Given the scope and power of local,

Given the scope and power of local, state, and federal governments, there are some matters over

which they exert great control and some matters beyond their control. We need to distinguish

between variables that a government controls directly and variables that are a consequence of

government decisions combined with the state of the economy.

For example, tax rates are controlled by the government. By law, Congress has the authority

to decide who and what should be taxed and at what rate. Tax revenue, on the other hand, is not

subject to complete control by the government. Revenue from the personal income tax system

depends on personal tax rates (which Congress sets) and on the income of the household sector

(which depends on many factors not under direct government control, such as how much house-
holds decide to work). Revenue from the corporate profits tax depends on both corporate profits

tax rates and the size of corporate profits. The government controls corporate tax rates but not

the size of corporate profits.

Some government spending also depends on government decisions and on the state of the

economy. For example, in the United States, the unemployment insurance program pays benefits

to unemployed people. When the economy goes into a recession, the number of unemployed

workers increases and so does the level of government unemployment insurance payments.

Because taxes and spending often go up or down in response to changes in the economy

instead of as the result of deliberate decisions by policy makers, we will occasionally use

discretionary fiscal policy to refer to changes in taxes or spending that are the result of deliber-
ate changes in government policy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กำหนดขอบเขต และอำนาจของท้องถิ่น รัฐ และรัฐบาลกลาง มีเรื่องบางอย่างมากกว่าซึ่งแรงมากควบคุมและบางเรื่องอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา เราต้องแยกความแตกต่างระหว่างตัวแปรที่ควบคุมรัฐบาลโดยตรงและตัวแปรที่เป็นผลมาจากรัฐบาลตัดสินใจรวมกับรัฐเศรษฐกิจตัวอย่าง อัตราภาษีจะถูกควบคุม โดยรัฐบาล ตามกฎหมาย สภาคองเกรสมีอำนาจตัดสินใครและอะไรควรจะคิดภาษี ในอัตราใดและ ภาษีรายได้ ในทางกลับกัน ไม่เรื่องการควบคุม โดยรัฐบาล รายได้จากระบบภาษีเงินได้บุคคลขึ้นอยู่ กับอัตราภาษีส่วนบุคคล (ซึ่งสภาชุด และรายได้ของภาคครัวเรือน(ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างไม่อยู่ภายใต้การควบคุมรัฐบาลโดยตรง เช่นบ้านจำนวน-ถือตัดสินใจที่จะทำงาน) รายได้จากภาษีกำไรขององค์กรขึ้นอยู่กับผลกำไรของบริษัททั้งสองขนาดของผลกำไรของบริษัทและอัตราภาษี รัฐบาลควบคุมราคาภาษีนิติบุคคล แต่ไม่ขนาดของผลกำไรของบริษัทบางอย่างใช้จ่ายของรัฐบาลยังขึ้นอยู่ ในการตัดสินใจของรัฐบาล และสภาพของการเศรษฐกิจ ตัวอย่าง สหรัฐอเมริกา โปรแกรมประกันว่างงานจ่ายผลประโยชน์ผู้คนตกงาน เมื่อเศรษฐกิจจะถดถอย จำนวนผู้ว่างงานแรงงานเพิ่มขึ้นและไม่ระดับการว่างงานรัฐบาลชำระเงินประกันเนื่องจากภาษีและการใช้จ่ายมักจะไปขึ้น หรือลงในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจของเป็นผลมาจากการตัดสินใจกระทำโดยผู้กำหนดนโยบาย เราจะบางครั้งใช้แทนนโยบายทางการเงิน discretionary อ้างอิงเปลี่ยนแปลงภาษีหรือค่าใช้จ่ายที่เป็นผลของ deliber-กินเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ได้รับขอบเขตและอำนาจของท้องถิ่นรัฐและรัฐบาลกลางมีบางเรื่องมากกว่าที่พวกเขาใช้อำนาจที่ยิ่งใหญ่และบางเรื่องอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา เราจำเป็นต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างตัวแปรที่ควบคุมรัฐบาลโดยตรงและตัวแปรที่มีผลมาจากการตัดสินใจของรัฐบาลรวมกับรัฐของเศรษฐกิจ. ยกตัวอย่างเช่นอัตราภาษีที่จะถูกควบคุมโดยรัฐบาล ตามกฎหมายรัฐสภามีอำนาจในการตัดสินใจที่และสิ่งที่ควรจะเก็บภาษีและสิ่งที่อัตรา รายได้จากภาษีในมืออื่น ๆ ที่ไม่อยู่ภายใต้การดำเนินการควบคุมโดยรัฐบาล รายได้จากระบบภาษีรายได้ส่วนบุคคลขึ้นอยู่กับอัตราภาษีส่วนบุคคล (ซึ่งสภาคองเกรสชุด) และรายได้ของภาคครัวเรือน (ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลโดยตรงเช่น House- เท่าใดถือตัดสินใจที่จะทำงาน) รายได้จากองค์กรภาษีกำไรขึ้นอยู่กับผลกำไรของ บริษัท ทั้งอัตราภาษีและขนาดของผลกำไรขององค์กร รัฐบาลจะควบคุมอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ไม่ขนาดของผลกำไรขององค์กร. บางคนใช้จ่ายภาครัฐยังขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลและรัฐของเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา, โปรแกรมการประกันการว่างงานจ่ายผลประโยชน์ให้กับผู้ว่างงาน เมื่อเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยจำนวนของผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นของแรงงานและเพื่อไม่ระดับของการชำระเงินประกันการว่างงานของรัฐบาล. เพราะภาษีและการใช้จ่ายมักจะไปขึ้นหรือลงในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจแทนที่จะเป็นผลมาจากการตัดสินใจโดยเจตนาโดยผู้กำหนดนโยบายของเราในบางครั้งจะใช้นโยบายการคลังกับการตัดสินใจในการอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงในภาษีหรือค่าใช้จ่ายที่เป็นผลมาจาก deliber- กินการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระบุขอบเขตและอำนาจของรัฐท้องถิ่นและรัฐบาลกลางรัฐบาล มีเรื่องสำคัญกว่า

