The Sukhothai Kingdom( ‘Father-Son’

The Sukhothai Kingdom( ‘Father-Son’ system )
Sukhothai was founded in 1762 Be. Sukhothai literally means the dawn of happiness. The first king was named Sri-intrathit. He ruled the large area that was known as the first kingdom of Thailand. When King Ramkhamhaeng was ruling the kingdom , most of Malay, Laos, eastern and central Thailand were parts of the Sukhothai kingdom. During the reign of King Ramrhamhaeng people were very happy. The king was like a father to his people. All the people were equal and generally wealthy .It someone wanted to speak to the king they rang a large bell which was hung outside the palace gate. King Ramkhamhaeng would come and listen to that they said . King Ramkhamhaeng was a buddhist and built many temples in Sukhothai. He believed strongly in making merit and was very kind to his people. King Ramkhamhaeng also invented the first Thai alphabet. Stories about the kingdom and royal activities were inscribed on large stones. This is how we know about Sukhathai area.
“ King Ramkhamhaeng ,the ruler of the kingdom, hears the call; He goes the questions the man, examines the case and in cludes justly what is fair for him. So the people of… Sukhothai praise him.”
Elite people
In political and sociological theory, an elite is a small group of people who control a disproportionate amount of wealth or political power. In general, elite means the more capable group of people. The selected part of a group that is superior to the rest in terms of ability or qualities.
The basis for membership of a power élite is institutional power, namely an influential position within a prominent private or public organization.
Elite Approach is the power in society (Power Concentration) are a small group of people that has as advantage than others in society since:
1. (Social Class) is said to "elite" advantage because born in middle-class or elite level is high, it has a high honor and recognition in society often has been referred to as social class (The Exclusives).
2. (Political Power)
3. (Education) said that the "elite" have better opportunities in society, people, population, society, because it has a high position in society.

4. (Revenue) is said to "elite" The income is higher than the population of other people in society. Having a high income. Have a relationship with the highest dignity in the profession as well.
5. (Cultural Influence) said that the "elite" have a high ability to mobilize the masses, just as our values ourselves.
6. (Leadership) said that the "elite" is related to the interests and powers since birth. For this reason, it learned from the rejuvenated that present conditions are the most important will be accepted from the esteemed people
http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-3/ontology_epistemology_and_methodology/08.html

CHARACTERISTICS OF AYUTTHATA POLITICAL ADMINISTRATIVE
Ayutthaya : during this period the monachic institution possess the characteristics of “Dhevaraja” (ruling deity) at the same time still retaining some “Dhammaraja” (just ruler) characteristics from Sukhothai period . Dhevaraja was a concept under Khmer (Cambodia) influence while Dhammaraja was a concept under the influence of Buddhism. The reigning monarch was the supreme administrative authority of the land. In the beginning there was a “Saenabodi Jatusadom” chancellor acting under the king’s order. Later on there were changes in the administrative system. The positions of “Achra Cmaha Saenabodi” prime ministers were created for the military defense and civil service ministries to divide the administrative responsibilities of the kingdom. Other changes in the administrative system also strengthened the institution of monarchy during this period. However the central authority of the kingdom was still residing within the person of the reigning monarch firmly. The monarchy must defend the Kingdom, control the public, administering justice, dispense well being protect Buddhism and support arts and cultural development. There were 5 dynasties and 33 kings who reigned during the 417 years of Ayutthaya period.

