บทที่ 5
การอ่าน
ความหมายและความส าคัญของการอ่าน
1. ความหมายของการอ่าน
การอ่านหมายถึง การที่ผู้รับสารแปลความหมายจากตัวอักษร สัญลักษณ์ที่
ปรากฏแก่สายตาให้ออกมาเป็นความรู้ความคิด ความเข้าใจในเชิงของการ
สื่ื่อสาร แล้วผู้อ่านสามารถนําความคิดความเข้าใจที่ได้จากการอ่านนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจําวันได้
2. ความสำคัญของการอ่าน
การอ่านมีความสําคัญและอํานวยประโยชน์อย่างมากมาย ซึ่งกล่าวโดยสรุปเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
1. การอ่านช่วยให้ได้รับความรู้ มีความรอบรู้ไม่แคบอยู่เฉพาะเรื่อง
2. การอ่านช่วยพัฒนาความคิดและยกระดับสติปัญญาให้สูงขึ้น
3. การอ่านเป็นเครื่องมือสําคัญของการศึกษา
4. การอ่านช่วยให้มีความก้าวหน้าในอาชีพ
5. การอ่านช่วยปรับปรุงบุคลิกภาพให้ดีได้
6. การอ่านช่วยแก้ปัญหาในใจได้
7. การอ่านทําให้เกิดความจรรโลงใจ ได้รับความเพลิดเพลินได้
8. การอ่านช่วยให้คนใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่า
กระบวนการการอ่าน
1. การรู้จักคํา การมองเห็นตัวอักษร สัญลักษณ์ หรือข้อความชัดเจน สามารถรับรู้คํานั้น
ได้ทันทีว่าอ่านอย่างไร กระบวนการอ่านเกิดขึ้น เมื่อผู้อ่านรับรู้ความหมายของคํา ภาษา ที่ผู้เขียน
ถ่ายทอดเป็นตัวอักษรได้เข้าใจตรงกันตามปกติการอ่านจะไม่อ่านเป็นคําๆ หรือทีละคําแต่จะอ่าน
เป็นวลี ประโยค ข้อความหรือเรื่องราว ดังนั้น เมื่ออ่านข้อความที่ยาวขึ้น หากรู้จักคํามากเท่าใดก็จะ
ยิ่งเข้าใจเรื่องราวที่อ่านมากขึ้น
2. การเข้าใจความหมายของสาร เมื่ออ่านเห็นคําต่างๆ ที่ประกอบเป็นข้อความหรือ
เรื่องราวแล้ว เข้าใจความหมายไปตามความหมายลําดับ ซึ่งเป็นความหมายที่ผู้เขียนต้องการสื่อโดย
ใช้สัญลักษณ์เป็นตัวแทนการเข้าใจสารแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับการตีความ ซึ่งแตกต่างหรือคล้ายคลึง
กัน ก็แล้วแต่ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับคํา ประโยค หรือข้อความนั้นๆ ผู้อ่านจึงต้องฝึกฝน
การอ่านตีความจนสามารถจับความรู้สึกอารมณ์ ความคิดและความเข้าใจจุดประสงค์ของผู้เขียนได้
3. การมีปฏิกิริยาต่อสาร เมื่อเข้าใจสารแล้ว ผู้อ่านจะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารน
ั้
น
ผู้อ่านจะประเมินข้อความหรือเรื่องราวที่อ่านได้ว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธ ซ
ึ่
งต้องอาศัยประสบการณ์
เดิมของตนมาช่วยพิจารณา ดังนั้น นักอ่านที่รอบรู้จะต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งกว่า
4. การบูรณาการความคิด การอ่านเรื่องราวต่างๆ ผู้อ่านจะผ่านกระบวนการทั้ง 3 ขั้นตอน
ในขั้นตอนนี้ผู้อ่านจะรวบรวม และสรุปความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้อ่านแล้วนํามาผสมผสาน หรือเปรียบเทียบกับประสบการณ์เก่าๆ ที่เคยสะสมไว้ต่อจากนั้นสมองจะเลือกรับหรือจดจําเฉพาะสิ่งที่ต้องการ ซึ่งความรู้ใหม่นี้จะเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ให้มากขึ้น หรืออาจเปลี่ยนแปลงประสบการณ์เดิมได้
จุดมุ่งหมายของการอ่าน
1. อ่านเพื่อความรู้
2.อ่านเพื่อหาคำตอบ
3.อ่านเพื่อปฏิบัติตาม
4. อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน
5. อ่านเพื่อการเขียน
6. อ่านเพื่อฆ่าเวลา
ประโยชน์ของการอ่าน
การอ่านหนังสือย่อมเกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคม ดังนี้
1. ประโยชน์ต่อตนเอง คือ
1.1 ก่อให้เกิดความรอบรู้ คืออ่านมากย่อมรู้มาก
1.2 ทําให้เป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ
1.3 เป็นการยกระดับสติปัญญาและพัฒนาความคิด
