COMMUNICATION AND LISTENING SKILLSI

COMMUNICATION AND LISTENING SKILLS
Introduction
Communication is any means by which an individual relates experiences, ideas, knowledge, and
feelings to another. Communication can be expressed through both speech and gestures (Harryman,
Kresheck, and Nicolosi, 1996). It is important that mentors know how to effectively communicate
with mentees. This section is devoted to information and activities designed to develop active
listening and communication skills effective for working with an adolescent population.
When establishing a mentoring relationship, it is important to create a comfortable communication
environment. This can be done by using the theory of reciprocity. Following this theory enables
mentors to control the flow and direction of a conversation by the rate at which information is
revealed. For example, if the mentor reveals something about him- or herself, the mentee would
likely respond by revealing the same sort of information. This pattern tends to repeat. If at some point
the mentee does not respond in kind, the pattern of the conversation should be redirected to make the
mentee feel more comfortable. This type of interaction pattern fosters the development of trust in the
mentoring relationship.
Guidelines for Communication
To encourage the development of trust in the mentoring relationship:
• Make communication positive, clear, and specific.
• Recognize that each individual sees things from a different point of view.
• Be open and honest about your feelings and accept othersí feelings.
• Ask questions for clarification on an issue.
• Learn to listen. Allow time for the student to talk without interruptions.
These suggestions should be used as guidelines. There may be situations that require mentors to act
differently.
Active Listening Skills
Active listening is an essential mentoring skill. One of the most common mistakes mentors can make
is confusing ìhearingî and ìlistening.î Hearing is merely noting that someone is speaking. Listening,
however, is making sense of what is heard and requires the individual to constantly pay attention,
interpret, and remember what is heard. Hearing is passive; listening is active. The passive listener is
much like a tape recorder. If the speaker is providing a clear message, the listener will probably get
most of what is said. For mentors, this is not enough. They must be active listeners. Active listening
requires the listener to hear the words and identify the feelings associated with the words. Mentors
should be able to understand the speaker from his or her point of view. There are four essential

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การสื่อสารและทักษะการฟังแนะนำการสื่อสารเป็นวิธีการใด ๆ ที่บุคคลเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ ความคิด ความ รู้ และความรู้สึกอีก สามารถแสดงการสื่อสารผ่านคำพูดและท่าทาง (HarrymanKresheck ก Nicolosi, 1996) เป็นสิ่งสำคัญที่ mentors รู้ว่าวิธีการสื่อสารกับ mentees ส่วนนี้จะเกี่ยวข้อมูลและกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนางานการฟังและการสื่อสารทักษะการทำงานกับมีประชากรวัยรุ่นเมื่อสร้างความสัมพันธ์ mentoring มันเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างการสื่อสารที่สะดวกสบายสภาพแวดล้อม นี้สามารถทำได้ โดยใช้ทฤษฎีของ reciprocity ตามทฤษฎีนี้ช่วยให้mentors เพื่อควบคุมการไหลและทิศทางของการสนทนา โดยใช้อัตราที่เป็นข้อมูลเปิดเผย ตัวอย่างเช่น ถ้าปรึกษาเผยบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเขา- หรือว่า mentee จะตัวเองมีแนวโน้มตอบสนอง โดยเปิดเผยประเภทข้อมูลเดียวกัน รูปแบบนี้มีแนวโน้มที่จะ ทำซ้ำ ถ้าในบางจุดmentee จะไม่ตอบ รูปแบบของการสนทนาควรจะเปลี่ยนเส้นทางเพื่อให้การmentee รู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น รูปแบบโต้ตอบชนิดนี้ส่งเสริมการพัฒนาความไว้วางใจในการให้คำปรึกษาดูแลความสัมพันธ์แนวทางสำหรับการสื่อสารส่งเสริมการพัฒนาความไว้วางใจในความสัมพันธ์ mentoring:•ทำให้การสื่อสารบวก ลบ และเฉพาะการ•รู้ว่า แต่ละคนมองเห็นสิ่งต่าง ๆ จากจุดมุมมองที่แตกต่างกัน•เปิดเผย และซื่อสัตย์เกี่ยวกับความรู้สึกของคุณ และยอมรับความรู้สึก othersí•คำถามสำหรับชี้แจงในประเด็นนี้•เรียนรู้ฟัง ให้เวลานักเรียนพูดคุยโดยไม่หยุดชะงักคำแนะนำเหล่านี้ควรใช้เป็นแนวทาง อาจมีสถานการณ์ที่ต้อง mentors ทำแตกต่างกันทักษะการฟังที่ใช้งานอยู่ใช้งานฟังเป็นทักษะ mentoring เป็นสำคัญ หนึ่ง mentors ข้อผิดพลาดทั่วไปส่วนใหญ่สามารถทำให้คือสับสน ìhearingî และ ìlistening.