ConclusionsThe current study demons

Conclusions
The current study demonstrates that in patients with type 2 diabetes, higher levels of NT-proBNP and hsTnT are associated with an increased risk of developing microvascular complications, particularly nephropathy. This association was attenuated after accounting for conventional risk factors for, and mediators of, macrovascular complications; the relationship between NT-proBNP and hsTnT and established CV risk factors may, at least in part, explain their prognostic value. Models designed to simulate a clinical score for the prediction of microvascular events showed an ability to discriminate between patients who will and will not develop microvascular complications. We suggest that subclinical cardiac disease might be an antecedent of peripheral microvascular disease. Thus, an approach that combines clinical predictors with biomarkers such as NT-proBNP and hsTnT may help to identify patients with type 2 diabetes who are at greatest risk of microvascular complications (particularly nephropathy) and may benefit most from strategies to reduce this risk. However, our data also illustrate that prediction of nephropathy and retinopathy are dependent on different risk factors, reflecting distinct mechanistic pathways. As such, specific prediction of retinopathy (without retinal scanning data) remains challenging using conventional risk factors and cardiac biomarkers.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทสรุปการศึกษาปัจจุบันอธิบายว่า ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สูงระดับ NT proBNP และ hsTnT เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน microvascular โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไต ความสัมพันธ์นี้ถูก attenuated หลังบัญชีสำหรับปัจจัยเสี่ยงทั่วไปสำหรับ และ mediators, macrovascular ภาวะแทรกซ้อน ความสัมพันธ์ระหว่าง NT proBNP และ hsTnT และปัจจัยเสี่ยงประวัติก่อตั้งอาจ น้อยในส่วน อธิบายของค่า prognostic รุ่นออกแบบมาเพื่อจำลองคะแนนทางคลินิกสำหรับการคาดการณ์เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการแยกแยะระหว่างผู้ป่วยที่จะ และจะพัฒนาภาวะแทรกซ้อน microvascular microvascular เราขอแนะนำว่า โรคหัวใจ subclinical อาจมีมาก่อนของโรคต่อพ่วง microvascular ดังนั้น วิธีการที่ใช้ทำนายทางคลินิกกับ biomarkers เช่น NT proBNP และ hsTnT อาจช่วยระบุผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีความเสี่ยงมากที่สุดของภาวะแทรกซ้อน microvascular (โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไต) และอาจได้รับประโยชน์มากที่สุดจากกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยงนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของเรายังแสดงว่า พยากรณ์โรคไตและดวงตาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ สะท้อนวิถีกลไกที่แตกต่างกัน เช่นนี้ ทำนายเฉพาะของจอประสาทตา (ไม่มีข้อมูลการสแกนจอประสาทตา) ยังคงใช้ปัจจัยเสี่ยงทั่วไปและหัวใจ biomarkers ท้าทาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สรุปผลการวิจัย
การศึกษาในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ระดับที่สูงขึ้นของ NT-proBNP และ hsTnT มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาภาวะแทรกซ้อน microvascular, โรคไตโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาคมนี้ถูกยับยั้งหลังจากการบัญชีสำหรับปัจจัยเสี่ยงสำหรับการชุมนุมและการไกล่เกลี่ยของภาวะแทรกซ้อนหลอดเลือด; ความสัมพันธ์ระหว่าง NT-proBNP และ hsTnT และเป็นที่ยอมรับปัจจัยเสี่ยง CV อาจอย่างน้อยในส่วนที่อธิบายการพยากรณ์ของพวกเขา รุ่นออกแบบมาเพื่อจำลองคะแนนทางคลินิกสำหรับการคาดการณ์ของเหตุการณ์ microvascular แสดงให้เห็นความสามารถในการแยกแยะระหว่างผู้ป่วยที่จะและจะไม่พัฒนาภาวะแทรกซ้อน microvascular เราขอแนะนำให้แสดงอาการโรคหัวใจอาจจะมีมาก่อนของโรค microvascular อุปกรณ์ต่อพ่วง ดังนั้นวิธีการที่ผสมผสานการพยากรณ์ทางคลินิกที่มี biomarkers เช่น NT-proBNP และ hsTnT อาจช่วยในการระบุผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาวะแทรกซ้อน microvascular (โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไต) และอาจได้รับประโยชน์มากที่สุดจากกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยงนี้ อย่างไรก็ตามข้อมูลของเรายังแสดงให้เห็นว่าการคาดการณ์ของโรคไตและจอประสาทตาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงที่แตกต่างกันสะท้อนให้เห็นถึงกลไกทางเดินที่แตกต่างกัน เช่นการคาดการณ์ที่เฉพาะเจาะจงของจอประสาทตา (ไม่มีข้อมูลการสแกนม่านตา) ยังคงมีความท้าทายโดยใช้ปัจจัยเสี่ยงธรรมดาและ biomarkers การเต้นของหัวใจ