The internet of things (IoT) is the

The internet of things (IoT) is the internetworking of physical devices, vehicles, buildings and other items—embedded with electronics, software, sensors, actuators, and network connectivity that enable these objects to collect and exchange data.[1] In 2013 the Global Standards Initiative on Internet of Things (IoT-GSI) defined the IoT as "the infrastructure of the information society." [2] The IoT allows objects to be sensed and/or controlled remotely across existing network infrastructure,[3] creating opportunities for more direct integration of the physical world into computer-based systems, and resulting in improved efficiency, accuracy and economic benefit.[4][5][6][7][8][9] When IoT is augmented with sensors and actuators, the technology becomes an instance of the more general class of cyber-physical systems, which also encompasses technologies such as smart grids, smart homes, intelligent transportation and smart cities. Each thing is uniquely identifiable through its embedded computing system but is able to interoperate within the existing Internet infrastructure. Experts estimate that the IoT will consist of almost 50 billion objects by 2020.[10]

British entrepreneur Kevin Ashton coined the term in 1999 while working at Auto-ID Labs (originally called Auto-ID centers, referring to a global network of objects connected to radio-frequency identification, or RFID).[11] Typically, IoT is expected to offer advanced connectivity of devices, systems, and services that goes beyond machine-to-machine (M2M) communications and covers a variety of protocols, domains, and applications.[12] The interconnection of these embedded devices (including smart objects), is expected to usher in automation in nearly all fields, while also enabling advanced applications like a smart grid,[13] and expanding to the areas such as smart cities.[14][15]

"Things," in the IoT sense, can refer to a wide variety of devices such as heart monitoring implants, biochip transponders on farm animals, electric clams in coastal waters,[16] automobiles with built-in sensors, DNA analysis devices for environmental/food/pathogen monitoring[17] or field operation devices that assist firefighters in search and rescue operations.[18] Legal scholars suggest to look at "Things" as an "inextricable mixture of hardware, software, data and service".[19] These devices collect useful data with the help of various existing technologies and then autonomously flow the data between other devices.[20] Current market examples include smart thermostat systems and washer/dryers that use Wi-Fi for remote monitoring.

As well as the expansion of Internet-connected automation into a plethora of new application areas, IoT is also expected to generate large amounts of data from diverse locations, with the consequent necessity for quick aggregation of the data, and an increase in the need to index, store, and process such data more effectively. IoT is one of the platforms of today's Smart City, and Smart Energy Management Systems.[2

