Consider crushes of two kinds – ide

Consider crushes of two kinds – identity crushes and romantic crushes. In both cases, the teenager feels smitten by a compelling person who captivates their attention for good and ill. (A third kind is the celebrity crush that shapes ideals and stirs fantasies, but there is usually no interpersonal contact to play them out. However, this is definitely where the market for celebrity posters comes in -- to decorate teenage bedroom walls.)

In all three cases, the young person largely projects onto another person idealized attributes the admirer highly values and wants to be associated with. Then she or he attaches strong positive feelings to the perfectly wonderful image that has been created. Crushes have more to do with fantasy than with reality, and they tell much more about the admirer than the admired. It’s because they usually prove unrealistic that in a relatively short time they soon wear off. But it is because of the idealization that crushes have such momentary power. This is why parents need to respect an adolescent crush and not dismiss or put it down. After all, it is an early approximation of love. While it lasts it is seriously held, so it should be seriously treated.

Identity crushes are formed by finding someone they much admire, want to become like, and treat as a leader or model they are eager to imitate and follow. Romantic crushes are formed by finding someone whom they find powerfully attractive, who they feel excited to be around, and with whom they want to spend a lot of time. In both cases, the person with the crush gives enormous power of approval to the object of their crush – wanting to be liked by them and wanting to be like them, willing to do a lot to get in the other person’s good graces. They go out of their way to be around each attachment.


There is a great outbreak of romantic crushes and gossip about them (“Guess who likes who?”) in middle school. By this time, early adolescence and the separation from childhood has caused young people to want to act more grown up, and sexual maturity from puberty has motivated them to act in more young manly and young womanly ways. Since girls tend to enter puberty before boys, they are more likely to experience the wave of crushes first, more drawn to boys than boys are to them, taking romantic feelings seriously that boys treat lightly or even laughably. However the time for same-age boys to become romantically smitten is not far off, and when it arrives a crush proves to be no laughing matter when they become smitten too.

Because a romantic crush is a potent mix of idealization and infatuation, it doesn’t require knowing another person well at all. In some cases a superficial impression can be provocation enough. “I like how she’s so quiet and watchful and keeps to herself.” “I like how what others think doesn’t matter to him.” As mentioned, although the crush appears to be about attraction to another person, it is actually about projection of valued attributes onto another person – a statement about what they find attractive. In this, crushes are very revealing. “My son is always getting crushes on young women who seem the opposite of him, as fun loving as he is serious.” Crushes are not only the stuff that dreams are made of; they signify a lot about the dreamer.

Of course, romantic crushes can have a risky side. You don’t want a teenage crush to become a fixation, a young person unable to stop daydreaming and fantasizing all the time about this person, for example. You don’t want the young person to act out under the influence of a crush in self-endangering ways, soliciting or expressing inappropriate interest, for example. And you don’t want the crush to be exploited by the object of the crush, an older adolescent taking advantage of a romantically besotted younger adolescent, for example.

Because a romantic crush is so intensely felt, parents must not take it lightly or make fun of it. An awakening of romantic feelings, it provokes a lot of anxiety because there are many problematic questions for the young person to answer. “What am I supposed to do with these feelings?” Should they just be kept secret, thus increasing the risk of obsessive preoccupation? “What if I tell close friends?” Suppose I get talked about and teased, thus increasing the risk of embarrassment. “What if I have to be around the other person who doesn’t know how I feel?” Now feeling nervous, there is more risk of doing or saying something awkward. “What do I tell this person about my crush?” To declare the crush to the person creates the risk of rejection. It’s not easy managing a crush.

