Kodak's Last Moment In January 2012

Kodak's Last Moment
In January 2012, Eastman Kodak Company, commonly known as Kodak, filed for Chapter 11 bankruptcy pro- tection. Founded in 1880, Kodak pioneered photography technology and photographic film and brought them to the masses of the world. During most of the 20th century, Kodak held a dominant position in photographic film. In 1976, it enjoyed a 90% market share of photographic film and an 85% market share of camera sales in the United States. Until the 1990s, it had been regulary voted as one of the world's top-five most valuable brands The Kodak name in fact was so recognizable that its tagline," Kodak moment entered everyday language as an important event worthy of capturing on film. It is hard to believe now but Kodak was indeed the Google of its day.
So, what happened? Essentially Kodak's expertise In photographic film used to be valuable, unique, and hard-to-imitate. Its formidable organization, which In 1988 employed a sizable army of 145,000, was able to deliver film rolls to the far corners of the world. But the digital revolution wiped out all these advantages. In a word full of digital cameras made by Canon, Nikon, and Samsung Kodak digital cameras had Sony a small market share. To be sure, Kodak was not a late mover in digital technology. In fact. Kodak was the first mover: It invented the digital camera in 1975. But the popular perception that Kodak was a later mover in digital technology was largely correct. It only started marketing digital cameras in the early 2000s too late. In a nutshell, Kodak's early success became its curse. Its seemingly unassailable competitive position fostered an unimaginative and complacent corporate culture that failed to anticipate the rapid diffusion of digital technology that literally ate its traditional market for lunch. In 1979, an internal guru on digital technology wrote a report to management that today reads like a prophecy The report predicted how different segments of the market would migrate from film to digital, starting with US government satellite reconnaissance, then professional photography and finally the mass market 2010. This penetrating report was only a few by years off. Yet, tragically both the digital camera Invention and the prediction were ignored by Kodak managers, who could imagine a world without film.
