Messenger of the GodsThe next stop

Messenger of the Gods
The next stop on our tour is a small, barren world called Mercury. It is the closest planet to the Sun and the smallest planet in the Solar System. Mercury was named after the ancient Roman messenger of the gods because it moved across the sky much faster than the other planets. In fact, Mercury completes one orbit around the Sun in only 88 days! The planet has a very slow rotational period. It takes 58 days for Mercury to make a complete rotation on its axis. Because of its close proximity to the Sun, it can only be observed in the sky in the east just before sunrise or in the west just after sunset. It never appears more than 27 degrees away from the Sun
A Hot and Cold Barren World
Mercury has almost no atmosphere. Scientists believe that a thicker atmosphere may have existed at one time, but was stripped away by the strong solar winds. The atmosphere on Earth helps to maintain a relatively uniform temperature around the planet. By contrast, the temperature on Mercury ranges from 800° F (427° C) during the day, to -279° F (-173° C) at night. It is indeed a very inhospitable world.
Features of Mercury
Mercury was first visited by NASA's Mariner 10 space probe in 1974. In a series of three flybys, the probe managed to map most of the planet's surface. When the photos were received on Earth, the features might easily have been mistaken for the Moon. Mercury's surface, however, is almost completely covered with craters. The moon has more open areas known as maria, which are mostly crater-free. Mercury has only one major open area known as the Caloris Basin. These open areas are thought to have been formed by more recent volcanic flows, which may have covered the older craters. The surface is also marked by steep cliffs, also known as rupes, which rise as much as 6300 feet (1920 m) above the valley floors.
In 2008, a second spacecraft passed close to Mercury. This spacecraft was named MESSENGER, which stands for MErcury Surface, Space ENvironment, GEochemistry and Ranging. MESSENGER brought high resolution cameras to the planet and revealed many new features and new terrain not previously seen on the Mariner mission. MESSENGER is scheduled to enter orbit around Mercury in March 2011, where it will spend a full year mapping the planet's surface. New images from MESSENGER show that Mercury's surface is more homogeneous, ancient, and more heavily cratered, unlike the surfaces of the Moon and Mars.
An artist's impression of rupes (cliffs) on that extend for hundreds of miles on Mercury. These giant cliffs are
believed to have formed when Mercury¹s interior cooled and the entire planet shrank slightly as a result.