One way to manage it is telling the object of the crush. The language used, however, is important. The temptation, because the romanticized feelings are so intense, is to express the feelings with the “love” word. Better not. It’s best to talk about these feelings in “liking” terms because that reduces the pressure on everyone. “I like talking with you.” “I like hanging

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พิจารณาบดชนิดสอง – ตัวตนบดและบดโรแมนติก ในทั้งสองกรณี วัยรุ่นรู้สึกตกหลุมรักคนที่น่าสนใจที่ captivates ความสนใจที่ดี และไม่ดี (ชนิดสามคือ ปิ๊ดาราที่รูปร่างอุดมคติ และขยับจินตนาการ แต่มักจะมีการติดต่อระหว่างบุคคลในการเล่นออก อย่างไรก็ตาม นี่คือแน่นอนที่ตลาดสำหรับโปสเตอร์ดารามา - การตกแต่งผนังห้องนอนวัยรุ่น)ในกรณีที่สามทั้งหมด คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่โครงการไปยังแอตทริบิวต์ตั้งคนอื่นแฟนที่สูงค่า และต้องการที่จะเชื่อมโยงกับ จากนั้น เขาหรือเธอแนบความรู้สึกในเชิงบวกต่อภาพอย่างสมบูรณ์แบบยอดเยี่ยมที่สร้าง มีบดเพิ่มเติมกับจินตนาการกว่ากับความเป็นจริง และพวกเขาบอกมากขึ้นเกี่ยวกับคนที่ชอบมากกว่าที่ผู้ชื่นชอบ มันเป็น เพราะพวกเขามักจะพิสูจน์ว่าไม่เป็นความจริงในเวลาอันสั้นพวกเขาเร็ว ๆ นี้สวมที่ปิด แต่เนื่องจาก idealization การบดมีอำนาจชั่วขณะ นี่คือเหตุผลที่พ่อแม่ต้องเคารพการบดที่วัยรุ่นไม่เลิก หรือวางมันลง หลังจากที่ทุก เป็นประมาณช่วงต้นของความรัก ในขณะที่มันเป็นเวลา นี้อย่างจริงจังจัดขึ้น ดังนั้นจึงควรได้รับอย่างจริงจังบดตัวตนเกิดขึ้น โดยหาคนที่พวกเขาชื่นชมมาก ต้องการเป็นเหมือน และเป็นผู้นำหรือแบบที่พวกเขาจะอยากเลียนแบบ และทำตาม บดสุดโรแมนติกเกิดขึ้น โดยหาคนที่พวกเขาค้นหาสมรรถนะที่น่าสนใจ ที่พวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้รอบ และผู้ที่ ต้องการใช้เวลามาก ในทั้งสองกรณี ผู้ที่ มีความสนใจให้พลังมหาศาลของอนุมัติวัตถุของตนบด – อยากจะชอบพวกเขา และอยากเป็นเหมือนพวกเขา เต็มใจที่จะทำมากใน graces ที่ดีของผู้อื่น พวกเขาเดินทางเป็นรอบแต่ละเอกสารแนบจากมีระบาดมากโรแมนติกบดและซุบซิบเกี่ยวกับพวกเขา ("เดาใครชอบใคร") ในโรงเรียน โดยเวลานี้ แยกจากวัยเด็กและวัยรุ่นตอนต้นเกิดจากคนหนุ่มสาวต้องการที่จะทำหน้าที่เพิ่มการเจริญเติบโต และพันธุ์จากวัยรุ่นเป็นแรงบันดาลใจให้ดำเนินการในวิธีอื่น ๆ หนุ่มแมนลี่ และหนุ่ม womanly ตั้งแต่สาวจะวัยรุ่นก่อนเด็กชาย พวกเขาจะเพิ่มโอกาสประสบคลื่นของบดแรก มากวาดชายกว่าเด็กชายที่พวกเขา สละความรู้สึกโรแมนติกอย่างจริงจังที่ชายรักษาเบา ๆ หรือแม้แต่ laughably อย่างไรก็ตาม