During the 1990s, Instead of Investing In digital technology Kodak focused on its only viable rival at that time, Fujifilm. Refusing to outsource production to cut costs, Kodak kept making film by itself. In the 2000s, Kodak belatedly built a digital camera business, which lasted only a few years before camera phones started to push aside single-purpose digital cameras. Kodak ended up losing $60 on every digital camera it With new CEO who had stepped in during sold. a 2005, Kodak attempted to become a powerhouse of digital printing. But with the technological tsunami first brought by digital cameras and then by camera phones, Kodak felt powerless to catch up. In January 2012, with its forces shrunk to only 18,000, Kodak gave up by filing for bankruptcy and listing $6.9 billion in liabilities. In February 2012, it announced that it would stop making digital cameras itself and would license its brand name to other camera manufacturers. Instead, it would focus on photo printing, through retail and online services as well as desktop inkjet devices.
In contrast, managers at Kodak's archrival Fujifilm were quicker in unwinding the work of their previous generations. Since 2000, it has spent $9 billion to acquire 40 companies, slashed costs and thousands of jobs, and diversified. Fujifilm viewed film to be a bit like skin: both contain collagen. Just as photos fade because of oxidation, cosmetics products preserve skin with antioxidants. Deploying its collection of 200,000 chemical compounds. Fujifilm tapped into 4,000 of them that are related to antioxidants. Based on such research, Fujifilm launched a line of cosmetics, named Astalift, that it successfully sold in Asia and Europe. In addition, Fujifilm made optical films for LCD flat-panel screens. In this regard. Fujifilm was decidedly un-Japanese as few large Japanese firms acted so fast, dismantled their traditional business, and went on an acquisition spree. In summary the Economist noted that"surprisingly, Kodak acted like a stereotypical change-resistant Japanese firm, while Fujifilm acted like a flexible American film Commenting on Kodak's last moment, the Economist concluded: Unlike people, companies can in theory live for ever. But most die young. Fujifilm has mastered new tactics and survived. Film went from 60% of its profits in 2000 to basically nothing, yet it found new sources of revenue. Kodak, along with many a great company before, appears simply have run its course. After 132 years it is to posed, like an old photo, to fade away.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ช่วงเวลาสุดท้ายของโกดัก
ในเดือน 2012 มกราคม อีสต์แมนโกดัก บริษัท โดยทั่วไปเรียกว่าโกดัก ยื่นสำหรับล้มละลายบท 11 โปร-tection ก่อตั้งขึ้นใน 1880 โกดักเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการถ่ายภาพและฟิล์มถ่ายรูป และนำมวลของโลก ในที่สุดของศตวรรษ 20 โกดักจัดตำแหน่งหลักในฟิล์มถ่ายรูป ในปี 1976 เพลิดเพลินกับส่วนแบ่งตลาด 90% ของฟิล์มถ่ายรูปและมีส่วนแบ่งตลาด 85% กล้องขายในสหรัฐอเมริกา จนถึงปี 1990 มันได้ regulary รับการโหวตเป็นหนึ่งในโลก 5 ดีที่สุดยี่ห้อโกดักชื่อในความเป็นจริงเพื่อให้รู้จักที่สโลแกนของ, "โกดักขณะป้อนภาษาชีวิตประจำวันเป็นเหตุการณ์สำคัญน่าจับบนแผ่นฟิล์ม ยากที่จะเชื่อทันที แต่โกดักได้แน่นอน Google ของของวัน
