Literature reviewDevelopments over

Literature review
Developments over recent decades have resulted in a transformation from the industrial era
to the knowledge-based era. This shift has increased the significance of intellectual capital
in terms of obtaining competitive advantage that leads to sustainable performance.
Traditional financial performance measures provide an incomplete picture of the firm due to
the existence of intangible sources such as intellectual assets and processes together with
investments in social responsibility. To overcome this conflicting issue, emphasis is given to
CSR and VAIC, resulting in a decline in the significance of traditional financial performance
measures in determining the true value of the firm (Guthrie et al., 2007).
The pivotal role of intellectual capital (IC) in firms’ value creation, which is a crucial
component of sustainable performance, has been the subject of numerous studies in
literature. An analysis conducted by Accenture on S&P 500 companies between 1980 and
2002 reveals the reduced significance of tangible assets on company value, emphasising
that these assets now account for only 25 per cent of market value, whereas they constituted
80 per cent of market value 20 years ago (Ballow et al., 2004).
The major motivation behind the voluntary disclosure of intellectual capital depends on the
axiom put forward by Stewart (1997) that ‘‘what gets measured gets managed’’. As Guthrie
et al. (2006) also state, there is the potential risk that firms’ management and other
stakeholders will not give enough attention to IC unless it is reported. Numerous metrics to
measure IC have been developed in the field of knowledge management (see Liebowitz and
Suen, 2000).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การทบทวนวรรณกรรมพัฒนาทศวรรษล่าสุดทำให้การเปลี่ยนแปลงจากยุคอุตสาหกรรมถึงยุคความรู้ การเปลี่ยนแปลงนี้ได้เพิ่มความสำคัญของทุนทางปัญญาในแง่ของการได้เปรียบที่นำไปสู่ประสิทธิภาพที่ยั่งยืนประเมินผลแบบดั้งเดิมให้ภาพสมบูรณ์ของบริษัทครบกำหนดต้องการดำรงอยู่ของแหล่งที่ไม่มีตัวตนสินทรัพย์ทางปัญญาและกระบวนการร่วมกับการลงทุนในสังคม เพื่อเอาชนะปัญหานี้ความขัดแย้ง เน้นคือให้CSR และ VAIC ส่งผลในการปฏิเสธความสำคัญของประสิทธิภาพทางการเงินแบบดั้งเดิมมาตรการในการกำหนดคุณค่าแท้จริงของบริษัท (Guthrie et al., 2007)บทบาทแปรของทุนทางปัญญา (IC) ของบริษัทค่าสร้าง ซึ่งเป็นสำคัญส่วนประกอบของประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน มีเรื่องของการศึกษามากมายในวรรณกรรม การวิเคราะห์วิธีการ โดย Accenture บริษัทเอสแอนด์พี 500 ระหว่างปี 1980 และ2002 พบว่า ลดความสำคัญของการมีตัวตนสินทรัพย์บริษัทค่า เน้นว่า สินทรัพย์เหล่านี้ขณะนี้บัญชีสำหรับเฉพาะ 25 ร้อยละของมูลค่าตลาด ในขณะที่พวกเขาทะลักร้อยละ 80 ของมูลค่าตลาด 20 ปีที่ผ่านมา (Ballow et al., 2004)แรงจูงใจสำคัญอยู่เบื้องหลังความสมัครใจการเปิดเผยของทุนทางปัญญาขึ้นอยู่กับการสัจพจน์นำ โดยสจ๊วต (1997) ว่า ''อะไรจะวัดได้รับการจัดการ '' เป็น Guthrieal. ร้อยเอ็ด (2006) นอกจากนี้รัฐ มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นของบริษัทที่บริหารและอื่น ๆมีส่วนได้เสียจะไม่ให้ความสนใจพอ IC เว้นแต่มีรายงาน วัดแห่งนี้เพื่อวัด IC ที่ได้รับการพัฒนาในด้านการจัดการความรู้ (ดู Liebowitz และออยซึน 2000)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การทบทวนวรรณกรรมการพัฒนาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาได้ส่งผลในการเปลี่ยนแปลงจากยุคอุตสาหกรรมไปสู่ยุคความรู้ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเงินทุนทางปัญญาในแง่ของการได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่นำไปสู่ผลการดำเนินงานที่ยั่งยืน. แผนมาตรการประสิทธิภาพทางการเงินให้ภาพที่สมบูรณ์ของ บริษัท เนื่องจากการดำรงอยู่ของแหล่งที่มาไม่มีตัวตนเช่นทรัพย์สินทางปัญญาและการประมวลผลร่วมกับการลงทุนในสังคมความรับผิดชอบ ที่จะเอาชนะปัญหานี้ขัดแย้งกันให้ความสำคัญจะได้รับการรับผิดชอบต่อสังคมและ VAIC ผลในการลดลงในความสำคัญของการดำเนินงานทางการเงินแบบดั้งเดิมมาตรการในการกำหนดมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท (Guthrie et al., 2007). บทบาทสำคัญของทุนทางปัญญา ( IC) ในการสร้างมูลค่า บริษัท 'ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งของผลการดำเนินงานอย่างยั่งยืนได้รับเรื่องของการศึกษาจำนวนมากในวรรณคดี การวิเคราะห์ที่จัดทำโดยแอคเซนเจอร์ใน S & P 500 บริษัท ระหว่างปี 1980 และปี2002 แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ลดลงของสินทรัพย์ที่มีตัวตนในมูลค่าของ บริษัท เน้นที่สินทรัพย์เหล่านี้บัญชีตอนนี้เพียงร้อยละ25 ของมูลค่าตลาดในขณะที่พวกเขาตั้งขึ้นร้อยละ80 ของมูลค่าตลาด 20 ปี ที่ผ่านมา (Ballow et al., 2004). แรงจูงใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเปิดเผยข้อมูลโดยสมัครใจของทุนทางปัญญาขึ้นอยู่กับความจริงที่นำมาโดยสจ๊วต (1997) ที่ '' สิ่งที่ได้รับการจัดการที่วัดได้รับ '' ในฐานะที่เป็นกูทรีอัลเอต (2006) นอกจากนี้ยังรัฐมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นว่าผู้บริหาร บริษัท และอื่น ๆ ที่มีส่วนได้เสียจะไม่ให้ความสนใจมากพอที่จะIC จนกว่าจะมีการรายงาน ตัวชี้วัดจำนวนมากเพื่อวัด IC ได้รับการพัฒนาในด้านการจัดการความรู้ (ดู Liebowitz และซุน, 2000)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทบทวนวรรณกรรม
การพัฒนามากกว่าทศวรรษที่ผ่านมามีผลในการเปลี่ยนแปลงจากยุคอุตสาหกรรม
ยุคฐานความรู้ การเปลี่ยนแปลงนี้ได้เพิ่มความสำคัญของ
ทุนทางปัญญาในแง่ของการได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่นำไปสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน มาตรการทางการเงินแบบดั้งเดิมให้
การแสดงภาพที่ไม่สมบูรณ์ของ บริษัท เนื่องจาก
การดำรงอยู่ของแหล่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ปัญญา ทรัพย์สิน และกระบวนการร่วมกับ
การลงทุนในความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อเอาชนะปัญหาที่ขัดแย้งกันนี้ เน้นให้

