Fungi associated with fruit rot of

Fungi associated with fruit rot of tomato were isolated and the effects of storage temperature and relative humidity on rot development were investigated using standard Mycological techniques. The predominant fungi isolated were Aspergillus niger, Alternaria solani and A. flavus with 27.5%, 20.6% and 20.10% frequencies of occurence respectively. The least frequently encountered fungus was Mucur racemosus with 7.40% frequency of occurence. Pathogenicity test revealed that all the isolated fungi were pathogenic on healthy tomato fruits and have the potential to cause fungal diseases on tomato. The relative humidity for maximum rot development ranged from 70-90%. Tomato fruits stored well at 0-10 °C and rather poorly at 20-30 °C. Fruits stored at 35 °C for five days were found to be completely rotten. The optimum RH for tomato storage ranged between 60 to 90%. Manipulation of storage environmental factors such as temperature and relative humidity are important in controlling microbial infection of tomato fruit especially in tropical countries such as Nigeria.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เชื้อราที่เกี่ยวข้องกับผลเน่าของมะเขือเทศถูกแยก และผลของการเก็บข้อมูลอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ใน rot พัฒนาถูกตรวจสอบโดยใช้เทคนิคมาตรฐาน Mycological เชื้อรากันที่แยกต่างหากสาธารณรัฐไนเจอร์ Aspergillus, Alternaria solani และ A. flavus มีความถี่เกิด 27.5%, 20.6% และ 20.10% ตามลำดับ Mucur racemosus กับถี่ 7.40% ของการเกิดเชื้อราที่พบบ่อยอย่างน้อยได้ ทดสอบ pathogenicity เปิดเผยว่า เชื้อราที่แยกได้อุบัติในผลไม้มะเขือเทศสุขภาพ และอาจก่อให้เกิดโรคเชื้อราบนมะเขือเทศ ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุด rot พัฒนามา 70-90% ผลไม้มะเขือเทศเก็บดี ที่ 0-10 ° C และค่อนข้างไม่ดี 20-30 องศาเซลเซียส พบผลไม้ที่เก็บไว้ที่ 35 ° C ห้าวันจะเน่าทั้งหมด RH เหมาะสมสำหรับการเก็บมะเขือเทศที่อยู่ในช่วงระหว่าง 60 ถึง 90% การเก็บข้อมูลปัจจัยแวดล้อมเช่นอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์มีความสำคัญในการควบคุมเชื้อจุลินทรีย์ของมะเขือเทศผลไม้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเขตร้อนเช่นประเทศไนจีเรีย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เชื้อราที่เกี่ยวข้องกับโรคผลเน่าของมะเขือเทศถูกแยกและผลกระทบของอุณหภูมิการเก็บรักษาและความชื้นสัมพัทธ์ในการพัฒนาเน่​​าถูกตรวจสอบโดยใช้เทคนิค Mycological มาตรฐาน เชื้อราเด่นแยกเป็นเชื้อรา Aspergillus ไนเจอร์ Alternaria solani และ A. flavus กับ 27.5%, 20.6% และ 20.10% ความถี่ของการเกิดขึ้นตามลำดับ น้อยเชื้อราที่พบบ่อยคือ Mucur racemosus มีความถี่ 7.40% ของการเกิดขึ้น การทดสอบแสดงให้เห็นว่าการทำให้เกิดโรคทั้งหมดเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคที่แยกได้ในผลไม้มะเขือเทศมีสุขภาพดีและมีศักยภาพที่จะก่อให้เกิดโรคเชื้อราในมะเขือเทศ ความชื้นสัมพัทธ์สำหรับการพัฒนาเน่​​าสูงสุดอยู่ในช่วง 70-90% ผลมะเขือเทศที่เก็บไว้อย่างดีที่ 0-10 องศาเซลเซียสและที่ค่อนข้างต่ำที่ 20-30 ° C ผลไม้ที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียสเป็นเวลาห้าวันพบว่ามีการเน่าเสียอย่างสมบูรณ์ RH เหมาะสมสำหรับการจัดเก็บมะเขือเทศอยู่ในช่วงระหว่าง 60 ถึง 90% การจัดการของปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมการจัดเก็บเช่นอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่มีความสำคัญในการควบคุมการติดเชื้อจุลินทรีย์ของผลมะเขือเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศในเขตร้อนเช่นประเทศไนจีเรีย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เชื้อราที่เกี่ยวข้องกับโรคผลเน่าของมะเขือเทศที่ถูกแยก และผลของอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ต่อพัฒนาการจัดเก็บเน่า ทำการศึกษาโดยใช้เทคนิคเกี่ยวกับการศึกษาเกี่ยวกับเชื้อราและเห็ดมาตรฐาน เด่นเป็นเชื้อรา Aspergillus niger solani และ A . flavus ด้วย = 27.5 % 20.6% 20.10 % และความถี่ของการเกิดดับอย่างน้อยมักพบเชื้อรา mucur racemosus กับ 7.40 % ความถี่ของเหตุการณ์ . ทดสอบการแยกเชื้อรา พบว่า ทั้งมีใบผลไม้มะเขือเทศ สุขภาพดี และมีศักยภาพที่จะก่อให้เกิดเชื้อราก่อโรคในมะเขือเทศ ความชื้นสัมพัทธ์สำหรับการพัฒนาเน่าสูงสุดระหว่าง 70-90 % ผลไม้มะเขือเทศเก็บไว้อย่างดีที่ 0-10 องศา C และค่อนข้างไม่ดีที่ 20-30 องศาผลไม้ที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 35 องศา C เป็นเวลา 5 วัน พบว่ามีการเน่าโดยสิ้นเชิง การใช้ที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษามะเขือเทศอยู่ระหว่าง 60 ถึง 90 % การจัดการของกระเป๋า ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์มีความสำคัญในการควบคุมเชื้อจุลินทรีย์ของมะเขือเทศ ผลไม้ โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อน เช่น ไนจีเรีย