ดังนั้น เกิดอะไรขึ้น ใช้หลักของโกดักความเชี่ยวชาญในฟิล์มถ่ายรูปมีคุณค่า ไม่ซ้ำ และยากจะเลียนแบบ เป็นอันตรายถึงชีวิตองค์กร 1988 จ้างกองทัพดาวของ 145,000 ได้ส่งม้วนกับมุมไกลของโลก แต่การปฏิวัติดิจิตอลเช็ดออกเหล่า คำเต็มของกล้องดิจิตอลทำให้ ทาง Canon, Nikon ซัมซุงโกดัก กล้องดิจิตอลได้โซนี่มีส่วนแบ่งการตลาดขนาดเล็ก เพื่อให้แน่ใจ โกดักไม่ดี mover สายเทคโนโลยีดิจิตอล อันที่จริง โกดักได้ดี mover แรก: มันคิดค้นกล้องดิจิตอลในปี 1975 แต่นิยมการรับรู้ว่า โกดักได้ดี mover ภายในเทคโนโลยีดิจิตอลเป็นส่วนใหญ่ถูกต้อง เท่านั้นจะเริ่มต้นการตลาดกล้องดิจิทัลใน 2000s ก่อนสายเกินไป ในสั้น ความสำเร็จแรกของโกดักกลายเป็น สาปแช่งมัน ตำแหน่งการแข่งขันของ unassailable ดูเหมือนเด็ก ๆ โง่ และนอนวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่สามารถตัดการแพร่อย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิตอลที่แท้จริงกินตลาดของดั้งเดิมสำหรับมื้อกลางวัน ในปีค.ศ. 1979 กูรูภายในเทคโนโลยีดิจิทัลเขียนรายงานเพื่อการบริหารจัดการว่า วันนี้อ่านเช่นพยากรณ์รายงานคาดการณ์แตกเซ็กเมนต์ของตลาดจะย้ายจากฟิล์มสู่ดิจิตอล เริ่มต้นกับเรารัฐบาลดาวเทียมมารวม กัน แล้วถ่ายภาพมืออาชีพ และสุดท้ายตลาดโดยรวม 2010 รายงานนี้ผิวหนังมีเพียงเล็กน้อย โดยปีปิด ยัง tragically กล้องประดิษฐ์และคาดเดาที่ถูกละเว้น โดยโกดักผู้จัดการ ที่สามารถจินตนาการโลก โดยฟิล์ม
ระหว่างปี 1990 แทนลงทุนในเทคโนโลยีดิจิตอลโกดักมุ่งเน้นของคู่ต่อสู้ได้เฉพาะในเวลานั้น มาก ๆ ปฏิเสธการผลิตเพื่อลดต้นทุนการให้บริการภายนอก โกดักเก็บไว้ทำฟิล์ม ด้วยตัวเอง ใน 2000s โกดัก belatedly สร้างธุรกิจกล้องดิจิตอล ที่กินเวลาเพียงไม่กี่ปีก่อนโทรศัพท์กล้องเริ่มผลักดันกล้องดิจิตอลไว้เดียววัตถุประสงค์ โกดักสิ้นสุดสูญเสีย $60 ในกล้องดิจิตอลทุก ด้วยซีอีโอใหม่ที่มีขั้นบันไดในระหว่างขาย 2005 โกดักพยายามเป็น โรงไฟฟ้าของการพิมพ์ระบบดิจิตอล แต่รู้สึกใช้ทันกับสึนามิเทคโนโลยีแรก นำ ด้วยกล้องดิจิตอล และกล้องโทรศัพท์มือถือ โกดัก ในเดือน 2012 มกราคม กับกองกำลังของ shrunk ให้ 18000 เท่านั้น โกดักได้ โดยยื่นสำหรับล้มละลายรายการ 6.9 พันล้านเหรียญในหนี้สิน ในเดือน 2012 กุมภาพันธ์ มันประกาศว่า จะหยุดการทำกล้องดิจิตอลเอง และจะใบอนุญาตชื่อแบรนด์ของผู้ผลิตอื่น ๆ กล้อง แทน มันจะเน้นพิมพ์ภาพ ผ่านการขายปลีก และบริการออนไลน์ ตลอดจนอุปกรณ์อิงค์เดสก์ท็อป.