1.4 สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างฉับไว
1.5 ช่วยกระตุ้นและเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
1.6 ได้รับความเพลิดเพลินและจรรโลงใจจากการอ่าน
1.7 ช่วยเสริมและพัฒนาบุคลิกภาพในการผูกมิตรสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่นทั้งด้านกายภาพและการสนทนาปราศรัยให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
1.8 เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นการบริหารเวลาให้เกิดคุณค่า
1.9 ช่วยอํานวยความสะดวกในการดําเนินชีวิตจากความยุ่งยากซับซ้อนมาเป็นรวบรัดประหยัดเวลา
1.10 ช่วยพัฒนาอาชีพทั้งการแสวงหาอาชีพใหม่และการพัฒนาอาชีพเดิม
1.11 ก่อเกิดลักษณะนิสัยใฝ่การอ่านและแสวงหาความรู้อยู่เสมอ
2. ประโยชน์ต่อสังคม ดังนี้
2.1 ทางด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม การอ่านเป็นกุญแจในการสืบค้น ดํารงไว้ส่งเสริมพัฒนาและประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมทางสังคมและวิทยาการของมวลมนุษย์ชาติ
1.10 ช่วยพัฒนาอาชีพทั้งการแสวงหาอาชีพใหม่และการพัฒนาอาชีพเดิม
1.11 ก่อเกิดลักษณะนิสัยใฝ่การอ่านและแสวงหาความรู้อยู่เสมอ
2. ประโยชน์ต่อสังคม ดังนี้
2.1 ทางด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม การอ่านเป็นกุญแจในการสืบค้น ดํารงไว้ส่งเสริมพัฒนาและประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมทางสังคมและวิทยาการของมวลมนุษยชาติ
2.2 ทางด้านสังคม การอ่านเป็นการสร้างสรรค์ปัจเจกบุคคลให้เกิดความรู้
2.3 ทางด้านเศรษฐกิจ การอ่านนอกจากจะส่งผลต่ออาชีพและเศรษฐกิจของตนให้ดีขึ้น
2.4 ด้านประชาธิปไตย การอ่านเป็นปัจจัยพื้นฐานในการนําเสนอความคิดแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้ทั้งโดยตรงและผ่านสื่อมวลชน
2.5 ด้านคุณธรรมและสันติธรรม การเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขวางมองเห็นความเป็นอยู่ ทุกข์ สุข ของเพื่อนมนุษย์
ประเภทของการอ่าน
การอ่านแบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังนี้
1. การอ่านจับใจความ
2. การอ่านเชิงวิเคราะห์
3. การอ่านตีความ
ซึ่งจะได้นําเสนอรายละเอียดไปตามลําดับดังนี้
1. การอ่านจับใจความ
การอ่านจับใจความ คือ การอ่านเพื่อค้นหาความคิดสําคัญของเรื่อง หรือสารที่ผู้เขียนมุ่งเสนอต่อผู้อ่านหรือเป็นการจับประเด็นให้ได้ว่าผู้เขียนต้องการเสนอข้อคิดเห็นอะไร
2. การอ่านเชิงวิเคราะห์
ู้อ่านต้องแยกแยะให้ออกก่อนว่าข้อความที่อ่านนั้นผู้เขียนต้องการสื่อข้อเท็จจริงหรือสื่อความรู้สึกนึกคิดให้ผู้อ่านทราบโดยมีรายละเอียดดังนี้
1). การสื่อข้อเท็จจริง คือ การบอกให้รู้ถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มักเป็นคําตอบ
สําหรับคําถามที่ว่าอะไรใคร ที่ไหน เมื่อไหร่อย่างไร เป็นต้น
2). การสื่อความรู้สึกนึกคิดเป็นการสื่อความรู้หรือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจกระทบความรู้สึกของผู้ที่พบเห็น จนทําให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจได้ต่าง ๆ กัน
ู้3. การอ่านตีความ
การอ่านตีความหมายถึงการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งผู้อ่านต้องรู้จักใช้ความรู้สติปัญญาทําความเข้าใจในทุก ๆ องคาพยพของเรื่องที่อ่านอย่างทะลุปรุโปร่ง ดังที่หลายคนพูดว่า “อ่านเพื่อหาความหมายที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัด” นั่นเอง
คุณสมบัติของนักอ่านที่ดี
1.รู้จักเลือกอ่านหนังสือที่ให้ประโยชน์
2. ต้องมีสมาธิในการอ่าน
3. ต้องรู้จักจับประเด็นสําคัญของเรื่องที่อ่านได้โดยตลอดและถ