาอินทรียวัตถุของดิน ผลผลิตผักถึงระดับสูงสุดที่
อัตราการ 2 การรักษาและการปฏิเสธหรือระดับปิดในการรักษาที่สูงขึ้นหมายความว่าอัตราการประยุกต์ใช้สูง
ของปุ๋ยหมักไม่สามารถเพิ่มผลผลิตพืชอุดมสมบูรณ์ของดินหลังจากที่ได้รับการจัดตั้งขึ้น สูงอินทรีย์
วัตถุในดินที่พบในการบรรเทาผลกระทบของเกลือที่ละลายน้ำได้ในการเจริญเติบโตของพืช ในการ
สรุปอัตราการประยุกต์ใช้ปุ๋ยหมักในอัตราที่ 2, 540 กิโลกรัมไนโตรเจนฮ่า-1 y ที่ 1 เพียงพอบนพื้นฐานของ
อัตราผลตอบแทนผักและเคมีของดินคุณสมบัติทางชีวเคมีและเอนไซม์ในการเพาะปลูกเรือนกระจกภายใต้
สภาพภูมิอากาศค่อนข้างร้อน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลังจากปลูกพืชผักตลอดสามปีติดต่อกันในเรือนกระจก ผลของอัตราการใช้ปุ๋ยแตกต่างกัน
( อัตรา 1 , 270 กิโลกรัม N ฮา− 1 y − 1 ; อัตรา 2 , 540 กิโลกรัม N ฮา− 1 y − 1 ; อัตรา 3 , 810 กิโลกรัม N ฮา− 1 y − 1 ;
คะแนน 4 , 940 กิโลกรัม N ฮา− 1 y − 1 ) เปรียบเทียบกับผลของปุ๋ยเคมี ( CF ) และไม่มีการใช้
การใส่ปุ๋ย ( CK ) สำหรับบางเลือกคุณสมบัติทางเคมีของดิน ประชากรจุลินทรีย์และกิจกรรมเอนไซม์
ดิน ( ดีไฮโดรจีเนส เซลลูเลส บีตา - กลูโคซิเดส โปรที่มี arysulphatase , และกรดและด่าง
ดิ ) พบว่า pH , ค่าการนำไฟฟ้า ปริมาณของไนโตรเจน ( N )
และสารอินทรีย์ที่ได้รับจากปุ๋ยหมักโดยทั่วไปสูงกว่าผู้ที่ได้รับผ่าน
CF การรักษา จุลินทรีย์ดินชีวมวล , ประชากรของแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อแอคติโนมัยสีท รวมถึงกิจกรรมของเอนไซม์ในปุ๋ยหมักดิน
เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ CF ถือว่าดินดิน รักษา ใน
อินสแตนซ์มากที่สุดไม่เพิ่มขึ้นพบว่าเอนไซม์กิจกรรมศึกษาการใช้งานปุ๋ยหมัก
สูงกว่าอัตรา 2 รักษา อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการตรวจสอบเอนไซม์มีความสัมพันธ์เชิงเส้นความสัมพันธ์กับปริมาณกรดอินทรีย์
เรื่องของดิน ผักที่ให้ผลผลิตถึงระดับสูงสุดที่อัตราการลดลงหรือ
2 และเริ่มคงที่ในการรักษาสูงหมายถึงอัตราการใช้สูง
ปุ๋ยหมักสามารถเพิ่มผลผลิตจากความอุดมสมบูรณ์ของดินมีการสร้าง อินทรีย์
เรื่องสูงเนื้อหาในดินพบเพื่อบรรเทาผลกระทบของเกลือละลายน้ำในการเจริญเติบโตของพืช ใน
สรุปการเท่ากันของปุ๋ยหมักในอัตรา 2 , 540 กิโลกรัม N ฮา− 1 y − 1 เพียงพอบนพื้นฐานของ
ผลผลิตผักและทางเคมีของดินคุณสมบัติทางชีวเคมีและเอนไซม์ในการเพาะปลูกเรือนกระจกภายใต้
สภาพภูมิอากาศกึ่งเขตร้อน