ในทางตรงข้าม ผู้จัดการที่ archrival ของโกดักฟูจิฟิล์มได้เร็วขึ้นในการทำงานของรุ่นก่อนหน้านี้ของพวกเขาผ่อนคลาย ตั้งแต่ 2000 ใช้ 9 พันล้านเหรียญเพื่อซื้อบริษัท 40 เฉือนต้นทุนและงาน และมีความหลากหลาย มาก ๆ ดูฟิล์มเป็นบิตเช่นผิว: ทั้งประกอบด้วยคอลลาเจน เหมือนภาพถ่ายจางหายเนื่องจากการเกิดออกซิเดชัน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรักษาผิว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ปรับใช้คอลเลกชันของสารเคมีที่ 200000 มาก ๆ เคาะเป็น 4000 ของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับสารต้านอนุมูลอิสระ ตามการวิจัย มาก ๆ เปิดบรรทัดของเครื่องสำอาง ชื่อ Astalift ที่มันสำเร็จขายในเอเชียและยุโรป นอกจากนี้ มาก ๆ ทำฟิล์มแสงสำหรับจอแบน LCD ในเรื่องนี้ มาก ๆ ญี่ปุ่นยังไม่ได้หลับเป็นบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ไม่กี่ดำเนินอย่างรวดเร็ว รื้อถอนธุรกิจดั้งเดิมของพวกเขา และสนุกสนานซื้อไป สรุป นักเศรษฐศาสตร์ที่กล่าวที่ "จู่ ๆ โกดักได้ปฏิบัติเช่น stereotypical เปลี่ยนทนญี่ปุ่นบริษัท ในขณะที่ได้ปฏิบัติมาก ๆ เช่นเป็นหนังอเมริกันที่ยืดหยุ่นให้ข้อคิดเห็นในช่วงสุดท้ายของโกดัก นักเศรษฐศาสตร์ที่สรุป: แตกต่างจากคน บริษัทสามารถทฤษฎีอาศัยเคยตัว แต่ส่วนใหญ่ตายหนุ่ม มาก ๆ เข้าใจกลยุทธ์ใหม่ และรอดชีวิต ฟิล์มไปจาก 60% ของกำไรของ 2000 โดยทั่วไปไม่มีอะไร ยังได้พบแหล่งใหม่ของรายได้ โกดัก พร้อมกับหลาย บริษัทดีเยี่ยมก่อน ปรากฏเพียงได้ใช้หลักสูตรของการ หลังจากปี 132 มันจะอึ้ง เช่นมีภาพถ่ายเก่า เลือน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โกดักเป็นครั้งสุดท้าย
ในเดือนมกราคม 2012 , บริษัท อีสต์แมนโกดัก ที่รู้จักกันทั่วไปเป็น Kodak ฟ้องบทที่ 11 การล้มละลาย Pro - tection . ก่อตั้งขึ้นในปี 1880 , Kodak เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการถ่ายภาพและภาพยนตร์ถ่ายภาพและนำพวกเขาเพื่อมวลของโลก ที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 20 , Kodak จัดตำแหน่งเด่นในฟิล์ม . ในปี 1976มันชอบ 90% ส่วนแบ่งตลาดของฟิล์มและ 85 % ส่วนแบ่งการตลาดของการขายกล้องในสหรัฐอเมริกา จนถึงปี 1990 ได้รับการโหวตเป็นทางหนึ่งของโลกด้านบนห้าที่มีคุณค่าที่สุดยี่ห้อ Kodak ชื่อในความเป็นจริงมันเป็นที่รู้จักว่าสโลแกนของ " โกดัก ขณะเข้าไปทุกวัน ภาษาเป็นเหตุการณ์สำคัญที่น่าจับบนแผ่นฟิล์มมันยากที่จะเชื่อ แต่ตอนนี้ Kodak แน่นอน Google วัน .
แล้วเกิดอะไรขึ้น ? หลักความเชี่ยวชาญในฟิล์มของโกดักจะใช้คุณค่า เอกลักษณ์ และ ยากที่จะเลียนแบบได้ องค์กรของ formidable ซึ่งในปี 1988 ใช้กองทัพขนาดใหญ่ของ 145 , ก็สามารถที่จะส่งมอบฟิล์มม้วนไปตามมุมต่างๆ ของโลก แต่การปฏิวัติดิจิตอลลบล้างข้อดีเหล่านี้ทั้งหมดเนื้อเพลงเต็มของกล้องดิจิตอลจาก Canon , Nikon , Sony และ Samsung Kodak กล้องดิจิตอลมีส่วนแบ่งการตลาดขนาดเล็ก เพื่อให้แน่ใจว่า , Kodak ไม่ได้เป็นผู้เสนอญัตติล่าช้าในเทคโนโลยีดิจิตอล ในความเป็นจริง โกดักเป็นผู้เสนอญัตติแรก : มันคิดค้นกล้องดิจิตอลในปี 1975 แต่การรับรู้ยอดนิยมที่ Kodak เป็นผู้เสนอญัตติต่อไปในเทคโนโลยีดิจิตอลส่วนใหญ่ที่ถูกต้องมันเพิ่งเริ่มเท่านั้น กล้อง ดิจิตอล การตลาดในยุคก่อนสายเกินไป ในสรุป , Kodak ก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นคำสาปของ ตำแหน่งการแข่งขันของโรงแรม unimaginative ดูเหมือนเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ล้มเหลวและพึงพอใจได้คาดการณ์การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิตอลที่หมายกินตลาดเดิมของมัน