AYUTHAYA ADMINISTRATIVE CHARACTERISTICS
Political and administrative power of the monarchy
During Ayutthaya period, the monarchy was the center of ruling authorities, both in the political and administrative matters. The sovereignty power of the monarchy was absolute. The king defended the kingdom during those times of war as well as administered centralized ruling authority over the land. The king must facilitate his people their peacetime occupation and livelihoods. The reigning monarch must serve as the pillar of justice and offer protection for the national religion Buddhism. The monarchy was also responsible for the cultural and artistic development of his kingdom.
The king must be able to retain his absolute authority as the kingdom’s sovereign as well as execute his responsibilities to his people. Ayutthaya monarchs had absolute central power over the entire kingdom. An Ayuttaya king was the lord of land and life. Ayutthaya was cender khmer’s influence and imported the Dhevaraja concept for kingship to serve as a new model.
Deity kings roles under Hinduism’s principle. There are two versions of this Hindu principle : The king is a reincarnated avalar of Narai or indra/Shiva. The monarch became a deity endowed with supernatural power over the rest of mankind. Rajasup ( royal vocabulary ),prasatrajawang (celestial palace ) and rajabhitee (royal potocal) had been designed to enhance the deity king’s sacred status such as phra-raja-bhitee-raja-bhi- sek ( royal coronation ceremony) and phra raja bhitee thue nam phra bai- bhat- sa- ta-ya (sanctified by holy water loyalty pledge to the monarch)
At the same time the remnant concept of Dhammaraja under the influence of Buddhism still exist since the time of sukhothai. This is the belief that any king who rules his kingdom in accordance to Dhosa-bhit-raja-dham (ten disciplinary principles of visionary king) and Chakra-wadi-wat (empirical pathfinder king) taught by the Buddha shall bring his kingdom great peace and prosperity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ราชอาณาจักรสุโขทัย ( ระบบ ' พ่อลูก ' )
จังหวัดสุโขทัยก่อตั้งขึ้นในการผลิตเป็น สุโขทัยอย่างแท้จริงหมายถึงรุ่งอรุณแห่งความสุข กษัตริย์องค์แรกชื่อ ศรี intrathit . เขาปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่ที่รู้จักกันเป็นอาณาจักรแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อกษัตริย์รามก็ปกครองอาณาจักร ส่วนใหญ่ของมาเลย์ , ลาว , ภาคตะวันออกและภาคกลางเป็นส่วนของราชอาณาจักรสุโขทัยในช่วงรัชสมัยของกษัตริย์ ramrhamhaeng คนมีความสุขมากๆ กษัตริย์เป็นเหมือนพ่อของตน ทุกคนเท่าเทียมกัน และโดยทั่วไปแล้วรวย ใครอยากคุยกับกษัตริย์ พวกเขารังระฆังขนาดใหญ่ซึ่งแขวนไว้ที่หน้าประตูพระราชวัง พ่อขุนรามคําแหง จะมาและฟังที่พวกเขาพูด พ่อขุนรามคําแหง เป็นพุทธ และสร้างหลายวัดในสุโขทัยเขาเชื่อมั่นในบุญ และใจดีมากกับคนของเขา พ่อขุนรามคําแหง ยังคิดค้นตัวอักษรภาษาไทยก่อน เรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรและราชวงศ์กิจกรรมสลักบนหินขนาดใหญ่ นี่คือวิธีที่เรารู้เกี่ยวกับพื้นที่ sukhathai .
" พ่อขุนรามคําแหง ผู้ปกครองอาณาจักร ได้ยินเสียงเรียก เขาไปถามคนพิจารณาคดีและใน cludes เป็นธรรมสิ่งที่ไม่ยุติธรรมสำหรับเขา ดังนั้น คน . . . . . . . สุโขทัย สรรเสริญพระองค์ . "

คนยอดในทฤษฎีการเมืองและสังคม เป็นยอดคือกลุ่มเล็ก ๆของคนที่ควบคุมปริมาณมหาศาลของความมั่งคั่งและอำนาจทางการเมือง โดยทั่วไป หมายถึง กลุ่มความสามารถเพิ่มเติมของยอดคนส่วนที่เลือกของกลุ่มที่เหนือกว่าคนอื่นในแง่ของความสามารถหรือคุณภาพ .
ฐานสมาชิกของพลังอำนาจจาก Lite คือสถาบัน ได้แก่ มีอิทธิพลต่อตำแหน่งภายในที่โดดเด่นส่วนบุคคลหรือองค์กรสาธารณะ .
ยอดวิธีอำนาจในสังคม ( พลังสมาธิ ) มีกลุ่มเล็ก ๆของ คน ที่ มีข้อได้เปรียบกว่าคนอื่น ๆในสังคมตั้งแต่ :
1( สังคม ) กล่าวว่า " ยอด " ได้เปรียบเพราะเกิดในชนชั้นกลางหรือชนชั้นระดับสูงก็มีสูง ให้เกียรติและยอมรับในสังคมมักจะถูกเรียกว่าชนชั้นทางสังคม ( exclusives )
2 . ( อำนาจ )
3 ( การศึกษา ) กล่าวว่า " ยอด " ได้โอกาสที่ดีกว่าในสังคม ผู้คน ประชากร สังคม เพราะมีตำแหน่งสูงในสังคม

4 .( รายได้ ) กล่าวว่า " ยอด " รายได้สูงกว่าประชากรของบุคคลอื่นในสังคม มีรายได้สูง มีความสัมพันธ์กับเกียรติยศสูงสุดในอาชีพเช่นกัน
5 ( อิทธิพลทางวัฒนธรรม ) กล่าวว่า " ยอด " มีความสามารถสูงในการระดมมวลชน เช่นเดียวกับค่าของเราเอง .
6( ภาวะผู้นำ ) กล่าวว่า " ยอด " เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และอำนาจมาตั้งแต่เกิด ด้วยเหตุผลนี้ มันเรียนรู้จากสภาพปัจจุบัน มีสดชื่นที่สำคัญที่สุดจะได้รับการยอมรับนับถือจากผู้คน
http : / / www.baanjomyut . com / library_2 / extension-3 / ontology_epistemology_and_methodology / 08 . html

