๒.๒ สาเหตุที่ทำให้เกิด การปฏิรูปทางการศาลไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มี ๔ ประการสำคัญคือ
๒.๒.๑ ความไม่เหมาะสมของระบบการศาลเดิม ซึ่งทำให้คดีความสับสนล่าช้า และทำให้อำนาจบริหารเข้ามาก้าวก่ายอำนาจตุลาการ ตาม “พระธรรมนูญ” ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจัดให้ศาลตระลาการชำระความไปสังกัดกระทรวงกรมต่าง ๆ นั้นมีเหตุผลที่เหมาะสมสำหรับยุคสมัยหนึ่ง อาจเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตระลาการได้รับการกวดขันจากเสนาบดีหรืออธิบดีโดยตรงย่อมจะทำงานเข้มแข็งขึ้นบิดพลิ้วไม่ได้ และอำนาจในการเกาะกุมคู่ความก็จะได้แข็งแรงเป็นที่เกรงกลัวของราษฎรมากขึ้น ทำให้คู่ความไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ครั้นอยู่ ๆ ไปความเข้มงวดของเสนาบดีหรืออธิบดีเจ้าสังกัดศาลก็ลดหย่อนลงตามเวลา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตระลาการในศาลและลูกขุนชำระความและพิพากษากันไปเอง ความรวดเร็วในการชำระความของตระลาการก็ลดลง และยิ่งอรรถคดีมีมากขึ้น ลูกขุนซึ่งต้องชี้ตัวบทกฎหมายในคดีทุกประเภทก็ทำงานไม่ทัน อรรถคดีต่าง ๆ ก็คั่งค้างมากขึ้น ทั้งนี้เพราะการพิจารณาและพิพากษาคดีของระบบศาลเดิมเป็นระบบที่ต้องทำงานร่วมกันหลายองค์กรซึ่งอยู่ต่างหากจากกัน เช่น กรมรับฟ้อง ลูกขุน ตระลาการ ผู้ปรับ เป็นต้น การพิจารณาคดีในศาลต่าง ๆ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเสนาบดีหรืออธิบดีโดยตรง ศาลในหัวเมืองก็เช่นกันเจ้าเมืองเป็นผู้บริหาร มีอำนาจบังคับบัญชาตระลาการโดยตรงและยังมีอำนาจพิจารณาคดีอุทธรณ์ในหัวเมืองด้วย ทำให้ตระลาการศาลซึ่งแยกย้ายตามกระทรวงกรมต่าง ๆ ไม่มีอิสระในการพิจารณาพิพากษา ส่วนมากตระลาการที่จำเลยเป็นคนในสังกัด