ส่วนพฤกษศาสตร์นี้ อยู่บน ถ.ตรัง-ปะเหลียน ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว ห่างจากตัวจังหวัดตรังแค่ประมาณ 13 กิโลเมตร ที่นี่เคยเป็นบริเวณตั้งค่ายพักแรมของกองพลในปกครองของเจ้าพระยานครน้อย ซึ่งยกทัพปราบกบฏวันหมาดหลีในต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเมื่อกบฏรู้ว่าใครจะมาปราบก็เผ่นหนีเพราะเกรงในฝีมือตั้งแต่ยังไม่ได้รบกัน จนมาถึงปี พ.ศ. 2536 นายกชาวตรังคนแรก นายชวน หลีกภัย ได้ดำริให้ตั้งสวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้บนที่ดิน 2600 ไร่นี้
สวนป่าแห่งนี้ต้อนรับผู้มาเยือนด้วยต้นไม้ที่ดูใหญ่จนเกินจริง ทั้งกอเฟิร์นข้าหลวงยักษ์ และต้นระกำที่ใหญ่อย่างกับเราหลุดเข้าป่ายุคไดโนเสาร์ เมื่อเดินเข้าสู่ประตูของป่าแล้ว ก็จะพบกับทางเลือกซ้ายขวาซึ่งจะนำเราไปสู่จุดหมายเดียวกันคือทางขึ้นหอคอยเรือนยอด แต่เราแนะนำให้คุณเลี้ยวไปทางซ้าย ซึ่งจะได้เดินไกลกว่านิดหน่อย แต่จะได้เจอกับการผจญภัยที่ให้ความสนุกสนานได้มากกว่ากันแยะ สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ทำป้ายข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้ และระบบนิเวศน์แทบจะทุกสิบเมตรที่เราเดินผ่าน ซึ่งเป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นภาคใต้ที่หายาก และแบ่งเป็นสัดส่วนแยกตามประเภทของพันธุ์ไม้ โดยทางสวนพฤกษศาสตร์ได้จัดเส้นทางในการศึกษาธรรมชาติบริเวณโดยรอบ ที่สำคัญคือ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติเรือนยอดไม้” ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์ของสวนแห่งนี้ ซึ่งมีทางเดินชมเรือนยอดไม้ที่ยาวและสูงที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย มีหอสูง 3 ระดับ คือ 10, 15 และ 18 ตลอดทางเดิน 175 เมตร ก่อนจะขึ้นไปก็ควรจะได้รู้ก่อนว่า ทางเดินบนยอดไม้เหล่านี้รับน้ำหนักได้ไม่เกิน 800 กิโลกรัม ดังนั้นจึงควรเดินบนสะพานครั้งละไม่เกิน 5 คน
แต่ละช่วงจะได้สัมผัสธรรมชาติที่แตกต่างกันไป เราจะได้เห็นเรือนยอดของต้นไม้และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ จำพวก นก กระรอก พวกลิงพวกค่าง หรือแม้แต่ดอก ผล ของต้นไม้ก็มีให้ดูอย่ารอรีอีกเลยเชิญก้าวเท้าขึ้นสู่เส้นทางการสัมผัสธรรมชาติเรือนยอดไม้กันดีกว่า ระดับแรกความสูงอยู่ประมาณ 10 เมตร อาจจะเห็นเรือนยอดของไม้ต้นที่ไม่สูงมากนัก เดินต่อไปถึงช่วงระดับที่สองที่สูงขึ้นอีกหน่อย ช่วงนี้อาจจะเห็นนกบินไปบินมา หรือเห็นตัวกระรอก กระโดดจากกิ่งไม้ต้นโน้นมาต้นนี้ เราก้าวเท้าไปเรื่อยๆ ถึงระดับที่สามที่มีความสูงที่สุด ถึงช่วงนี้ทุกคนจะร้อง ว้าว! พร้อมกับสูดอากาศเข้าเต็มปอด และมองไปรอบๆ จะเห็นผืนป่าที่มีความสมบูรณ์กลางเมืองตรังก็ว่าได้ และที่ไม่ควรพลาด! ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกคู่กับยอดไม้และสะพาน แล้วก็ได้เวลาเดินไปตามช่วงสะพานที่เชื่อมต่อกับหอคอยที่ลดระดับลงเรื่อยๆ ช่วงสะพานที่ 4 ช่วงสะพานที่ 5 และเดินลงสู่พื้นดิน เดินหน้าต่อสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าพรุ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ ตลอดเส้นทางจะได้สัมผัสกับพืชพรรณไม้พื้นล่างจำพวกหวาย เถาวัลย์ อาทิ ระกำ หลุมพี ยี่โถปีนัง หม้อข้าวหม้อแกงลิง เผลอแป๊บเดียวการเดินทางก็สิ้นสุดทาง