(Michael Carroll/Alien Volcanoes by Lopes and Carroll, The Johns Hopkins University Press, 2008)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ของพระเจ้าหยุดถัดไปทัวร์ของเราเป็นโลกขนาดเล็ก แห้งแล้งเรียกว่าดาวพุธ ดาวเคราะห์ใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดในระบบสุริยะได้ ดาวพุธมีชื่อหลังศาสนโรมันโบราณของพระเจ้าเนื่องจากจะย้ายข้ามฟากฟ้าเร็วกว่าดาวเคราะห์อื่น ๆ ในความเป็นจริง ปรอทสำเร็จวงโคจรหนึ่งรอบในเพียง 88 วัน ดาวเคราะห์มีระยะในการหมุนที่ช้ามาก ใช้เวลา 58 วันพุธจะทำให้หมุนที่สมบูรณ์บนแกนของ เนื่องจากความใกล้ชิดกับดวงอาทิตย์ มันเท่านั้นจะสังเกตได้จากท้องฟ้าในทิศตะวันออก ก่อนอาทิตย์ขึ้น หรือตะวันตกหลังพระอาทิตย์ตก ไม่เคยปรากฏกว่า 27 องศาจากดวงอาทิตย์โลกแห้งแล้งร้อน และเย็นดาวพุธเกือบบรรยากาศไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า บรรยากาศหนาอาจมีอยู่ครั้งเดียว แต่ถูกปล้นไป โดยแรงลมแสงอาทิตย์ บรรยากาศบนโลกช่วยรักษาอุณหภูมิค่อนข้างสม่ำเสมอทั่วโลก โดยคมชัด อุณหภูมิบนดาวพุธตั้งแต่ 800° F (427° C) ในระหว่างวัน ไป-279 ° F (-173 ° C) ในเวลากลางคืน แน่นอนมันเป็นโลกที่ต้องมากคุณลักษณะของดาวพุธก่อนดาวพุธถูกเยี่ยม โดยโพรบอวกาศมาริเนอร์ 10 ของ NASA ใน 1974 ในชุดของ flybys 3 โพรบการจัดการแผนที่ส่วนใหญ่ของพื้นผิวของดาวเคราะห์ เมื่อภาพได้รับบนโลก คุณลักษณะอาจเดินได้แล้วดาวตามปกติสำหรับดวงจันทร์ พื้นผิวของดาวพุธ ไร เกือบทั้งหมดปกคลุม ด้วยลัง ดวงจันทร์มีพื้นที่เปิดมากขึ้นเรียกว่ามาเรีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปล่องภูเขาไฟฟรี ดาวพุธได้เพียงหนึ่งหลักเปิดพื้นที่เป็นอ่าง Caloris พื้นที่เปิดเหล่านี้มีความคิดก่อตั้งขึ้น โดยล่าสุดภูเขาไฟไหล ซึ่งอาจมีการครอบคลุมลังเก่า นอกจากนี้พื้นผิวเครื่องตามหน้าผาสูงชัน หรือที่เรียกว่า rupes ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 6300 ฟุต (1920 เมตร) เหนือพื้นหุบเขาใน 2008 ยานอวกาศสองผ่านใกล้ดาวพุธ ยานอวกาศนี้มีชื่อว่า MESSENGER ซึ่งหมายถึงพื้น ผิวดาวพุธ สภาพแวด ล้อมพื้นที่ GEochemistry และ Ranging ร่อซู้ลนำกล้องความละเอียดสูงเพื่อโลก และเปิดเผยหลายคุณลักษณะใหม่และภูมิประเทศใหม่ที่ไม่เคย เห็นในภารกิจมาริเนอร์ ร่อซู้ลกำหนดการป้อนโคจรใกล้ดาวพุธในเดือนมีนาคม 2554 พ.ศ. ซึ่งมันจะใช้ทั้งปีแมปพื้นผิวของดาวเคราะห์ ภาพใหม่จาก MESSENGER แสดงว่าพื้นผิวของดาวพุธเหมือนมาก โบราณ และมากกว่า cratered ซึ่งแตกต่างจากพื้นผิวของดวงจันทร์และดาวอังคารความประทับใจของศิลปินของ rupes (หน้าผา) บนที่ขยายหลายร้อยไมล์บนดาวพุธ หน้าผายักษ์เหล่านี้เชื่อกันว่าได้เกิดภายใน Mercury¹s ระบายความร้อนด้วย และดาวเคราะห์ทั้ง shrank เล็กน้อยดังนั้น(ภูเขา Michael คาร์/คนต่างด้าว โดย Lopes และคาร์ ข่าวมหาวิทยาลัยจอห์นฮ็อปกินส์ 2008)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผู้ส่งสารของพระเจ้า
หยุดต่อไปในทัวร์ของเรามีขนาดเล็กที่เรียกว่าโลกเป็นหมันปรอท มันเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในระบบสุริยะ เมอร์ได้รับการตั้งชื่อตามผู้ส่งสารโรมันโบราณของพระเจ้าเพราะมันย้ายข้ามฟากฟ้าเร็วกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในความเป็นจริงปรอทเสร็จสมบูรณ์หนึ่งโคจรรอบดวงอาทิตย์ในเวลาเพียง 88 วัน! ดาวเคราะห์ที่มีระยะเวลาการหมุนช้ามาก มันต้องใช้เวลา 58 วันพุธที่จะทำให้การหมุนสมบูรณ์ในแกนของมัน เพราะใกล้ชิดกับดวงอาทิตย์ก็สามารถจะสังเกตเห็นในท้องฟ้าทางทิศตะวันออกก่อนพระอาทิตย์ขึ้นหรือในทางทิศตะวันตกเพียงหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน มันไม่เคยปรากฏขึ้นมานานกว่า 27 องศาห่างจากดวงอาทิตย์
ร้อนและเย็นแห้งแล้งโลก
เมอร์มีเกือบไม่มีบรรยากาศ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าบรรยากาศที่หนาอาจมีอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ถูกปล้นไปโดยลมพลังงานแสงอาทิตย์ที่แข็งแกร่ง บรรยากาศบนโลกช่วยในการรักษาอุณหภูมิที่ค่อนข้างสม่ำเสมอทั่วโลก ตรงกันข้ามอุณหภูมิบนดาวพุธตั้งแต่ 800 ° F (427 ° C) ในระหว่างวันเพื่อ -279 ° F (-173 ° C) ในเวลากลางคืน มันย่อมเป็นโลกที่ไม่เอื้ออำนวยมาก.