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อินเทอร์เน็ตของสิ่ง (IoT) เป็น internetworking ของอุปกรณ์ทางกายภาพ ยานพาหนะ อาคาร และรายการอื่น ๆ — ฝัง ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ เซ็นเซอร์ actuators และการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เปิดใช้งานวัตถุเหล่านี้เก็บรวบรวม และแลกเปลี่ยนข้อมูล [1] ใน 2013 โครงการมาตรฐานทั่วโลกบนอินเทอร์เน็ตของสิ่ง (IoT GSI) กำหนดอินเป็น "โครงสร้างพื้นฐานของสังคมข้อมูล" [2] IoT ให้วัตถุจะรู้สึก หรือควบคุมจากระยะไกลที่มีอยู่ระบบเครือข่าย, [3] สร้างโอกาสสำหรับการบูรณาการโดยตรงมากของโลกทางกายภาพลงในระบบคอมพิวเตอร์ และเกิดประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ความแม่นยำ และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ [4] [5] [6] [7] [8] [9] เมื่อ IoT คือเติมเต็มกับเซนเซอร์และ actuators เทคโนโลยีที่กลายเป็น อินสแตนซ์ของคลาทั่วไปของระบบทางกายภาพไซเบอร์ ซึ่งยัง ครอบคลุมถึงเทคโนโลยีสมาร์ทกริด บ้านสมาร์ท การขนส่งอัจฉริยะ และอัจฉริยะเมืองเช่น แต่ละสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนบุคคลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ฝังตัว แต่สามารถที่จะสามารถทำงานร่วมภายในโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า อินจะประกอบด้วยวัตถุเกือบ 50 ล้านในปี 2563 [10]ผู้ประกอบการชาวอังกฤษเควินแอชตันเด็ดในปี 1999 ขณะทำงานที่ห้องแล็บ ID อัตโนมัติ (เดิมเรียกว่าศูนย์(Auto-id) หมายถึงเครือข่ายทั่วโลกของวัตถุที่เชื่อมต่อกับ การระบุคลื่นความถี่วิทยุหรือ RFID) [11] โดยทั่วไป IoT คาดว่าจะมีการเชื่อมต่อขั้นสูงของอุปกรณ์ ระบบ และการบริการที่เหนือเครื่องเครื่องสื่อสาร (M2M) ไป และครอบคลุมความหลากหลายของโปรโตคอล โดเมน และการใช้งาน [12] คาดว่าต่ออุปกรณ์ฝังตัวเหล่านี้ (รวมถึงวัตถุสมาร์ท), ในระบบอัตโนมัติในเกือบทุกเขต ในขณะที่ยังเปิดใช้งานโปรแกรมประยุกต์ขั้นสูงเช่นตารางสมาร์ท, [13] และขยายไปยังพื้นที่เช่นเมืองสมาร์ท [14] [15]"สิ่งที่ ในแง่ IoT สามารถอ้างอิงถึงความหลากหลายของอุปกรณ์เช่นหัวใจเทียม ดาวเทียม biochip ในฟาร์มสัตว์ หอยไฟฟ้าในน่านน้ำชายฝั่ง ตัวเซ็นเซอร์ อุปกรณ์วิเคราะห์ดีเอ็นเอสำหรับการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม/อาหาร/เชื้อโรค [17] หรือฟิลด์การดำเนินการอุปกรณ์ที่ช่วยค้นหาและการกู้ภัยดับเพลิงรถ [16] ในการตรวจสอบ [18] นักวิชาการทางกฎหมายแนะนำการดู "สิ่ง" เป็น "ผูกพันผสมของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล และบริการ" [19] อุปกรณ์เหล่านี้เก็บรวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์ของเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีอยู่ และไหลข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างอิสระ [20] ปัจจุบันตลาดตัวอย่างเช่นระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะและเครื่องซักผ้า/เครื่องอบผ้าที่ใช้ Wi-fi สำหรับการตรวจสอบระยะไกลเช่นเดียวกับการขยายตัวของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทำงานอัตโนมัติในพื้นที่แอพลิเคชันใหม่ให้เลือกมากมาย IoT ยังคาดว่าจะสร้างข้อมูลจำนวนมากจากสถานที่หลากหลาย มีความจำเป็นตที่ตามมาสำหรับการรวมอย่างรวดเร็วของข้อมูล และการเพิ่มขึ้นของ ต้องดัชนี จัดเก็บ ประมวลผลข้อมูลดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ IoT เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ของสมาร์ทซิตี้ และระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะ [2

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อินเทอร์เน็ตของสิ่ง (IoT) เป็น Internetworking ของอุปกรณ์ทางกายภาพยานพาหนะอาคารและรายการฝังตัวอื่น ๆ ที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า, ซอฟแวร์เซ็นเซอร์ตัวกระตุ้นและการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ช่วยให้วัตถุเหล่านี้ในการเก็บรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้. [1] ในปี 2013 ทั่วโลกมาตรฐานความคิดริเริ่มในอินเทอร์เน็ตของสิ่ง (IoT-GSI) กำหนด IoT เป็น "โครงสร้างพื้นฐานของสังคมข้อมูล." [2] IoT ช่วยให้วัตถุที่จะรู้สึกและ / หรือควบคุมจากระยะไกลผ่านเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ [3] การสร้างโอกาสสำหรับการรวมโดยตรงมากขึ้นของโลกทางกายภาพในระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้และมีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพความถูกต้องและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ [4] [5] [6] [7] [8] [9] เมื่อ IoT เติมด้วยเซ็นเซอร์และตัวกระตุ้นเทคโนโลยีที่จะกลายเป็นตัวอย่างของระดับทั่วไปมากขึ้นของระบบไซเบอร์ทางกายภาพซึ่งยังครอบคลุมเทคโนโลยีเช่นสมาร์ท ร่อน, บ้านสมาร์ทขนส่งอัจฉริยะและเมืองสมาร์ท สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนที่ระบุตัวตนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ฝัง แต่สามารถที่จะทำงานร่วมกันภายในโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า IoT จะประกอบด้วยเกือบ 50000000000 วัตถุในปี 2020 [10]

