Since the 1960s, the health system

Since the 1960s, the health system has seen the professionalisation of a new occupation, carer of the elderly. The form and result of this process differs between countries according to their welfare systems. In this paper, the differences will be analysed in a comparison between two countries, Germany and Sweden, the representatives of two prototypical welfare systems. Sweden is renowned for its state-oriented universal welfare system, whereas Germany is considered to be an example of a conservative, family-oriented system. The process of professionalisation and its consequences for the carer and the care receivers will be looked at from the perspective of gender and social inequality.

On a theoretical basis, this paper includes gendered and mainstream welfare state approaches and thus combines issues of gender and social inequality, as well as theories in the area of professionalisation. Empirically, the development of the new occupation is examined in two phases. In the first step, it looks at the time-period between the 1960s and 1980s, when the state-oriented vs. family-oriented principles of care for the elderly were established. The 1990s brought about change in both countries. In Germany, with the introduction of the Long-term Care Insurance, a new mode of care has developed, shared between informal family care, and public or private providers. In Sweden, budget restrictions in the 1990s in this area led to a reorganisation, restructuring and reduction of the role of the welfare state. The consequences of the different processes in both countries will be discussed from the perspective of the predominantly female employees and the receivers of care. The results reveal a complex interaction between patterns of gender and social inequality and
welfare state policies for the carers and care receivers.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตั้งแต่ปี 1960 ระบบสุขภาพได้เห็น professionalisation ของอาชีพใหม่ คุณลักษณะและการวางตัวของผู้สูงอายุ รูปแบบและผลของกระบวนการนี้แตกต่างระหว่างประเทศตามระบบสวัสดิการ ในกระดาษนี้ จะวิเคราะห์ความแตกต่างในการเปรียบเทียบระหว่างสองประเทศ เยอรมนีและสวีเดน ตัวแทนของระบบสวัสดิการสาขาสอง สวีเดนที่มีชื่อเสียงในระบบสวัสดิการรัฐที่มุ่งเน้นสากล ในขณะที่เยอรมนีถือเป็นตัวอย่างของระบบอนุรักษ์นิยม ครอบครัว กระบวนการ professionalisation และผลกระทบของมันที่คุมออกซิเจนและรับดูแลจะมองไปที่จากมุมมองของเพศและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมบนพื้นฐานทฤษฎี กระดาษนี้มีวิธี gendered และหลักรัฐสวัสดิการ และจึง รวมปัญหาของเพศ และความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ตลอดจนทฤษฎีของ professionalisation เชิงประสบการณ์ด้วย การพัฒนาอาชีพใหม่จะตรวจสอบในระยะที่สอง ในขั้นตอนแรก ดูว่าในรอบระยะเวลาระหว่างปี 1960 และทศวรรษ 1980 เมื่อการรัฐแปลกเจอครอบครัวหลักการดูแลผู้สูงอายุก่อตั้ง ปี 1990 นำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในทั้งสองประเทศ ในเยอรมนี ด้วยการแนะนำที่ระยะยาวดูแลประกัน โหมดใหม่ของการดูแลได้พัฒนา ใช้ร่วมกันดูแลครอบครัวที่ไม่เป็นทางการ และผู้ให้บริการสาธารณะ หรือส่วนตัว ในสวีเดน ข้อจำกัดงบประมาณในปี 1990 ในพื้นที่นี้นำไปสู่การ reorganisation ปรับโครงสร้าง และการลดบทบาทของรัฐสวัสดิการ ผลของกระบวนการแตกต่างกันในทั้งสองประเทศจะมีหารือจากมุมมองของพนักงานหญิงส่วนใหญ่และผู้รับการดูแล เปิดเผยผลการโต้ตอบที่ซับซ้อนระหว่างรูปแบบของเพศและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม และนโยบายรัฐสวัสดิการสำหรับผู้ดูแลและผู้รับดูแล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960, ระบบสุขภาพได้เห็น professionalisation ของอาชีพใหม่ผู้ดูแลผู้สูงอายุ รูปแบบและผลของกระบวนการนี้มีความแตกต่างระหว่างประเทศตามระบบสวัสดิการของพวกเขา ในกระดาษนี้แตกต่างจะได้รับการวิเคราะห์ในการเปรียบเทียบระหว่างสองประเทศเยอรมนีและสวีเดนตัวแทนของทั้งสองระบบสวัสดิการแม่บท สวีเดนมีชื่อเสียงในด้านระบบสวัสดิการของรัฐที่มุ่งเน้นการเป็นสากลในขณะที่เยอรมนีจะถือเป็นตัวอย่างของการอนุรักษ์ระบบครอบครัวที่มีเชิง กระบวนการของการ professionalisation และผลที่ตามมาสำหรับผู้ดูแลและรับการดูแลจะถูกมองจากมุมมองของเพศและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม.

