If a company does not sell all the

If a company does not sell all the cars that it produces the residue will be "sold into stock". The P&L will
not be charged for the cost of the materials used in producing stock and the vehicles will become an asset
at their production cost.
In subsequent years EXECUTIVE will always sell cars in stock before it sells the current year's production.
When this happens the stock will cease to be an asset since it has been turned into revenue. Consequently
the Profit and Loss will be debited with the production cost of the stock sold.
Cars in stock cost money for their upkeep. This is charged as an overhead at 15% of the value of the stock,
12 months in arrears. Over-production can seriously damage profitability because of the cost of stock
upkeep. It must therefore be controlled very tightly.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ถ้าบริษัทขายรถยนต์ทั้งหมดที่จะก่อให้เกิด สารตกค้างจะ "ขายเป็นหุ้น" P และ L จะไม่คิดค่าบริการสำหรับต้นทุนของวัสดุที่ใช้ในการผลิตสินค้าและยานพาหนะจะกลายเป็น สินทรัพย์ต้นทุนการผลิตในปีต่อ ๆ ไป ผู้บริหารจะเสมอขายรถในสต็อกก่อนจะขายปีปัจจุบันผลิตเมื่อเกิดขึ้นหุ้นจะเลิกการเป็นสินทรัพย์เนื่องจากการเปิดเป็นรายได้ ดังนั้นจะเดบิตกำไรขาดทุนที่ มีต้นทุนการผลิตของสินค้าที่ขายรถในสต็อกต้นทุนเงินสำหรับค่าบำรุงรักษาของพวกเขา คิดเป็นค่าดำเนินการ 15% ของค่าหุ้น12 เดือนในริกา ผลิตเกินสามารถอย่างจริงจังเสียผลกำไรเนื่องจากต้นทุนของสินค้าคงคลังค่าบำรุงรักษา มันต้องดังถูกมากคับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หาก บริษัท ไม่ได้ขายรถทุกคันที่จะผลิตสารตกค้างจะได้รับการ "ขายเป็นหุ้น" P & L จะ
ไม่ถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายของวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตสินค้าและยานพาหนะจะกลายเป็นสินทรัพย์
ที่ต้นทุนการผลิตของพวกเขา.
ในปีต่อ ๆ มาผู้บริหารมักจะขายรถในสต็อกก่อนที่จะขายการผลิตของปีปัจจุบัน.
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ หุ้นจะหยุดเป็นสินทรัพย์เพราะมันได้กลายมาเป็นรายได้ ดังนั้น
กำไรขาดทุนจะถูกหักด้วยค่าใช้จ่ายในการผลิตของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว.
รถยนต์ในเงินค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาหุ้นของพวกเขา นี้เป็นค่าใช้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายที่ 15% ของมูลค่าของหุ้นที่
12 เดือนในงานที่ค้าง การผลิตกว่าอย่างจริงจังสามารถสร้างความเสียหายในการทำกำไรเนื่องจากค่าใช้จ่ายของสต็อก
การบำรุงรักษา ดังนั้นจึงต้องมีการควบคุมอย่างแน่นหนามาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ถ้าบริษัทไม่ขายรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิต ซึ่งจะขายในหุ้น " P
&ผมจะไม่คิดค่าใช้จ่าย ต้นทุนของวัสดุที่ใช้ในการผลิตสินค้าและยานพาหนะจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่ต้นทุนการผลิต
.
ในปีต่อมา ผู้บริหารจะขายหุ้นก่อนที่จะขายรถในการผลิตปัจจุบัน
ปีใหม่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้หุ้นจะหยุดเป็นสินทรัพย์เนื่องจากมันได้กลายเป็นรายได้ จากนั้น
ผลกําไรและขาดทุนจะถูกหักด้วยต้นทุนการผลิตของสินค้าที่ขาย
รถยนต์ในหุ้นค่าใช้จ่ายเงินสําหรับการดูแลของพวกเขา นี้เป็นค่าใช้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายที่ 15% ของมูลค่าของหุ้น
12 เดือนเกินกำหนด มากกว่าการผลิตสามารถสร้างความเสียหายกำไร เพราะต้นทุนของหุ้น
การบำรุงรักษา . มันจึงต้องถูกควบคุมอย่างแน่นหนา .