ผู้ประกอบการเควินแอชตันอังกฤษคำประกาศเกียรติคุณในปี 1999 ขณะที่ทำงานที่ Auto-ID Labs ( แต่เดิมเรียกว่าศูนย์ Auto-ID หมายถึงเครือข่ายทั่วโลกของวัตถุที่เชื่อมต่อ การระบุคลื่นความถี่วิทยุหรือ RFID). [11] โดยปกติ IoT คาดว่าจะมีการเชื่อมต่อขั้นสูงของอุปกรณ์ระบบและบริการที่นอกเหนือไปจากเครื่อง-machine (M2M สื่อสาร) และครอบคลุมความหลากหลายของโปรโตคอลโดเมน และการใช้งาน. [12] เชื่อมต่อโครงข่ายของอุปกรณ์เหล่านี้ฝังตัว (รวมทั้งวัตถุมาร์ท) ที่คาดว่าจะนำในระบบอัตโนมัติในเกือบทุกสาขาในขณะที่ยังมีการเปิดใช้งานการใช้งานขั้นสูงเช่นตารางสมาร์ท [13] และขยายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เช่นสมาร์ท เมือง. [14] [15]

"สิ่งที่" ในความรู้สึก IoT, สามารถอ้างถึงความหลากหลายของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นการตรวจสอบหัวใจเทียม transponders biochip ในสัตว์เลี้ยงในฟาร์มหอยไฟฟ้าในน่านน้ำชายฝั่งทะเล [16] รถยนต์กับกระหึ่มได้ เซ็นเซอร์อุปกรณ์การวิเคราะห์ดีเอ็นเอสิ่งแวดล้อม / อาหาร / การตรวจสอบเชื้อโรค [17] หรืออุปกรณ์การดำเนินงานสนามที่ช่วยดับเพลิงในการค้นหาและช่วยเหลือการดำเนินงาน. [18] นักวิชาการนักกฎหมายแนะนำให้ดูที่ "สิ่งที่" เป็น "ส่วนผสมหนีไม่รอดของฮาร์ดแวร์, ซอฟแวร์ ข้อมูลและบริการ ". [19] อุปกรณ์เหล่านี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยีที่มีอยู่ต่างๆแล้วตนเองการไหลของข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อื่น ๆ . [20] ตัวอย่างปัจจุบันตลาดรวมถึงระบบสมาร์ทเทอร์โมและเครื่องซักผ้า / เครื่องอบแห้งที่ใช้ Wi-Fi สำหรับการตรวจสอบระยะไกล.

เช่นเดียวกับการขยายตัวของระบบอัตโนมัติที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเข้ามามากมายเหลือเฟือของพื้นที่ใบสมัครใหม่ที่ IoT ยังคาดว่าจะสร้างข้อมูลจำนวนมากจากสถานที่ที่มีความหลากหลายที่มีความจำเป็นที่เกิดขึ้นสำหรับการรวมตัวที่รวดเร็วของข้อมูลและเพิ่มขึ้น ในความต้องการที่จะสร้างดัชนีจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น IoT เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มของวันนี้สมาร์ทซิตี้และสมาร์ทระบบการจัดการพลังงาน. [2