เวลาสำหรับเด็กผู้ชายอายุจะกลายเป็นตกหลุมรักโรแมนติกไม่ไกล และเมื่อไปถึง โกรธพิสูจน์ให้ ไม่สังกัจจายน์เป็นตีอย่างแรงเกินไปเนื่องจากสนใจโรแมนติก ผสมผสานศักยภาพของ idealization และความหลงใหล จึงไม่ต้องรู้จักคนอื่นดีที่ทั้งหมด ในบางกรณี ความรู้สึกผิวเผินสามารถยั่วยุพอ "ผมชอบวิธีการที่เธอให้เงียบ และเฝ้าระวัง และให้ตัวเอง" "ผมชอบวิธีสิ่งที่คนอื่นคิดว่า ไม่สำคัญกับเขา" ดังกล่าว แต่บดปรากฏเกี่ยวกับสถานที่ให้บุคคลอื่น มันเป็นเรื่องของแอตทริบิวต์ไปยังบุคคลอื่น – คำชี้แจงเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาหาสนใจจริง ในนี้ บดจะเปิดเผยมาก "ลูกชายเสมอคือการบดในหญิงสาวที่ดูเหมือนตรงข้ามของเขา เป็นสนุกสนานรักเขาเป็นร้ายแรง" บดไม่ใช่สิ่งที่ฝันมี พวกเขามีความหมายมากเกี่ยวกับฝันแน่นอน โรแมนติกบดสามารถมีด้านมีความเสี่ยง คุณไม่ต้องการความสนใจวัยรุ่นจะกลายเป็น เพ่ง เป็นคนหนุ่มที่ไม่สามารถหยุด daydreaming และเพ้อตลอดเวลาเกี่ยวกับบุคคล ตัวอย่างเช่น คุณไม่ต้องการทำความโกรธในรูปแบบที่ตัวเองกุม บุคคลหนุ่มเรี่ยไร หรือดอกเบี้ยไม่เหมาะสม การแสดงตัวอย่างเช่น และคุณไม่ต้องสนใจที่จะติดของบด ประโยชน์การวัยรุ่นเก่าของวัยรุ่นอายุ besotted โรแมนติก ตัวอย่างเช่นเพราะบดโรแมนติกจึงเข้มข้น รู้สึก พ่อแม่ต้องไม่ใช้เบา ๆ หรือทำความสนุกของมัน การกระตุ้นความรู้สึกโรแมนติก มันกระตุ้นให้เกิดความวิตกกังวลมากเนื่องจากมีหลายคำถามที่เป็นปัญหาสำหรับคนหนุ่มสาวเพื่อตอบ "ฉันอะไรกับความรู้สึกเหล่านี้หรือไม่" ควรพวกเขาเพียงแค่เก็บความลับ เพิ่มความเสี่ยงของความลุ่มหลงครอบงำ "ถ้าบอกเพื่อน" สมมติว่า ผมได้คุย และล้อ เพิ่มความเสี่ยงของความลำบาก "ถ้าผมได้เป็นรอบคนอื่น ๆ ที่ไม่รู้ใจ" ตอนนี้ รู้สึกประสาท มีความเสี่ยงต่อการทำ หรือพูดอะไรมาก "อะไรบอกคนนี้เกี่ยวกับความสนใจของฉัน" ประกาศการบดผู้สร้างความเสี่ยงของการปฏิเสธ มันไม่ง่ายโกรธการจัดการวิธีหนึ่งในการจัดการจะบอกวัตถุประสงค์ของการบด ภาษาที่ใช้ อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญ สิ่งล่อใจ เพราะความรู้สึกโรแมนติกเข้มข้น เป็นการ แสดงความรู้สึก ด้วยคำว่า "รัก" ไม่ เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกเหล่านี้ในเงื่อนไข "ถูกใจ" เพราะที่ช่วยลดความดันในทุกคน "ฉันชอบพูดคุยกับคุณ" "ผมชอบแขวน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พิจารณาทับสองชนิด - ทับตัวตนและทับโรแมนติก ในทั้งสองกรณีวัยรุ่นรู้สึกพ่ายแพ้โดยบุคคลที่น่าสนใจที่หลงใหลความสนใจของพวกเขาสำหรับการที่ดีและไม่ดี (หนึ่งในสามชนิดคือปิ๊ชื่อเสียงที่รูปร่างอุดมคติและความเร้าจินตนาการ แต่มักจะมีไม่มีการติดต่อระหว่างบุคคลที่จะเล่นให้พวกเขาออก แต่นี้แน่นอนที่ตลาดสำหรับโปสเตอร์ที่มีชื่อเสียงมาใน -.. การตกแต่งผนังห้องนอนวัยรุ่น) ใน ทั้งสามกรณีคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่โครงการไปยังบุคคลอื่นเงียบสงบแอตทริบิวต์ช่วยเหลือค่าสูงและต้องการที่จะเชื่อมโยงกับ จากนั้นเธอหรือเขายึดติดกับความรู้สึกในเชิงบวกที่แข็งแกร่งให้กับภาพที่ยอดเยี่ยมอย่างสมบูรณ์แบบที่ได้รับการสร้างขึ้น ทับมีมากขึ้นจะทำอย่างไรกับจินตนาการกว่ากับความเป็นจริงและพวกเขาบอกมากขึ้นเกี่ยวกับความช่วยเหลือกว่าชื่นชม มันเป็นเพราะพวกเขามักจะไม่สมจริงพิสูจน์ว่าในเวลาอันสั้นไม่ช้าพวกเขาสวมปิด แต่มันเป็นเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูงที่ทับมีอำนาจชั่วขณะเช่น นี่คือเหตุผลที่พ่อแม่ต้องเคารพปิ๊วัยรุ่นและไม่ยกเลิกหรือวางมันลง หลังจากที่ทั้งหมดจะเป็นประมาณต้นของความรัก ขณะที่มันกินเวลาจะจัดขึ้นอย่างจริงจังดังนั้นจึงควรได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจัง. ทับประจำตัวจะเกิดขึ้นโดยการหาคนที่พวกเขามากชื่นชมต้องการที่จะเป็นเหมือนและรักษาฐานะผู้นำหรือรุ่นที่พวกเขามีความกระตือรือร้นที่จะเลียนแบบและทำตาม ทับโรแมนติกที่เกิดขึ้นโดยการหาคนที่พวกเขาพบที่น่าสนใจที่มีประสิทธิภาพที่พวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปรอบ ๆ และกับคนที่พวกเขาต้องการที่จะใช้จ่ายเป็นจำนวนมากเวลา ในทั้งสองกรณีคนที่มีความสนใจจะช่วยให้พลังงานมหาศาลของการอนุมัติให้วัตถุของความสนใจของพวกเขา - อยากจะชอบโดยพวกเขาและต้องการที่จะเป็นเหมือนพวกเขาเต็มใจที่จะทำมากจะได้รับในพระหรรษทานที่ดีของบุคคลอื่น พวกเขาออกไปจากทางของพวกเขาที่จะเป็นรอบแต่ละสิ่งที่แนบมา. มีการระบาดของโรคที่ดีของการทับโรแมนติกและการนินทาเกี่ยวกับพวกเขา ( "เดาที่ชอบใคร?") ในโรงเรียนมัธยมเป็น โดยขณะนี้วัยรุ่นตอนต้นและการแยกจากวัยเด็กได้ก่อให้เกิดคนหนุ่มสาวที่ต้องการที่จะทำหน้าที่เติบโตขึ้นและวุฒิภาวะทางเพศจากวัยแรกรุ่นที่มีแรงจูงใจให้พวกเขาทำในสิ่งที่ลูกผู้ชายหนุ่มสาวมากขึ้นและวิธีการที่นิ่มนวลหนุ่ม ตั้งแต่สาว ๆ มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่วัยแรกรุ่นก่อนเด็กที่พวกเขามีแนวโน้มที่จะได้สัมผัสกับคลื่นของพระองค์เป็นครั้งแรกที่วาดขึ้นกับพวกเด็ก ๆ กว่าเด็กผู้ชายมีให้กับพวกเขาเอาความรู้สึกโรแมนติกอย่างจริงจังว่าชายรักษาเบา ๆ หรือแม้กระทั่งหาญ อย่างไรก็ตามเวลาสำหรับเด็กเดียวกันอายุที่จะกลายเป็นคนอ่อนไหวโรแมนติกที่ไม่ห่างไกลและเมื่อมันมาถึงความสนใจพิสูจน์ให้เห็นว่าจะไม่มีเรื่องหัวเราะเมื่อพวกเขากลายเป็นคนอ่อนไหวเกินไป. เพราะความสนใจที่โรแมนติกเป็นส่วนผสมที่มีศักยภาพของมักใหญ่ใฝ่สูงและหลงใหลมัน doesn 'T จำเป็นต้องรู้ว่าคนอื่นได้ดีที่ทั้งหมด