ลักษณะของ ayutthata ทางการเมืองการบริหาร
อยุธยา :ในช่วงเวลานี้ สถาบัน monachic มีลักษณะของ " เทวราชา " ( เทพปกครอง ) ในเวลาเดียวกันยังคงรักษาบางส่วน " ธรรมราชา " ( ไม้บรรทัด ) ลักษณะสมัยสุโขทัย เทวราชาคือแนวคิดภายใต้อิทธิพลเขมร ( กัมพูชา ) ในขณะที่ธรรมราชาเป็นแนวคิดภายใต้อิทธิพลของพระพุทธศาสนาพระมหากษัตริย์ครองราชย์เป็นผู้มีอำนาจปกครองสูงสุดของประเทศ ในการเริ่มต้นมี " saenabodi รสนิยม " ท่านสมุหนายกทำหน้าที่ภายใต้คำสั่งของพระราชา ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในระบบการบริหารตำแหน่งของ " อัจฉรา ธรรม cmaha saenabodi " นายกรัฐมนตรีที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันทหารและข้าราชการพลเรือนกระทรวงเพื่อแบ่งความรับผิดชอบการบริหารงานของอาณาจักร การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในงานยังมีความเข้มแข็งสถาบันกษัตริย์ในช่วงระยะเวลานี้อย่างไรก็ตาม หน่วยงานส่วนกลางของอาณาจักรยังคงอาศัยอยู่ภายในบุคคลที่พระมหากษัตริย์ครองราชย์อย่างแน่นหนา สถาบันกษัตริย์ต้องปกป้องอาณาจักร , การควบคุมงาน , การบริหารงานกระบวนการยุติธรรม เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา และศิลปะ ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาวัฒนธรรม มี 5 ราชวงศ์และ 33 กษัตริย์ที่ครอบครองใน 417 ปี

ของกรุงศรีอยุธยาอยุธยาการบริหารลักษณะ
อำนาจทางการเมืองและการปกครองของพระมหากษัตริย์
ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์คือศูนย์ของพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งในเรื่องการเมืองและการบริหาร อำนาจอธิปไตย อำนาจของสถาบันกษัตริย์ถูกแน่นอน กษัตริย์ปกป้องอาณาจักร ในเวลาสงคราม ตลอดจนบริหารงานส่วนกลาง อำนาจปกครองเหนือดินแดนพระราชาต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนของเขาอาชีพของสงวนของตน และการดำรงชีวิต พระมหากษัตริย์ครองราชย์จะต้องเป็นเสาหลักของการคุ้มครองความยุติธรรมและให้พุทธศาสนาแห่งชาติ พระมหากษัตริย์ยังเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับวัฒนธรรมและพัฒนาศิลปะของอาณาจักรของเขา
กษัตริย์จะสามารถรักษาอำนาจของเขาแน่นอนเป็นราชอาณาจักรของอธิปไตย ตลอดจนดำเนินการความรับผิดชอบของเขากับคนของเขา อยุธยาพระมหากษัตริย์มีอำนาจเด็ดขาดเหนือกลางทั้งอาณาจักร เป็นกษัตริย์เป็นเจ้าของที่ดิน พระนครศรีอยุธยา และชีวิต อยุธยาเป็น cender อิทธิพลเขมร และนำเข้าแนวคิดเทวราชาสำหรับกษัตริย์เพื่อใช้เป็นโมเดลใหม่
.เทพกษัตริย์บทบาทภายใต้ศาสนาฮินดูเป็นหลัก มีอยู่สองรุ่นนี้ฮินดูหลัก : กษัตริย์เป็นกลับชาติมาเกิด avalar ของนารายณ์ หรือพระอินทร์ / พระศิวะ พระมหากษัตริย์เป็น endowed กับเทพอิทธิฤทธิ์มากกว่าส่วนที่เหลือของมนุษยชาติ rajasup ( ศัพท์หลวง )prasatrajawang ( สวรรค์ ( วัง ) และ rajabhitee รอยัลโปโตคอล ) ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มสถานะของพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระราชา bhitee ราชา BHI - SEK ( พระราชพระราชพิธี ) และพระราชา bhitee thue น้ำพระไป๋ - - ซา - Ta Ya ภัต ( ชำระด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ความจงรักภักดีปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ )
ในเวลาเดียวกันที่เหลือแนวคิดธรรมราชาภายใต้อิทธิพลของพระพุทธศาสนายังคงมีอยู่มาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย นี้คือความเชื่อว่ามีกษัตริย์ที่ปกครองอาณาจักรของเขาตาม dhosa bhit ราชา dham ( หลักการทางวินัยสิบของช่างจินตนาการ คิง ) และจักระ วาดิ วัด ( กษัตริย์ผู้นำทางเชิงประจักษ์ ) สั่งสอนโดยพระพุทธเจ้าทรงนำราชอาณาจักรของพระองค์สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองดี