Through the last six decades, agric

Through the last six decades, agricultural landscapes in Europe changed dramatically (Stoate 2001; Jongman 2002; Klijn 2004; Tscharntke et al. 2005). After World War II, the large-scale application of synthetic fertilizers and mechanization allowed the intensive cultivation of poor and unstable soils and in several European countries land consolidation policies were adopted to further increase production, with large consequences for landscape structure and composition (Klijn 2004). During the same period, production support by the European Common Agricultural Policy (CAP) aimed at self-sufficiency of agricultural production became the major incentive for intensification of agriculture. In the UK, for instance, results of agricultural intensification were a sharp increase in crop yields (by threefold in the case of wheat production). At the same time, it was estimated that 97 % of the enclosed grasslands were lost between 1930 and 1984 as a results of land consolidation or through conversion to arable land (UK National Ecosystem Assessment 2011). Since the 1990s, the CAP is transforming from a production support subsidy system towards an income support subsidy system (Lowe et al. 2002). The changes in the CAP, in combination with an increased globalization of agricultural commodity markets, have stimulated farmers to increase production efficiency in order to be competitive on the world market. The need for increased cost-efficiency of agriculture has again led to changes in agricultural management, directly or indirectly altering the characteristics of European landscapes (Lefebvre et al. 2012). Consequences of this increase in production efficiency are further intensification of agricultural management, scale enlargement of farms and fields and the abandonment of marginal agricultural areas. All three processes lead, under most circumstances, to a homogenization of landscape, either by creating larger scale agricultural areas with sparse landscape elements, or by the re-growth of more continuous forest areas in more marginal, mosaic-type, landscapes (Jongman 2002; Klijn 2004). However, large spatial diversity in these processes occurs throughout Europe (Verburg et al. 2009) as there are large spatial differences in the environmental and social–cultural context, land use history and institutional setting. In a number of former socialist countries, post-socialist land transformation led to fragmentation of large-scale farming, while in Western Europe farm and parcel sizes are continuously increasing. At the same time, decreasing profitability of farming resulted in both Western and Eastern Europe in abandonment of farmland (e.g., Kuemmerle et al. 2008; Verburg et al. 2009; Renwick et al. 2013).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยหกทศวรรษ ภูมิทัศน์เกษตรในยุโรปเปลี่ยนแปลงอย่างมาก (Stoate 2001 Jongman 2002 Klijn 2004 Tscharntke et al. 2005) หลังจากสงครามโลก แอพลิเคชันขนาดใหญ่ของปุ๋ยสังเคราะห์และ mechanization ได้เพาะปลูกดินเนื้อปูนไม่ดี และเสถียรแบบเร่งรัด และในหลายประเทศในยุโรปแผ่นดิน นโยบายรวมได้นำมาใช้เพื่อเพิ่มการผลิต ผลกระทบขนาดใหญ่โครงสร้างภูมิทัศน์และองค์ประกอบ (Klijn 2004) เพิ่มเติม ในช่วงเวลาเดียวกัน สนับสนุนผลิตโดยยุโรปทั่วไปเกษตรนโยบาย (หมวก) ปรัชญาเกษตรกลายเป็น จูงใจสำคัญสำหรับแรงของเกษตร ในสหราชอาณาจักร เช่น ของแรงเกษตรก็เพิ่มความคมชัดในผลผลิตพืช (โดย threefold กรณีผลิตข้าวสาลี) ในเวลาเดียวกัน มันเป็นประมาณว่า 97% ของ grasslands ควบสูญหายระหว่าง 1930 และ 1984 เป็นผลลัพธ์ ของที่ดิน หรือ ผ่านแปลงที่ดินเพาะปลูก (สหราชอาณาจักรแห่งชาติระบบนิเวศประเมิน 2011) ตั้งแต่ปี 1990 หมวกจะเปลี่ยนจากระบบผลิตสนับสนุนเงินสมทบต่อมีรายได้สนับสนุนเงินสมทบระบบ (Lowe et al. 2002) การเปลี่ยนแปลงในหมวก ร่วมกับโลกาภิวัตน์การเพิ่มขึ้นของตลาดสินค้าเกษตร ได้ถูกกระตุ้นเกษตรกรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อสามารถแข่งขันในตลาดโลก ต้องเพิ่มต้นทุนประสิทธิผลของการเกษตรได้นำการเปลี่ยนแปลงในการจัดการเกษตร การดัดแปลงลักษณะของภูมิประเทศที่ยุโรป (Lefebvre et al. 2012) โดยตรง หรือโดยทางอ้อมอีก ผลกระทบของการเพิ่มขึ้นประสิทธิภาพในการผลิตมีแรงการจัดการเกษตร ขยายขนาดของฟาร์มและเขตข้อมูล และ abandonment ของพื้นที่การเกษตรที่กำไร ทั้งสามดำเนินการลูกค้าเป้าหมาย ภายใต้สถานการณ์ส่วนใหญ่ การ homogenization ของภูมิทัศน์ อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยสร้างพื้นที่เกษตรขนาดใหญ่มีองค์ประกอบภูมิทัศน์บ่อ หรือ โดย re-เจริญเติบโตของพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่องมากขึ้นในส่วนเพิ่มเติม กระเบื้องโมเสคชนิด ภูมิทัศน์ (Jongman 2002 Klijn 2004) อย่างไรก็ตาม ความหลากหลายทางชีวภาพพื้นที่ขนาดใหญ่ในกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วยุโรป (Verburg et al. 2009) เนื่องจากมีความแตกต่างของพื้นที่ขนาดใหญ่ในบริบทสังคมวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ประวัติการใช้ที่ดิน และตั้งสถาบัน ในจำนวนประเทศอดีตสังคมนิยม สังคมนิยมหลังที่ดินแปลงนำไปสู่การกระจายตัวของขนาดใหญ่การทำฟาร์ม ในขณะที่ในยุโรปตะวันตกฟาร์มและพัสดุ ขนาดกำลังอย่างต่อเนื่องเพิ่ม ในเวลาเดียวกัน ลดผลกำไรของการเลี้ยงผลในยุโรปตะวันออกและตะวันตกใน abandonment ของ (เช่น Kuemmerle et al. 2008 Verburg et al. 2009 Renwick et al. 2013)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผ่านช่วงหกทศวรรษที่ผ่านมาภูมิทัศน์ทางการเกษตรในยุโรปการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Stoate 2001; Jongman 2002; Klijn 2004. Tscharntke et al, 2005) หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองที่แอพลิเคชันขนาดใหญ่ของปุ๋ยสังเคราะห์และเครื่องจักรกลที่ได้รับอนุญาตการเพาะปลูกอย่างเข้มข้นของดินที่ไม่ดีและไม่แน่นอนและในหลายประเทศในยุโรปนโยบายการจัดรูปที่ดินที่ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มการผลิตที่มีผลกระทบขนาดใหญ่สำหรับโครงสร้างภูมิทัศน์และองค์ประกอบ (Klijn 2004 ) ในช่วงเวลาเดียวกันการสนับสนุนการผลิตโดยนโยบายเกษตรร่วมยุโรป (CAP) มุ่งเป้าไปที่การพึ่งตัวเองของการผลิตการเกษตรกลายเป็นแรงจูงใจที่สำคัญสำหรับความหนาแน่นของการเกษตร ในสหราชอาณาจักรเช่นผลของแรงทางการเกษตรมีเพิ่มมากขึ้นในผลผลิตพืช (โดยสามเท่าในกรณีของการผลิตข้าวสาลี) ในเวลาเดียวกันมันเป็นที่คาดว่า 97% ของทุ่งหญ้าล้อมรอบหายไประหว่าง 1930 และปี 1984 เป็นผลมาจากการรวมหรือผ่านที่ดินแปลงที่ดินทำกิน (สหราชอาณาจักรแห่งชาติประเมินระบบนิเวศ 2011) ตั้งแต่ปี 1990, CAP จะเปลี่ยนจากระบบการสนับสนุนเงินอุดหนุนการผลิตต่อรายได้สนับสนุนระบบเงินอุดหนุน (โลว์ et al. 2002) การเปลี่ยนแปลงใน CAP ในการรวมกันกับโลกาภิวัตน์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรยังเป็นการกระตุ้นให้เกษตรกรที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก จำเป็นที่จะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพของการเกษตรได้นำอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงในการจัดการการเกษตรโดยตรงหรือโดยอ้อมเปลี่ยนแปลงลักษณะของภูมิประเทศยุโรป (บวรี et al. 2012) ผลที่ตามมาของการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตนี้แรงขึ้นต่อไปของการจัดการการเกษตรขยายขนาดของฟาร์มและทุ่งนาและละทิ้งพื้นที่การเกษตรขอบ ทั้งสามกระบวนการนำไปภายใต้สถานการณ์ที่สุดในการทำให้เป็นเนื้อเดียวกันของภูมิทัศน์ทั้งโดยการสร้างพื้นที่ทำการเกษตรขนาดใหญ่ที่มีองค์ประกอบภูมิทัศน์เบาบางหรือเรื่องการเจริญเติบโตของพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่องมากขึ้นในการร่อแร่มากขึ้นโมเสกชนิดภูมิทัศน์ (Jongman 2002 ; Klijn 2004) แต่ความหลากหลายเชิงพื้นที่ขนาดใหญ่ในกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วยุโรป (Verburg et al. 2009) ในขณะที่มีความแตกต่างเชิงพื้นที่ขนาดใหญ่ในบริบทด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมวัฒนธรรมประวัติศาสตร์การใช้ที่ดินและการตั้งค่าสถาบัน ในจำนวนของประเทศสังคมนิยมอดีตการเปลี่ยนแปลงดินแดนโพสต์สังคมนิยมนำไปสู่​​การกระจายตัวของการทำการเกษตรขนาดใหญ่ในขณะที่ในฟาร์มยุโรปตะวันตกและขนาดพัสดุอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มขึ้น ในเวลาเดียวกันลดลงในการทำกำไรของการทำฟาร์มส่งผลทั้งในยุโรปตะวันตกและตะวันออกในการละทิ้งของพื้นที่เพาะปลูก (เช่น Kuemmerle et al, 2008;. Verburg et al, 2009;.. Renwick et al, 2013)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผ่านช่วง 6 ทศวรรษ ภูมิทัศน์ทางการเกษตรในยุโรปเปลี่ยนไปอย่างมาก ( stoate 2001 jongman 2002 ; klijn 2004 ; tscharntke et al . 2005 ) หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองโปรแกรมขนาดใหญ่ของปุ๋ยสังเคราะห์และกลไกอนุญาตการเพาะปลูกอย่างเข้มข้นและดินไม่ดีและไม่มั่นคง หลายประเทศในยุโรป ที่ดินรวมนโยบายที่ใช้เพื่อเพิ่มการผลิตเพิ่มเติม มีผลขนาดใหญ่ สำหรับโครงสร้างแนวนอนและส่วนประกอบ ( klijn 2004 ) ในช่วงเวลาเดียวกันสนับสนุนการผลิตโดยทั่วไปในยุโรป นโยบายการเกษตร ( หมวก ) ที่มุ่งการพึ่งตนเอง การผลิตทางการเกษตรเป็นหลัก สำหรับแรงจูงใจของการเกษตร ในอังกฤษ , ตัวอย่าง ผลของแรงเกษตร เพิ่มมากขึ้นในผลผลิตพืช ( โดยสามเท่า ในกรณีของการผลิตข้าวสาลี ) ใน เวลาเดียวกันมันคือประมาณว่า 97% ของล้อมรอบทุ่งหญ้าสูญหายระหว่าง 1930 และปี 1984 จากผลของการจัดรูปที่ดิน หรือ ผ่านแปลงที่ดินเพาะปลูก ( UK National ระบบนิเวศการประเมิน 2011 ) ตั้งแต่ปี 1990 , หมวกจะเปลี่ยนจากการผลิต ระบบสนับสนุนอุดหนุนต่อรายได้จากระบบ ( Lowe et al . 2002 ) การเปลี่ยนแปลงในหมวกในการรวมกันกับโลกาภิวัตน์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เกษตร ได้กระตุ้นให้เกษตรกรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของต้นทุนภาคการเกษตรมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งนำไปสู่การจัดการการเกษตรโดยตรงหรือโดยอ้อมเปลี่ยนลักษณะภูมิประเทศของยุโรป ( เลอเฟบร์ et al . 2012 )ผลของการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตนี้จะแรงต่อไปของการจัดการการเกษตร ขยายขนาดของฟาร์มและไร่นาและละทิ้งพื้นที่ชายขอบ . ทุกกระบวนการนำภายใต้สถานการณ์ส่วนใหญ่ การโฮโมจีไนเซชันของภูมิทัศน์ , ทั้งโดยการสร้างขนาดใหญ่ พื้นที่การเกษตร ด้วยการจัดองค์ประกอบโปร่งหรือเรื่องการเจริญเติบโตของพื้นที่ป่าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องของโมเสคแบบภูมิประเทศ ( jongman 2002 ; klijn 2004 ) อย่างไรก็ตาม ความหลากหลายทางพื้นที่ขนาดใหญ่ในกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วยุโรป ( verburg et al . 2009 ) มีขนาดใหญ่พื้นที่ที่แตกต่างกันในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ การใช้ที่ดินและการตั้งสถาบัน ในหลายประเทศอดีตสังคมนิยมประกาศการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่การแตกแยกของสังคมนิยมที่ดินการเกษตรขนาดใหญ่ ในขณะที่ในยุโรปตะวันตกฟาร์มและพัสดุ ขนาดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง . ในเวลาเดียวกัน การลดอัตราของการส่งผลทั้งในยุโรปตะวันตกและตะวันออกในการละทิ้งพื้นที่เพาะปลูก เช่น kuemmerle et al . 2008 ; verburg et al . 2009 ; เรนวิก et al . 2013 )