ในบางกรณีความประทับใจผิวเผินอาจเป็นสิ่งเร้าที่เพียงพอ "ผมชอบวิธีที่เธอจึงเงียบสงบและเป็นที่จับตามองและช่วยให้กับตัวเอง." "ผมชอบวิธีการสิ่งที่คนอื่นคิดว่าไม่สำคัญกับเขา." เป็นที่กล่าวถึงแม้จะปิ๊งดูเหมือนจะเกี่ยวกับการดึงดูดความสนใจของคนอื่นมันเป็นจริงเกี่ยวกับการฉาย ของมูลค่าแอตทริบิวต์ไปยังบุคคลอื่น - คำสั่งเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาพบที่น่าสนใจ ในการนี้มีความทับเปิดเผยมาก "ลูกชายของฉันมักจะได้รับการทับบนหญิงสาวที่ดูเหมือนตรงข้ามของเขาที่เป็นรักสนุกในขณะที่เขาเป็นร้ายแรง." ทับไม่เพียง แต่สิ่งที่ฝันจะทำ; พวกเขามีความหมายมากเกี่ยวกับฝันได้. แน่นอนทับโรแมนติกสามารถมีด้านที่มีความเสี่ยง คุณไม่ต้องการความสนใจของวัยรุ่นที่จะกลายเป็นตรึงคนหนุ่มสาวไม่สามารถที่จะหยุดฝันและจินตนาการตลอดเวลาเกี่ยวกับบุคคลนี้ยกตัวอย่างเช่น คุณไม่ต้องการให้คนหนุ่มสาวที่จะทำหน้าที่ออกภายใต้อิทธิพลของความสนใจในตัวเองเป็นอันตรายต่อวิธีการชักชวนหรือแสดงความสนใจที่ไม่เหมาะสมเช่น และคุณไม่ต้องการให้ความสนใจที่จะใช้ประโยชน์โดยวัตถุของรักของวัยรุ่นที่มีอายุมากกว่าการใช้ประโยชน์จากหลงใหลโรแมนติกวัยรุ่นที่อายุน้อยกว่าเช่น. เพราะความสนใจที่โรแมนติกเพื่อให้รู้สึกอย่างแรงกล้าที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องไม่ใช้มันเบาหรือทำให้ ความสนุกสนานของมัน การกระตุ้นความรู้สึกโรแมนติกก็กระตุ้นให้เกิดจำนวนมากของความวิตกกังวลเพราะมีคำถามที่มีปัญหาจำนวนมากสำหรับคนหนุ่มสาวที่จะตอบ "สิ่งที่ฉันควรจะทำอย่างไรกับความรู้สึกเหล่านี้หรือไม่" ควรที่พวกเขาเพิ่งจะเก็บเป็นความลับซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของความลุ่มหลงครอบงำหรือไม่ "ถ้าผมบอกเพื่อนสนิท?" สมมติว่าฉันได้รับการพูดคุยเกี่ยวกับล้อและจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของความลำบากใจ "ถ้าฉันมีที่จะเป็นรอบคนอื่น ๆ ที่ไม่ทราบว่าฉันรู้สึกอย่างไร?" ตอนนี้รู้สึกกังวลมีความเสี่ยงมากขึ้นในการทำหรือพูดอะไรบางอย่างที่น่าอึดอัดใจ "สิ่งที่ฉันจะบอกคนนี้เกี่ยวกับความสนใจของฉัน" ปิ๊ต้องการประกาศให้ผู้ที่สร้างความเสี่ยงของการปฏิเสธ มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการจัดการความสนใจ. วิธีการหนึ่งที่จะจัดการกับมันจะบอกวัตถุของความสนใจที่ ภาษาที่ใช้ แต่เป็นสิ่งที่สำคัญ สิ่งล่อใจเพราะความรู้สึกโรแมนติกมีความรุนแรงเช่นนั้นคือการแสดงความรู้สึกที่มี "ความรัก" คำ ดีกว่าไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่จะพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกเหล่านี้ใน "ชื่นชอบ" ข้อกำหนดเพราะเห็นว่าจะช่วยลดความกดดันให้กับทุกคน "ผมชอบการพูดคุยกับคุณ." "ผมชอบที่แขวนอยู่