vaic CSR และผลในการลดลงในความสำคัญของการวัดผลการปฏิบัติงาน
ทางการเงินแบบดั้งเดิมในการกำหนดมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท ( Guthrie et al . , 2007 ) .
บทบาทสำคัญของทุนทางปัญญา ( IC ) ในการสร้างมูลค่าของ บริษัท ซึ่งเป็นส่วนประกอบสําคัญ
การปฏิบัติที่ยั่งยืน ได้รับเรื่องของการศึกษามากมายใน
วรรณกรรม การวิเคราะห์โดย Accenture S & P 500 บริษัท ระหว่างปี 1980 และลดความสำคัญของ
2002 เผยทรัพย์สินที่จับต้องได้ ในมูลค่าที่บริษัทเน้น
ที่สินทรัพย์เหล่านี้ในขณะนี้บัญชีสำหรับเพียงร้อยละ 25 ของมูลค่าตลาด ในขณะที่พวกเขา constituted
ร้อยละ 80 ของมูลค่าตลาดเมื่อ 20 ปีก่อน ( ballow et al . , 2004 ) .
หลักแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังการเปิดเผยโดยสมัครใจของทุนทางปัญญาขึ้นอยู่กับ
สัจพจน์ใส่ไปข้างหน้าโดยสจ๊วต ( 1997 ) ที่ ' ' ได้รับการวัดได้จัดการ ' ' เป็น Guthrie
et al . ( 2006 ) รัฐมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นที่การจัดการของ บริษัท และผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ
จะไม่ให้ความสนใจพอที่จะ IC เว้นแต่จะรายงาน วัดมากมาย

วัด IC ได้รับการพัฒนาในด้านการจัดการความรู้ ( เห็นลีเบอวิตส์และ
ซืน , 2000 )