ซึ่งพวกเขาออกแรงมาก การควบคุม และบางเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา เราต้องแยกแยะ

ระหว่างตัวแปรที่มีการควบคุมของรัฐบาลโดยตรง และตัวแปรที่เป็นผลมาจากการตัดสินใจของรัฐบาล

รวมกับสถานะของเศรษฐกิจ .

ตัวอย่างอัตราภาษีที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล โดยกฎหมาย รัฐสภามีอำนาจ

ตัดสินใจสิ่งที่ควรถูกเก็บภาษีในอัตราใด รายได้ภาษี , บนมืออื่น ๆที่ไม่ใช่

เรื่องการควบคุมโดยรัฐบาล รายได้จากระบบภาษีรายได้ส่วนบุคคล

ขึ้นอยู่กับอัตราภาษีส่วนบุคคล ( ซึ่งรัฐสภาชุด ) และรายได้ของภาคครัวเรือน

( ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยโดยตรง รัฐบาลควบคุมเช่นเท่าใดบ้าน -
ยังคงตัดสินใจที่จะทำงาน ) รายได้จากองค์กรกำไรภาษีขึ้นอยู่กับทั้งองค์กรกำไร

อัตราภาษีและขนาดขององค์กรกำไร รัฐบาลควบคุมอัตราภาษีนิติบุคคล แต่ไม่ได้

ขนาดของผลกำไรของ บริษัท .

มีการใช้จ่ายของรัฐบาล ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลและรัฐของ

เศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา โปรแกรมการประกันการว่างงาน จ่ายผลประโยชน์การว่างงาน

คน เมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย จำนวนผู้ว่างงาน

คนเพิ่มแล้ว ระดับรัฐบาล เงินประกันการว่างงาน

เพราะภาษีและการใช้จ่ายมักจะไปขึ้นหรือลงเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจ

แทนที่จะเป็นผลของการตัดสินใจโดยเจตนาโดยผู้กำหนดนโยบาย เราจะใช้เป็นครั้งคราว

) นโยบายการคลังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในภาษีหรือค่าใช้จ่ายที่เป็นผลมาจาก deliber -
กินการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาล

.