สำหรับมื้อเที่ยง ในปี 1979 ,มีกูรูภายในเทคโนโลยีดิจิตอลเขียนรายงานเพื่อการจัดการว่า วันนี้อ่านเหมือนคำทำนาย รายงานคาดการณ์ว่าส่วนต่าง ๆของตลาดจะย้ายจากฟิล์มเป็นดิจิตอล เริ่มจากรัฐบาลสหรัฐดาวเทียมสอดแนมแล้ว ช่างภาพมืออาชีพ และสุดท้าย ตลาดมวล 2010 รายงานนี้ได้เพียงไม่กี่ปีโดยปิด ยังอนาถทั้งกล้องดิจิตอลการประดิษฐ์และการทำนายถูกละเว้นโดย Kodak ผู้จัดการที่สามารถจินตนาการโลกที่ไม่มีฟิล์ม
ในช่วงปี 1990 แทนการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิตอล Kodak เน้นคู่แข่งได้แค่ตอนนั้น ฟูจิฟิล์ม . ปฏิเสธที่จะ outsource การผลิตเพื่อลดต้นทุน , Kodak ให้ภาพยนตร์ด้วยตัวมันเอง ใน 2000 ,กล้องดิจิตอล Kodak belatedly สร้างธุรกิจ ซึ่งกินเวลาเพียงไม่กี่ปี ก่อนที่โทรศัพท์กล้องเริ่มผลักกันเดียวกล้องดิจิตอล วัตถุประสงค์ โกดักสิ้นสุดการสูญเสีย $ 60 ทุกกล้องดิจิตอลกับใหม่ที่ก้าวเข้ามาในบริษัทขาย 2548 , Kodak พยายามที่จะเป็นโรงไฟฟ้าของการพิมพ์ดิจิตอลแต่กับคลื่นสึนามิเทคโนโลยีแรกนำโดยกล้องดิจิตอลแล้ว โดยกล้องโทรศัพท์มือถือ Kodak รู้สึกไร้อำนาจที่จะจับขึ้น ในเดือนมกราคม 2012 กับแรงหด เพียง 18 , 000 , Kodak ได้โดยยื่นสำหรับล้มละลายและรายการ $ 6.9 พันล้านดอลลาร์ใน 2543 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555มันประกาศว่ามันจะหยุดเอง และจะอนุญาตให้กล้องดิจิตอลยี่ห้อของผู้ผลิตกล้องอื่น ๆ แต่มันจะเน้นการพิมพ์ภาพ ผ่านบริการออนไลน์ขายปลีกและส่ง รวมทั้งอุปกรณ์อิงค์เจ็ตเดสก์ทอป .
ส่วนผู้จัดการของโกดัก archrival ฟูจิฟิล์มได้เร็วในการคลี่คลายงานของรุ่นก่อนหน้าของพวกเขา ตั้งแต่ปี 2000 ,มันมีการใช้จ่าย $ 9 พันล้านเพื่อซื้อ 40 บริษัท เฉือนค่าใช้จ่ายและหลายพันของงาน และมีความหลากหลาย ฟูจิฟิล์ม ดูฟิล์มที่เป็นบิตเช่นผิว : ทั้งสองประกอบด้วยคอลลาเจน เหมือนภาพเลือนเพราะสนิม ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรักษาผิวด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ใช้คอลเลกชันของ 200000 สารเคมี . ฟูจิฟิล์ม tapped เป็น 4000 ของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับสารต้านอนุมูลอิสระจากผลการวิจัยดังกล่าว ฟูจิฟิล์มเปิดตัวสายของเครื่องสำอาง ชื่อ astalift ที่สำเร็จขายในเอเชียและยุโรป นอกจากนี้ ฟูจิฟิล์มทำให้ฟิล์มสำหรับจอแอลซีดีจอแบนแสงหน้าจอ ในเรื่องนี้ ฟูจิฟิล์มก็เด็ดและภาษาญี่ปุ่นเป็น บริษัท ญี่ปุ่น น้อยใหญ่ ทำเร็วมาก รื้อธุรกิจดั้งเดิมของพวกเขาและไปในการแสวงหาความสนุกสรุป นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า " น่าแปลกใจ Kodak ทำตัว stereotypical เปลี่ยนป้องกันญี่ปุ่นของบริษัท ขณะที่ฟูจิฟิล์ม ทำเป็นภาพยนตร์อเมริกันที่ยืดหยุ่นสำหรับ Kodak ล่าสุดขณะนี้ นักเศรษฐศาสตร์ได้เหมือนคน บริษัท สามารถในทางทฤษฎีอยู่เป็นนิตย์ แต่ส่วนใหญ่ตายหนุ่ม ฟูจิฟิล์มได้เรียนรู้กลยุทธ์ใหม่และรอดชีวิตภาพยนตร์ไปจาก 60% ของผลประกอบการในปี 2000 โดยทั่วไปไม่มีอะไร ยังพบแหล่งใหม่ของรายได้ โกดัก , พร้อมกับ หลาย บริษัท ที่ดีก่อนที่จะปรากฏขึ้นเพียงได้ใช้หลักสูตรของ หลังจาก 132 ปี มันถูกวางเป็นรูปเก่า
จางหายไป