บนพื้นฐานทฤษฎีกระดาษนี้รวมถึงแนวทางรัฐสวัสดิการเพศและกระแสหลักจึงรวมปัญหาของเพศและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม เช่นเดียวกับทฤษฎีในพื้นที่ของ professionalisation สังเกตุการพัฒนาอาชีพใหม่จะถูกตรวจสอบในสองขั้นตอน ในขั้นตอนแรกจะดูที่ช่วงเวลาระหว่างปี 1960 และ 1980 เมื่อรัฐที่มุ่งเน้นหลักการเทียบกับครอบครัวที่มุ่งเน้นการดูแลผู้สูงอายุที่ถูกจัดตั้งขึ้น ปี 1990 นำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในทั้งสองประเทศ ในประเทศเยอรมนีด้วยการแนะนำของระยะยาวการประกันภัยการดูแลที่เป็นโหมดใหม่ของการดูแลได้มีการพัฒนาร่วมกันระหว่างการดูแลครอบครัวเป็นทางการและผู้ให้บริการของรัฐหรือเอกชน ในสวีเดนข้อ จำกัด งบประมาณในปี 1990 ในพื้นที่นี้จะนำไปสู่การปฏิรูปโครงสร้างและการลดบทบาทของรัฐสวัสดิการ ผลกระทบของกระบวนการที่แตกต่างกันในทั้งสองประเทศจะมีการหารือจากมุมมองของพนักงานส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงและผู้รับของการดูแล ผลการศึกษาพบปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างรูปแบบของความไม่เท่าเทียมกันทางเพศและสังคมและ
สวัสดิการนโยบายของรัฐในการดูแลและรับการดูแล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตั้งแต่ปี 1960 , ระบบสุขภาพ ได้เห็นการเป็นมืออาชีพของอาชีพใหม่ ผู้ดูแล ของผู้สูงอายุ รูปแบบและผลของกระบวนการนี้แตกต่างระหว่างประเทศตามระบบสวัสดิการของพวกเขา ในกระดาษนี้ ความแตกต่างจะถูกใช้ในการเปรียบเทียบระหว่าง 2 ประเทศ คือ เยอรมนี สวีเดน และ ตัวแทนจากสองระบบสวัสดิการแบบ . สวีเดนมีชื่อเสียงของรัฐที่มุ่งเน้นระบบสวัสดิการถ้วนหน้า ในขณะที่เยอรมนีถือเป็นตัวอย่างของอนุลักษณ์ , ครอบครัวระบบ กระบวนการของการเป็นมืออาชีพ และผลที่ตามมาสำหรับผู้ดูแลและดูแลผู้รับจะถูกมองจากมุมมองของเพศและความไม่เท่าเทียมกันในสังคมบนพื้นฐานทฤษฎี , กระดาษนี้รวมถึงเพศและหลักรัฐสวัสดิการและวิธีการจึงรวมปัญหาของเพศและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ตลอดจนทฤษฎีในพื้นที่ของการเป็นมืออาชีพ . จากผลการพัฒนาอาชีพใหม่คือการตรวจสอบใน 2 ขั้นตอน ในขั้นตอนแรก ดูที่ระยะเวลาระหว่างปี 1960 และ 1980 เมื่อรัฐที่มุ่งเน้นกับครอบครัวที่มุ่งเน้นหลักการดูแลผู้สูงอายุตั้งขึ้น 1990 ได้นำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในทั้งสองประเทศ ในเยอรมัน ด้วยการเปิดตัวของประกันการดูแลระยะยาวเป็นโหมดใหม่ของการดูแลได้พัฒนาร่วมกันระหว่างการดูแลครอบครัวอย่างไม่เป็นทางการ และผู้ให้บริการสาธารณะ หรือส่วนตัว ในสวีเดน งบประมาณ ข้อ จำกัด ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ในพื้นที่นี้นำไปสู่การประนอมหนี้ การปรับโครงสร้างและลดบทบาทของสวัสดิการของรัฐ ผลของกระบวนการที่แตกต่างกันในทั้งสองประเทศจะกล่าวถึงจากมุมมองของพนักงานหญิงส่วนใหญ่ และการดูแล ผลลัพธ์แสดงปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างรูปแบบของเพศและสังคม ความไม่เท่าเทียมกัน และสวัสดิการของรัฐนโยบายสำหรับผู้ดูแลและการดูแลผู้รับ