Zero-Emission Leadership for the Al

Zero-Emission Leadership for the Alliance
Nissan’s commitment to sustainable mobility addresses concerns over climate
change and supports sustainable profits for Nissan while satisfying customers’
demands for more environmentally friendly vehicles. Greater use of renewable
energy such as solar, wind and hydropower in the future will continue to
improve EVs’ environmental contribution as electricity generation becomes
cleaner. Increased use of batteries as energy storage devices will also boost the
market for EV batteries after their initial use for transportation motive power.
In 2010, Nissan began sales of the world’s first mass-produced 100%
electric vehicle, Nissan LEAF. In May 2014 Nissan expanded its leadership in
zero-emission mobility into the LCV segment with the start of production of the
e-NV200, the company’s second all-electric vehicle, for the European market.
The company also plans to begin sales of this model in Japan in fiscal 2014.
Together with Renault, which already offers four EV models, Nissan will
maintain its dominant position in the EV market.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผู้นำศูนย์มลพิษสำหรับพันธมิตร
มั่นของนิสสันเพื่อความคล่องตัวยั่งยืนอยู่กังวลผ่านอากาศ
เปลี่ยนแปลง และสนับสนุนผลกำไรอย่างยั่งยืนสำหรับนิสสันในขณะที่ความพึงพอใจของลูกค้า
ความต้องการสำหรับยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ยิ่งใช้ของทดแทน
พลังงานแสงอาทิตย์ ลมและพลังงานน้ำในอนาคตจะต่อไป
ปรับปรุงจัดสรรสิ่งแวดล้อมและเป็นกลายเป็นไฟฟ้า
ทำความสะอาด เพิ่มการใช้งานของแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์เก็บพลังงานจะยังเพิ่มการ
ตลาด EV แบตเตอรี่หลังจากการใช้เริ่มต้นสำหรับการขนส่งพลังงานแรงจูงใจ
ใน 2010 นิสสันเริ่มขายของในโลกแรกมวลผลิต 100%
ไฟฟ้ารถ นิสสันลีฟ ใน 2014 พฤษภาคม นิสสันขยายความเป็นผู้นำใน
เคลื่อนที่ศูนย์ปล่อยก๊าซในเซ็กเมนต์ LCV กับเริ่มผลิต
e NV200 บริษัทฯ สองทั้งไฟฟ้ารถ สำหรับตลาดยุโรป
บริษัทยังวางแผนที่จะเริ่มขายรุ่นนี้ในญี่ปุ่นในปี 2557 เงิน
กันเรโนลต์ ซึ่งมีอยู่แล้วรุ่น 4 EV นิสสันจะ
รักษาตำแหน่งหลักในตลาด EV

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ความเป็นผู้นำสำหรับพันธมิตร
มุ่งมั่นของนิสสันที่จะเคลื่อนไหวอย่างยั่งยืนอยู่ที่ความกังวลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศที่
เปลี่ยนแปลงและการสนับสนุนผลกำไรที่ยั่งยืนสำหรับนิสสันในขณะที่ความพึงพอใจของลูกค้า
ความต้องการรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่วนใหญ่ที่ใช้ทดแทน
พลังงานเช่นพลังงานแสงอาทิตย์ลมและไฟฟ้าพลังน้ำในอนาคตจะยังคง
ปรับปรุงการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อม EVs 'เป็นกระแสไฟฟ้าจะกลายเป็น
ทำความสะอาด ใช้ที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์จัดเก็บพลังงานยังจะเพิ่ม
ตลาดสำหรับแบตเตอรี่ EV หลังการใช้งานครั้งแรกของพวกเขาสำหรับพลังขับเคลื่อนการขนส่ง
ในปี 2010, นิสสันเริ่มขายครั้งแรกมวลผลิต 100% ของโลกที่
รถยนต์ไฟฟ้านิสสันลี ในพฤษภาคม 2014 นิสสันขยายความเป็นผู้นำใน
การเคลื่อนไหวปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ในส่วน LCV กับการเริ่มต้นของการผลิตของ
ทาง e-NV200 สองทุกไฟฟ้ายานพาหนะของ บริษัท สำหรับตลาดยุโรป
นอกจากนี้ บริษัท ยังวางแผนที่จะเริ่มการขายของรุ่นนี้ ในประเทศญี่ปุ่นในปีงบการเงิน 2014
ร่วมกับเรโนลต์ซึ่งอยู่แล้วมีสี่รุ่น EV นิสสันจะ
รักษาตำแหน่งที่โดดเด่นในตลาด EV

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ศูนย์การปล่อยความเป็นผู้นำสำหรับพันธมิตร
ความมุ่งมั่นของนิสสันอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อยู่ความกังวลมากกว่า
และสนับสนุนยั่งยืนกำไรในขณะที่ความพึงพอใจของลูกค้านิสสัน
ความต้องการสำหรับยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น
พลังงาน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังน้ำในอนาคตจะยังคง
ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมรถไฟฟ้า ' บริจาคไฟฟ้ากลายเป็น
สะอาด การใช้งานที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์เก็บพลังงานจะเพิ่ม
ตลาดแบตเตอรี่ EV หลังจากใช้เริ่มต้นของอำนาจแรงจูงใจด้านการขนส่ง
ใน 2010 , นิสสันเริ่มขายแรกของโลกเป็น 100 %
รถยนต์ไฟฟ้านิสสันใบไม้ ในเดือนพฤษภาคม 2010 นิสสันขยายความเป็นผู้นำใน
ศูนย์การเคลื่อนย้ายเข้าไปในโตส่วนกับการเริ่มต้นของการผลิตของ บริษัท ที่สอง
e-nv200 , ยานพาหนะที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด สำหรับตลาดยุโรป
บริษัทยังวางแผนที่จะเริ่มต้นการขายรุ่นนี้ในญี่ปุ่นในปีงบประมาณ 2557
ร่วมกันกับเรโนลต์ ซึ่งได้เสนอ 4 EV รุ่น นิสสันจะ
รักษาตำแหน่งที่โดดเด่นในตลาด EV