Consultative selling differs from p

Consultative selling differs from problem-solving selling in that this type of selling is focused on helping customers reach their strategic goals, not merely solving immediate problems or filling immediate needs. Salespeople do so by providing valuable information to buyers and using their problem solving skills to benefit the buyer is firm. To engage in consultative selling, the salesperson must possess a great deal of knowledge about the customer’s business and industry. This is necessary so that the salesperson can provide the customer with insight into all areas of his/her business that influence their ability to reach their strategic goals. First, Jeff should always pay attention to weather conditions that may create delays and plan accordingly and he should better prioritize his main his main points. If he is going to run late, Jeff should make sure his customers know. The company should implement training requirements for different length sales pitches. Jeff should reschedule appointments if he believes doing so is necessary for him to have adequate time to conduct his sales call. Jeff needs to remember his goal is to develop a trust-based relationship, and that such a relationship is developed through sales dialogue, not a sales monologue. During the early stages of the sales process, Jeff should make sure that he asks the customer questions that will help him learn about the customer is unique needs. This means the customer should be doing most of the talking early on. It is only after he understands the customer is unique needs that he will be able to discuss how his company can deliver customer value. The final step of the sales process is enhancing customer relationships, and it is an important part of the continuing evolution of personal selling. As personal selling evolves from a transaction-oriented process into a relationship management process, the ability of the salesperson to enhance relationships will become increasingly important. So, Jeff should be prepared for abrupt endings to meetings resulting from unforeseen circumstances. He should have well-rehearsed contingency plan in place so he can end the meeting professionally and with a some degree of commitment to a “next step.”

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขาย consultative แตกต่างจากการแก้ปัญหาการขายซึ่งการขายประเภทนี้จะเน้นในการช่วยลูกค้าไปสู่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ไม่เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือการกรอกข้อมูลความต้องการ พนักงานขายทำให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ซื้อ และใช้ปัญหาของพวกเขา แก้ทักษะเพื่อประโยชน์ผู้ซื้อเป็นบริษัท การมีส่วนร่วมในการขาย consultative พนักงานขายต้องมีการจัดการดีของความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและอุตสาหกรรมของลูกค้า จำเป็นเพื่อให้พนักงานขายสามารถให้ลูกค้า มีความเข้าใจในธุรกิจของตนทุกพื้นที่ที่มีอิทธิพลต่อความสามารถในการบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของพวกเขา ครั้งแรก เจฟฟ์ควรใส่ใจกับสภาพอากาศที่อาจสร้างความล่าช้า และวางแผนตามลำดับ และเขาควรให้จัดลำดับความสำคัญหลักของเขาจุดหลักของเขา หากเขาจะทำงานดึก เจฟฟ์ควรแน่ใจว่า ลูกค้าของเขาทราบ บริษัทควรใช้ความต้องการการฝึกอบรมสำหรับสนามขายความยาวแตกต่างกัน เจฟฟ์ควรกำหนดตารางเวลาการนัดหมายถ้าเขาเชื่อว่า ทำจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขาที่จะมีเวลาเพียงพอเพื่อดำเนินการโทรของเขาขาย เจฟฟ์ต้องจำไว้ว่า เป้าหมายของเขาคือการ พัฒนาความสัมพันธ์ที่ใช้ความน่าเชื่อถือ และที่ความสัมพันธ์จะพัฒนาผ่านโต้ตอบขาย ขายพรุ่งนี้ ช่วงแรก ๆ ของกระบวนการขาย เจฟฟ์ควรให้แน่ใจว่า เขาถามคำถามที่จะช่วยให้เขาเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้าลูกค้ามีความต้องการ ซึ่งหมายความว่า ลูกค้าควรจะทำมากที่สุดของการพูดคุยในช่วงต้น มันเป็นหลังจากที่เขาเข้าใจลูกค้ามีความต้องการที่จะได้หารือเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทของเขาสามารถส่งค่าลูกค้าเท่านั้น ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการขายคือเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และมันเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของการขาย เมื่อขายวิวัฒนาการจากธุรกรรมที่มุ่งเน้นกระบวนการเป็นกระบวนการจัดการความสัมพันธ์ ความสามารถของพนักงานขายเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์จะกลายเป็นสำคัญ ดังนั้น เจฟฟ์ควรเตรียมสำหรับการประชุมเกิดจากบริษัทอย่า endings ทันทีทันใด ควรมีแผนฉุกเฉินที่ดี rehearsed ในสถานเพื่อให้เขาสามารถจบการประชุมอย่างมืออาชีพ และระดับหนึ่งของความมุ่งมั่นในการ "ขั้นตอนถัดไป"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขายให้คำปรึกษาแตกต่างจากการแก้ปัญหาในการขายว่าประเภทของการขายนี้จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือกรอกข้อมูลความต้องการได้ทันที พนักงานขายทำได้โดยการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าให้กับผู้ซื้อและการใช้ทักษะการแก้เพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อเป็น บริษัท ปัญหาของพวกเขา จะมีส่วนร่วมในการขายให้คำปรึกษาพนักงานขายจะต้องมีการจัดการที่ดีของความรู้เกี่ยวกับธุรกิจของลูกค้าและอุตสาหกรรม นี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้พนักงานขายสามารถให้ลูกค้ามีความเข้าใจในทุกพื้นที่ของ / ธุรกิจของตนที่มีอิทธิพลต่อความสามารถในการบรรลุเป้าหมายของกลยุทธ์ของพวกเขา ครั้งแรกที่เจฟฟ์ควรให้ความสนใจกับสภาพอากาศที่อาจสร้างความล่าช้าและตามแผนและเขาดีกว่าที่ควรจะจัดลำดับความสำคัญจุดหลักของเขาหลักของเขา ถ้าเขาจะไปทำงานสายเจฟฟ์ควรให้แน่ใจว่าลูกค้าของเขารู้ว่า บริษัท ควรใช้ความต้องการการฝึกอบรมสำหรับขายสนามยาวแตกต่างกัน เจฟฟ์ควรหมายกำหนดการนัดหมายถ้าเขาเชื่อว่าการทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาที่จะได้มีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการขายโทรของเขา เจฟฟ์ต้องการที่จะจำได้ว่าเป้าหมายของเขาคือการพัฒนาความสัมพันธ์ที่เชื่อถือ-based และที่ความสัมพันธ์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาผ่านการสนทนาการขายไม่ได้เป็นคนเดียวขาย ในช่วงแรกของกระบวนการขายเจฟฟ์ควรให้แน่ใจว่าเขาถามคำถามของลูกค้าที่จะช่วยให้เขาเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้าเป็นความต้องการที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งหมายความว่าลูกค้าควรจะทำมากที่สุดของการพูดคุยในช่วงต้น มันเป็นเพียงหลังจากที่เขาเข้าใจลูกค้าเป็นความต้องการที่ไม่ซ้ำกันว่าเขาจะสามารถที่จะหารือเกี่ยวกับวิธีการที่ บริษัท ของเขาสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้า ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการขายจะเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของการขายส่วนบุคคล ในฐานะที่เป็นส่วนบุคคลขายวิวัฒนาการจากการทำธุรกรรมที่มุ่งเน้นการเข้าสู่กระบวนการการจัดการความสัมพันธ์ความสามารถของพนักงานขายที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเจฟฟ์ควรจะเตรียมการจบการประชุมอย่างกระทันหันเป็นผลมาจากสถานการณ์ไม่คาดฝัน เขาควรจะมีแผนฉุกเฉินที่ดีในสถานที่ฝึกซ้อมเพื่อให้เขาสามารถสิ้นสุดการประชุมมืออาชีพและมีระดับบางส่วนของความมุ่งมั่นที่จะเป็น "ขั้นตอนต่อไป."