คุณสมบัติของเมอร์
เมอร์ได้รับการเยี่ยมชมครั้งแรกโดยนาวินของนาซาสอบสวน 10 พื้นที่ในปี 1974 ในชุดของสาม flybys, สอบสวนการจัดการเพื่อ map ที่สุดของพื้นผิวของดาวเคราะห์ เมื่อภาพที่ได้รับบนโลกคุณสมบัติได้อย่างง่ายดายอาจจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นดวงจันทร์ พื้นผิวของดาวพุธ แต่ถูกปกคลุมเกือบสมบูรณ์ด้วยหลุมอุกกาบาต ดวงจันทร์มีพื้นที่เปิดกว้างมากขึ้นเป็นที่รู้จักกันมาเรียซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปล่องภูเขาไฟฟรี เมอร์มีเพียงหนึ่งพื้นที่เปิดที่สำคัญที่รู้จักกันเป็น Caloris ลุ่มน้ำ เหล่านี้เปิดพื้นที่มีความคิดที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นโดยกระแสภูเขาไฟเมื่อเร็ว ๆ นี้ซึ่งอาจจะครอบคลุมหลุมอุกกาบาตเก่า พื้นผิวที่มีการทำเครื่องหมายโดยหน้าผาสูงชันยังเป็นที่รู้จัก Rupes ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดเท่าที่ 6300 ฟุต (1,920 เมตร) เหนือพื้นหุบเขา.
ในปี 2008 ยานอวกาศที่สองผ่านใกล้กับดาวพุธ ยานอวกาศนี้ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อ MESSENGER ซึ่งย่อมาจากพื้นผิวดาวพุธอวกาศสภาพแวดล้อม, ธรณีเคมีและการกำหนดขอบเขต MESSENGER นำกล้องความละเอียดสูงเพื่อโลกและเปิดเผยคุณสมบัติใหม่ ๆ และภูมิประเทศใหม่ไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ในภารกิจนาวิน MESSENGER มีกำหนดที่จะเข้าสู่วงโคจรรอบดาวพุธมีนาคม 2011 ซึ่งจะใช้เวลาหนึ่งปีเต็มการทำแผนที่พื้นผิวของดาวเคราะห์ ภาพใหม่จาก MESSENGER แสดงให้เห็นว่าพื้นผิวของดาวพุธเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้นในสมัยโบราณและพรุนมากขึ้นซึ่งแตกต่างจากพื้นผิวของดวงจันทร์และดาวอังคาร.
ความประทับใจของศิลปินของ Rupes (หน้าผา) จากที่ขยายหลายร้อยไมล์บนดาวพุธ เหล่านี้หน้าผายักษ์
เชื่อว่าจะเกิดขึ้นเมื่อMercury¹sภายในเย็นและทั้งโลกหดตัวลงเล็กน้อยเป็นผล.