î ได้ยินเป็นเพียงสังเกตว่า มีคนพูด ฟังอย่างไรก็ตาม จะทำอะไรจะได้ยิน และต้องละตลอดเวลาใส่ตี และจำอะไรไม่ได้ยิน ได้ยินเป็นพาสซีฟ ฟังอยู่ ฟังแฝงอยู่มากเช่นเทปบันทึกเสียง ถ้าลำโพงที่จะให้ข้อความชัดเจน การฟังคงจะได้ส่วนใหญ่จะพูด สำหรับ mentors นี้ไม่เพียงพอ จะต้องเป็นผู้ฟังที่ใช้งานอยู่ ฟังที่ใช้งานอยู่ต้องการฟังได้ยินคำ และระบุความรู้สึกเชื่อมโยงกับคำ Mentorsควรจะเข้าใจลำโพงจากเขา หรือเธอมอง มีสี่สิ่งจำเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การสื่อสารและทักษะการฟังการแนะนำการสื่อสารเป็นวิธีการใดๆ โดยที่บุคคลที่เกี่ยวข้องประสบการณ์, ความคิด, ความรู้และความรู้สึกไปยังอีก การสื่อสารสามารถแสดงทั้งคำพูดและท่าทาง (Harryman, Kresheck และ Nicolosi, 1996) มันเป็นสิ่งสำคัญที่ครูรู้วิธีการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับ mentees ในส่วนนี้จะทุ่มเทให้กับข้อมูลและกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาใช้งานฟังและทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานกับประชากรวัยรุ่น. เมื่อการสร้างความสัมพันธ์ให้คำปรึกษาก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสารสภาพแวดล้อม ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้ทฤษฎีของการแลกเปลี่ยน ต่อไปนี้ทฤษฎีนี้ช่วยให้ที่ปรึกษาเพื่อควบคุมการไหลและทิศทางของการสนทนาโดยอัตราที่ข้อมูลที่มีการเปิดเผย ตัวอย่างเช่นถ้าผู้ให้คำปรึกษาเผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเขาหรือตัวเอง mentee จะมีแนวโน้มที่ตอบสนองโดยการเผยให้เห็นประเภทเดียวกันของข้อมูล รูปแบบนี้มีแนวโน้มที่จะทำซ้ำ หากในบางจุดmentee ไม่ตอบสนองในลักษณะรูปแบบของการสนทนาที่ควรจะเปลี่ยนเส้นทางที่จะทำให้mentee รู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น ชนิดของรูปแบบการทำงานร่วมกันนี้จะส่งเสริมการพัฒนาของความไว้วางใจในความสัมพันธ์ของการให้คำปรึกษา. แนวทางการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการพัฒนาของความไว้วางใจในความสัมพันธ์ของการให้คำปรึกษา:. •ตรวจการสื่อสารในเชิงบวกที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง•ยอมรับว่าแต่ละคนเห็นสิ่งจากจุดที่แตกต่างกันในมุมมองของ. •จะเปิดและซื่อสัตย์เกี่ยวกับความรู้สึกของคุณและยอมรับความรู้สึกothersí. •ถามคำถามชี้แจงในปัญหา. •เรียนรู้ที่จะฟัง ให้เวลาสำหรับนักเรียนที่จะพูดคุยโดยไม่หยุดชะงัก. ข้อเสนอแนะเหล่านี้ควรจะนำไปเป็นแนวทาง อาจมีสถานการณ์ที่จำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงที่จะทำหน้าที่แตกต่างกัน. ทักษะการฟังที่ใช้งานฟังที่ใช้งานเป็นทักษะการให้คำปรึกษาที่จำเป็น หนึ่งในที่ปรึกษาความผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดสามารถทำให้เป็นความสับสนและการได้ยินìhearingîìlistening.îเป็นเพียงการสังเกตว่ามีใครพูด ฟังแต่จะทำให้ความรู้สึกของสิ่งที่ได้ยินและต้องใช้ของแต่ละบุคคลอย่างต่อเนื่องให้ความสนใจตีความและจำสิ่งที่ได้ยิน การได้ยินเป็นเรื่อย ๆ ; ฟังมีการใช้งาน ฟังเรื่อย ๆ เป็นเหมือนบันทึกเทป ถ้าลำโพงจะให้ข้อความที่ชัดเจนฟังอาจจะได้รับมากที่สุดของสิ่งที่ถูกกล่าว สำหรับพี่เลี้ยงนี้ไม่เพียงพอ พวกเขาจะต้องฟังที่ใช้งาน การฟังที่ใช้งานต้องฟังจะได้ยินคำพูดและระบุความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ครูควรจะสามารถที่จะเข้าใจลำโพงจากจุดของเขาหรือเธอในมุมมองของ มีสี่ที่สำคัญมี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แนะนำการสื่อสารและทักษะการฟัง การสื่อสารเป็นวิธีการใด ๆที่บุคคลนั้น ประสบการณ์ ความคิด ความรู้ และ
ความรู้สึกไปอีกแบบ การสื่อสารสามารถแสดงผ่านทั้งคำพูดและท่าทาง ( harryman
, kresheck และนิโกโลซิ , 1996 ) มันเป็นสิ่งสำคัญที่ครูรู้วิธีที่จะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับ mentees
.ส่วนนี้คือเพื่อรองรับข้อมูลและกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะการฟังและการสื่อสารงาน
ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานกับประชากรวัยรุ่น .
เมื่อสร้างความสัมพันธ์ mentoring , มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างสภาพแวดล้อมการสื่อสาร
สบาย นี้สามารถทำได้โดยการใช้ทฤษฎีของการพึ่งพาอาศัยกัน . ตามทฤษฎีนี้ให้
ที่ปรึกษาเพื่อควบคุมกระแสและทิศทางของการสนทนาตามอัตราข้อมูลที่
เปิดเผย ตัวอย่างเช่น ถ้าพี่เลี้ยงเผยบางอย่างเกี่ยวกับเขาหรือเธอ , สาวน้อย
อาจตอบสนองโดยเปิดเผยจะจัดเรียงกันของข้อมูล รูปแบบนี้มีแนวโน้มที่จะทำซ้ำ ถ้าในบางจุด
สาวน้อยไม่ตอบในประเภท รูปแบบของการสนทนา ควรเปลี่ยนให้
สาวน้อยรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น รูปแบบปฏิสัมพันธ์ชนิดนี้จัดสร้างความไว้วางใจในความสัมพันธ์ mentoring
.

แนวทางการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการพัฒนาของความไว้วางใจในความสัมพันธ์ mentoring :
- ทำให้การสื่อสารทางบวกที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง .
- รู้จักแต่ละคนเห็นสิ่งจากมุมมองที่แตกต่าง
- เปิด และซื่อสัตย์กับความรู้สึกของคุณ และรับความรู้สึกíผู้อื่น .
- ถามเพื่อความกระจ่างในปัญหา .
- เรียนรู้ที่จะฟัง ให้เวลาสำหรับนักเรียนที่จะพูดโดยไม่หยุดชะงัก
ข้อเสนอแนะเหล่านี้ควรจะใช้เป็นแนวทาง อาจจะมีสถานการณ์ที่ต้องให้พี่เลี้ยงทำ


ใช้งานแตกต่างกัน ทักษะการฟังเป็นทักษะการตั้งใจฟังพี่เลี้ยงจำเป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดทั่วไปที่พี่เลี้ยงทำ
สับสนìîìได้ยินและฟัง îได้ยินเป็นเพียงสังเกตว่าใครพูด ฟังเพลง ,
แต่จะทำให้ความรู้สึกของสิ่งที่ได้ยิน และต้องมีบุคคลอย่างต่อเนื่องให้ความสนใจ
ตีความและจำสิ่งที่ได้ยิน ได้ยินอยู่เรื่อยๆ ; ฟังอยู่ ฟังเรื่อยๆคือ
เหมือนเทปบันทึกเสียงถ้าผู้พูดให้มีข้อความชัดเจน ผู้ฟังอาจจะได้รับ
ส่วนใหญ่ของสิ่งที่จะถูกกล่าวว่า สำหรับที่ปรึกษานี้จะไม่เพียงพอ พวกเขาต้องใช้งานฟัง งานฟัง
ต้องฟังเพื่อได้ยินคำพูดและระบุความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับคำ พี่เลี้ยง
ต้องเข้าใจลำโพงจากจุดของเขาหรือเธอในมุมมองของ มีสี่จำเป็น