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่ปรึกษาการขายที่แตกต่างจากการขายในการขายชนิดนี้จะเน้นการช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของพวกเขา ไม่เพียง แต่การแก้ไขปัญหาทันที หรือการกรอกข้อมูลความต้องการทันที พนักงานขายทำโดยการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าให้กับผู้ซื้อ และใช้ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อ คือ บริษัท การต่อสู้ในที่ปรึกษาการขาย , พนักงานขายต้องมีการจัดการที่ดีของความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและอุตสาหกรรม นี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้พนักงานขายสามารถให้บริการลูกค้าด้วยข้อมูลเชิงลึกในพื้นที่ทั้งหมดของธุรกิจของเขา / เธอที่มีอิทธิพลต่อความสามารถในการเข้าถึงเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของพวกเขา แรก , เจฟฟ์ ควรให้ความสนใจกับสภาพอากาศที่อาจก่อให้เกิดความล่าช้าและวางแผนตามและเขาควรจะจัดลำดับความสำคัญหลักของเขาหลัก จุด ถ้าเขาจะวิ่งช้า เจฟฟ์ ควรให้แน่ใจว่า ลูกค้าของเขารู้ บริษัทควรใช้ความต้องการฝึกอบรมแตกต่างกันความยาวแคมป์ขาย . เจฟฟ์ ควรจัดตารางการนัดหมาย ถ้าเขาเชื่อว่าการทำเช่นนั้น เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้เขามีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการขายเขาโทรมา เจฟฟ์ต้องจำไว้ว่าเป้าหมายของเขาคือการพัฒนาความสัมพันธ์และความไว้วางใจจากความสัมพันธ์ดังกล่าวจะได้รับการพัฒนาผ่านบทสนทนาการขาย ไม่ใช่ขายคับ . ในระหว่างขั้นตอนแรกของกระบวนการขาย เจฟฟ์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า เขาจะขอให้ลูกค้าคำถามที่จะช่วยให้เขาเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้ามีความต้องการที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งหมายความว่าลูกค้าควรจะทำอะไรที่สุดของการพูดคุยบนก่อน มันเป็นเพียงหลังจากที่เขาเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นเอกลักษณ์ที่เขาจะสามารถที่จะหารือถึงวิธีการที่ บริษัท ของเขาสามารถส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้า ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการขายจะเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้า และเป็นส่วนสำคัญของการศึกษาวิวัฒนาการของการขายส่วนบุคคล ขณะที่การขายส่วนบุคคลวิวัฒนาการจากธุรกรรมที่มุ่งเน้นกระบวนการในกระบวนการบริหารความสัมพันธ์ , ความสามารถของพนักงานขายที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์จะกลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้น ดังนั้น เจฟฟ์ ควรจะเตรียมทันทีทันใดจบการประชุมที่เกิดจากสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เขาควรจะได้เตรียมแผนในสถานที่เพื่อให้เขาสามารถจบประชุมอย่างมืออาชีพกับบางระดับของความมุ่งมั่นที่จะเป็น " ขั้นตอนต่อไป "