(ไมเคิลแครอล / ภูเขาไฟคนต่างด้าวโดยเปสและแครอล, จอห์นส์ฮอปกินส์มหาวิทยาลัยกด 2008)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้ส่งสารของพระเจ้า
หยุดต่อไปในทัวร์ของเรามีขนาดเล็กที่แห้งแล้งโลกเรียกว่าดาวพุธ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดในระบบสุริยะ ปรอทเป็นชื่อหลังจากที่ โรมัน โบราณ ผู้ส่งสารของพระเจ้าเพราะมันย้ายข้ามฟ้าเร็วกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ในความเป็นจริง ดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบหนึ่งในเพียง 88 วันโลกได้หมุนช้ามากช่วงนี้ มันใช้เวลา 58 วัน ปรอทให้สมบูรณ์ในการหมุนของแกน เพราะมันอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ มันสามารถจะสังเกตท้องฟ้าในทิศตะวันออกก่อนพระอาทิตย์ขึ้นหรือในตะวันตกหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน มันไม่เคยปรากฏมากกว่า 27 องศาห่างจากดวงอาทิตย์ที่ร้อน และแห้งแล้งโลกเย็น

ปรอทมีเกือบจะไม่มีบรรยากาศนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า บรรยากาศที่หนา อาจจะอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ถูกปล้นไปโดยแรงลมแสงอาทิตย์ . บรรยากาศบนโลก ช่วยรักษาอุณหภูมิค่อนข้างสม่ำเสมอรอบโลก ในทางตรงกันข้าม อุณหภูมิบนดาวพุธช่วงจาก 800 ° F ( 427 ° C ) ในระหว่างวันที่ - 279 องศา F ( - 173 ° C ) ในเวลากลางคืน มันเป็นโลกที่ไม่เอื้ออำนวยมาก

คุณสมบัติของปรอท .ดาวพุธเป็นครั้งแรกที่เข้าชมโดยนาซ่ามาริเนอร์ 10 พื้นที่ตรวจ 1974 ในชุดสาม flybys , สอบสวนจัดการแผนที่ส่วนใหญ่ของพื้นผิวของดาวเคราะห์ เมื่อภาพถ่ายได้รับบนโลก , คุณสมบัติได้อย่างง่ายดายอาจเข้าใจผิดสำหรับดวงจันทร์ พื้นผิวของดาวพุธ แต่เกือบจะเต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาต . ดวงจันทร์มีพื้นที่เปิดโล่งมากขึ้น เรียกว่ามาเรีย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปล่องภูเขาไฟฟรีดาวพุธมีเพียงหนึ่งหลักเปิดพื้นที่ที่เรียกว่าคาโลรีสลุ่มน้ำ เปิดพื้นที่เหล่านี้ว่ามีรูปแบบโดยล่าสุดภูเขาไฟไหล ซึ่งอาจจะครอบคลุมหลุมเก่า ผิวยังเป็นเครื่องหมาย หน้าผาสูงชัน เรียกว่า rupes ซึ่งเพิ่มขึ้นเท้าเท่าที่ 6300 ( 1920 ) เหนือหุบเขาชั้น
ใน 2008 , ยานอวกาศที่สองผ่านใกล้ดาวพุธยานอวกาศนี้ชื่อว่า Messenger ซึ่งหมายถึงผิวปรอทสภาพแวดล้อมพื้นที่ธรณีเคมี และตั้งแต่ องค์ที่นำกล้องความละเอียดสูงโลกและเปิดเผยคุณสมบัติใหม่ ๆและใหม่ภูมิประเทศไม่เห็นก่อนหน้านี้ในการทำภารกิจ Messenger มีกำหนดเข้าโคจรรอบดาวพุธในเดือนมีนาคม 2554 ซึ่งจะใช้พื้นผิวของดาวเคราะห์แผนที่ 1 ปีเต็มภาพใหม่จาก Messenger แสดงให้เห็นว่าผิวปรอทเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้น โบราณ และหนัก cratered ซึ่งแตกต่างจากพื้นผิวของดวงจันทร์และดาวอังคาร .
ที่ประทับใจของศิลปิน rupes ( หน้าผา ) ที่ขยายหลายร้อยไมล์บนดาวพุธ หน้าผายักษ์เหล่านี้
เชื่อว่าจะต้องเกิดขึ้นเมื่อปรอทภายในเย็นและมาตรฐานของโลกหดตัวเล็กน้อยเป็นผล .
( ไมเคิลแครอล / คนต่างด้าวโดยภูเขาไฟ และ คาร์โรลล์ โลเปซ , Johns Hopkins University Press , 2008 )