OBJECTIVE:To examine the impact of

OBJECTIVE:
To examine the impact of self-efficacy-based education on promoting self-care behaviour in low-salt and weight-setting diets for hypertensive women.
METHODS:
The quasi-experimental study was conducted in 2013 and comprised hypertensive women registered with healthcare centres in Dehaghan, Iran. The subjects were divided into two equal groups; intervention group and comparison group. For the intervention group, four educative sessions were conducted based on self-efficacy leading to self-care behaviours, while the comparison group did not receive any education. Self-efficacy and self-care questionnaires data (obtained before intervention, immediately after intervention and 3 months after intervention) was analysed using SPSS 20.
RESULTS:
There were 64 subjects divided into two groups of 32(50%) each. The mean age in the intervention group was 51.2±6.86years and 49.1±7.99years in the comparison group. Self-care behaviours of low salt diet (p=0.002) and weight-setting diet (p=0.004) were more significantly seen in the intervention group. The means of systolic blood pressure (p=0.004) and diastolic blood pressure (p< 0.001) were significantly reduced in the intervention group. The mean value for body mass index was not the same in the intervention group (p< 0.001).
CONCLUSIONS:
Self-efficacy-based education had an impact on self-care behaviours in hypertensive patients.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์:การตรวจสอบผลกระทบของการศึกษาตนเองประสิทธิภาพการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองในอาหาร เกลือต่ำ และการตั้ง ค่าน้ำหนักสำหรับผู้หญิงความดันโลหิตสูงวิธีการ:การศึกษากึ่งทดลองดำเนินการในปี 2556 และประกอบด้วยผู้หญิงความดันโลหิตสูงที่ลงทะเบียนกับศูนย์สุขภาพ Dehaghan อิหร่าน อาสาสมัครถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มเท่ากัน แทรกแซงของกลุ่มและกลุ่มเปรียบเทียบ สำหรับกลุ่มแทรกแซง รอบเวลาเรียนสี่ถูกดำเนินการตามที่นำไปสู่พฤติกรรมการดูแลตนเอง ในขณะที่กลุ่มเปรียบเทียบไม่ได้รับการศึกษาใด ๆ ประสิทธิภาพในตนเอง ประสิทธิภาพในตนเองและดูแลตนเองแบบสอบถามข้อมูล (ก่อนการแทรกแซง ทันทีหลังจากการแทรกแซงและ 3 เดือนหลังจากการแทรกแซง) ถูกนำมาวิเคราะห์โดยใช้ SPSS 20ผลลัพธ์:มี 64 วิชาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มแต่ละ 32(50%) ในการแทรกแซงของกลุ่มอายุเป็น 51.2±6.86years และ 49.1±7.99years ในกลุ่มเปรียบเทียบ พฤติกรรมการดูแลตนเองของอาหารเกลือต่ำ (p = 0.002) และการตั้งค่าน้ำหนักอาหาร (p = 0.004) เห็นมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มแทรกแซง หมายของความดันโลหิต (p = 0.004) และความดันโลหิต diastolic (p < 0.001) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มแทรกแซง ค่าเฉลี่ยของดัชนีมวลกายไม่เหมือนกันในกลุ่มแทรกแซง (p < 0.001)สรุป:ตนเองประสิทธิภาพตามการศึกษามีผลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์:
เพื่อศึกษาผลกระทบของการศึกษาด้วยตนเองการรับรู้ความสามารถที่ใช้ในการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองในเกลือต่ำและอาหารน้ำหนักการตั้งค่าสำหรับผู้หญิงความดันโลหิตสูง.
วิธีการ:
การศึกษากึ่งทดลองได้ดำเนินการในปี 2013 และประกอบด้วยผู้หญิงความดันโลหิตสูงที่ลงทะเบียนกับการดูแลสุขภาพ ศูนย์ใน Dehaghan อิหร่าน กลุ่มตัวอย่างถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเท่ากัน กลุ่มแทรกแซงและกลุ่มเปรียบเทียบ สำหรับกลุ่มแทรกแซงสี่การประชุมให้ความรู้ได้ดำเนินการบนพื้นฐานของการรับรู้ความสามารถตนเองนำไปสู่พฤติกรรมการดูแลตนเองในขณะที่กลุ่มเปรียบเทียบไม่ได้รับการศึกษาใด ๆ ข้อมูลการรับรู้ความสามารถตนเองและการดูแลตนเองแบบสอบถาม (ที่ได้รับก่อนที่จะแทรกแซงทันทีหลังจากที่การแทรกแซงและ 3 เดือนหลังการแทรกแซง) คือการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรม SPSS 20.
ผลการศึกษา:
มี 64 วิชาแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม 32 (50%) ในแต่ละ อายุเฉลี่ยในกลุ่มแทรกแซงเป็น 51.2 ± 6.86years และ 49.1 ± 7.99years ในกลุ่มเปรียบเทียบ พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้กินอาหารไขมันต่ำเกลือ (p = 0.002) และน้ำหนักอาหารการตั้งค่า (p = 0.004) ได้เห็นมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มแทรกแซง วิธีการของความดันโลหิต (p = 0.004) และความดันโลหิต diastolic (p <0.001) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มแทรกแซง ค่าเฉลี่ยสำหรับดัชนีมวลกายไม่ได้เป็นคนเดียวในกลุ่มแทรกแซง (p <0.001).
สรุป
การศึกษาด้วยตนเองประสิทธิภาพตามมีผลกระทบต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงใน