มันสำปะหลัง (Cassava : Manihot esculenta) พืชอาหารของไหมป่าอีรี่ กำลัง การแปล - มันสำปะหลัง (Cassava : Manihot esculenta) พืชอาหารของไหมป่าอีรี่ กำลัง ไทย วิธีการพูด

มันสำปะหลัง (Cassava : Manihot escu

มันสำปะหลัง (Cassava : Manihot esculenta) พืชอาหารของไหมป่าอีรี่ กำลังมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นจากพืชอาหารสัตว์ กลายมาเป็นพืชพลังงานที่สำคัญในการผลิต “เอทานอล” เพื่อใช้ผสมกับน้ำมันเบนซิน เรียกว่า “แก็สโซฮอล์” เพื่อลดการสูญเสียเงินตราให้ต่างประเทศ จากการนำเข้าน้ำมันซึ่งนับวันจะมีราคาแพงมากยิ่งขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติในหลักการของโครงการผลิตแอลกอฮอล์จากพืช เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548 ต่อมาในปี 2545 กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการพิจารณาอนุญาตให้ตั้งโรงงานผลิต และจำหน่ายเอทานอลเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง โดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ 4 โรงงาน ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ 4 โรงงาน บริษัท ผลิตเอทานอล จากมันสำปะหลัง 1โรงงาน ที่มีกำลังการผลิต 130,000 ลิตรต่อวัน ทำงาน 330 วันต่อปี ใช้หัวมันสำปะหลัง 750 – 800 ตันต่อวัน หรือประมาณ 250,000 ตัน ต่อปี ต้องใช้พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังถึง 100,000 ไร่ ทราบว่ากำลังมีการขออนุญาตจัดตั้งโรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังและอ้อยอีก 18 โรงงานถ้าเป็นโรงงานที่ใช้มันสำปะหลังอีก 50 % หรือ 9 โรงงาน จะต้องใช้พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังถึง 900,000 ไร่ รวมเป็น 1 ล้านไร่ ในขณะที่ประเทศมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง 6.9 ล้านไร่ ในปี 2547 เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ และผลผลิตส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการส่งออก ดังนั้นถ้าเราต้องการปลูกมันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอล และอาหารสัตว์ดังกล่าว จะต้องใช้พื้นที่ ประมาณ 8 ล้านไร่ พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสานและภาคตะวันออก สำหรับจังหวัดมหาสารคาม มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังรวมทั้งสิ้น 336,798 ไร่ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะมีใบมันสำปะหลังเป็นผลพลอยได้เพื่อใช้เลี้ยงไหมป่าจำนวนมหาศาล จากการศึกษาพบว่าถ้าเราเก็บใบมันสำปะหลังน้อยกว่า 30 % ของใบทั้งหมดที่อยู่บนต้นจะไม่มีผลกระทบต่อผลผลิต หัวมันสำปะหลัง การเลี้ยงไหมป่า 20,000 ตัว (1 กล่อง) จะใช้ใบมันสำปะหลัง 600 – 700 กิโลกรัม (เก็บจากแปลงมันสำปะหลัง 2 ไร่) สามารถเลี้ยงได้ 3 ครั้ง ต่อปี ดังนั้นถ้าเราเลี้ยงไหมป่าอีรี่ จากพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเพียง 1 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมดหรือ 2 ล้านไร่ จะเลี้ยงไหมป่าได้ถึง 1 ล้านกล่องต่อครั้ง หรือ 3 ล้านกล่องต่อปี ได้ผลผลิตรังไหมป่าประมาณ 105,000 ตัน สาวเป็นเส้นใยได้ประมาณ 7,500 ตัน มูลค่า 7,500 ล้านบาท ในจังหวัดมหาสารคาม ถ้ามีการเลี้ยงไหมอีรี่ จากพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเพียงครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดจะได้ผลิตเส้นไหมป่า ประมาณ 884 ตัน มีมูลค่าถึง 884 ล้านบาท
ในอนาคตจึงคิดว่า การเลี้ยงไหมป่าอีรี่เป็นอาชีพเสริมของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง เป็นอาชีพหลัก เพราะการปลูกมันสำปะหลังเกษตรกรจะมีเวลาว่างมากพอระหว่างรอผลผลิตหัวมันสำปะหลังเพื่อเลี้ยงไหมป่า เมื่อมีความหวังในการสร้างเงินจากเรื่องนี้ ศูนย์นวัตกรรมไหม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คงนิ่งดูดายไม่ได้ ที่จะใช้โอกาสนี้มาพัฒนาการเลี้ยงไหมป่าให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรในชุมชนต่างๆ ที่อยู่ท่ามกลางไร่มันสำปะหลัง อันกว้างใหญ่ของจังหวัดมหาสารคาม ร่วมสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชาวอีสานอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่ง

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
มันสำปะหลัง (มันสำปะหลัง: Manihot esculenta) พืชอาหารของไหมป่าอีรี่กำลังมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นจากพืชอาหารสัตว์กลายมาเป็นพืชพลังงานที่สำคัญในการผลิต "เอทานอล" เพื่อใช้ผสมกับน้ำมันเบนซินเรียกว่า "แก็สโซฮอล์" เพื่อลดการสูญเสียเงินตราให้ต่างประเทศจากการนำเข้าน้ำมันซึ่งนับวันจะมีราคาแพงมากยิ่งขึ้นโดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติในหลักการของโครงการผลิตแอลกอฮอล์จากพืชเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548 ต่อมาในปี 2545 กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการพิจารณาอนุญาตให้ตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายเอทานอลเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง โดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ 4 โรงงานใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ 4 โรงงานบริษัทผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง 1โรงงาน ที่มีกำลังการผลิต 130,000 ลิตรต่อวันทำงาน 330 วันต่อปีใช้หัวมันสำปะหลัง 750 – 800 ตันต่อวันหรือประมาณ 250000 ตันต่อปีต้องใช้พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังถึง 100000 ไร่ทราบว่ากำลังมีการขออนุญาตจัดตั้งโรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังและอ้อยอีก 18 โรงงานถ้าเป็นโรงงานที่ใช้มันสำปะหลังอีก 50% หรือ 9 โรงงานจะต้องใช้พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังถึง 900,000 ไร่รวมเป็น 1 ล้านไร่ในขณะที่ประเทศมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง 6.9 ล้านไร่ในปี 2547 เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์และผลผลิตส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการส่งออกดังนั้นถ้าเราต้องการปลูกมันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลและอาหารสัตว์ดังกล่าวจะต้องใช้พื้นที่ประมาณ 8 ล้านไร่พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสานและภาคตะวันออกสำหรับจังหวัดมหาสารคามมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังรวมทั้งสิ้น 336,798 ไร่เมื่อเป็นเช่นนี้จะมีใบมันสำปะหลังเป็นผลพลอยได้เพื่อใช้เลี้ยงไหมป่าจำนวนมหาศาลจากการศึกษาพบว่าถ้าเราเก็บใบมันสำปะหลังน้อยกว่าของใบทั้งหมดที่อยู่บนต้นจะไม่มีผลกระทบต่อผลผลิต 30% หัวมันสำปะหลังการเลี้ยงไหมป่า 20000 ตัว (1 กล่อง) จะใช้ใบมันสำปะหลัง 600 – 700 กิโลกรัม (เก็บจากแปลงมันสำปะหลัง 2 ไร่) สามารถเลี้ยงได้ 3 ครั้งต่อปีดังนั้นถ้าเราเลี้ยงไหมป่าอีรี่จากพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเพียง 1 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมดหรือ 2 ล้านไร่จะเลี้ยงไหมป่าได้ถึง 1 ล้านกล่องต่อครั้งหรือ 3 ล้านกล่องต่อปีได้ผลผลิตรังไหมป่าประมาณ 105,000 ตันสาวเป็นเส้นใยได้ประมาณ 7500 ตันมูลค่า 7500 ล้านบาทในจังหวัดมหาสารคามถ้ามีการเลี้ยงไหมอีรี่จากพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเพียงครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดจะได้ผลิตเส้นไหมป่าประมาณ 884 ตันมีมูลค่าถึง 884 ล้านบาทในอนาคตจึงคิดว่าการเลี้ยงไหมป่าอีรี่เป็นอาชีพเสริมของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเป็นอาชีพหลักเพราะการปลูกมันสำปะหลังเกษตรกรจะมีเวลาว่างมากพอระหว่างรอผลผลิตหัวมันสำปะหลังเพื่อเลี้ยงไหมป่าเมื่อมีความหวังในการสร้างเงินจากเรื่องนี้ศูนย์นวัตกรรมไหมมหาวิทยาลัยมหาสารคามคงนิ่งดูดายไม่ได้ที่จะใช้โอกาสนี้มาพัฒนาการเลี้ยงไหมป่าให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรในชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่ท่ามกลางไร่มันสำปะหลังอันกว้างใหญ่ของจังหวัดมหาสารคามร่วมสร้างงานสร้างรายได้ให้ชาวอีสานอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่ง
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
มันสำปะหลัง (มันสำปะหลัง: Manihot esculenta) พืชอาหารของไหมป่าอีรี่ "เอทานอล" เพื่อใช้ผสมกับน้ำมันเบนซินเรียกว่า "แก็สโซฮอล์" เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548 ต่อมาในปี 2545 โดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ 4 โรงงานใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ 4 โรงงาน บริษัท ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง 1 โรงงานที่มีกำลังการผลิต 130,000 ลิตรต่อวันทำงาน 330 วันต่อปีใช้หัวมันสำปะหลัง 750-800 ตันต่อวันหรือประมาณ 250,000 ตันต่อปีต้องใช้พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังถึง 100,000 ไร่ 18 50% หรือ 9 โรงงาน 900,000 ไร่รวมเป็น 1 ล้านไร่ 6.9 ล้านไร่ในปี 2547 เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ และอาหารสัตว์ดังกล่าวจะต้องใช้พื้นที่ประมาณ 8 ล้านไร่ สำหรับจังหวัดมหาสารคาม 336,798 ไร่เมื่อเป็นเช่นนี้ 30% หัวมันสำปะหลังการเลี้ยงไหมป่า 20,000 ตัว (1 กล่อง) จะใช้ใบมันสำปะหลัง 600-700 กิโลกรัม (เก็บจากแปลงมันสำปะหลัง 2 ไร่) สามารถเลี้ยงได้ 3 ครั้งต่อปีดังนั้นถ้าเราเลี้ยงไหมป่าอีรี่จากพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง เพียง 1 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมดหรือ 2 ล้านไร่จะเลี้ยงไหมป่าได้ถึง 1 ล้านกล่องต่อครั้งหรือ 3 ล้านกล่องต่อปีได้ผลผลิตรังไหมป่าประมาณ 105,000 ตันสาวเป็นเส้นใยได้ประมาณ 7,500 ตันมูลค่า 7,500 ล้านบาทในจังหวัดมหาสารคาม ถ้ามีการเลี้ยงไหมอีรี่ ประมาณ 884 ตันมีมูลค่าถึง 884
บาทล้านในอนาคตจึงคิดว่าได้ เป็นอาชีพหลัก ศูนย์นวัตกรรมไหมมหาวิทยาลัยมหาสารคามคงนิ่งดูดายไม่ได้ ที่อยู่ท่ามกลางไร่มันสำปะหลังอันกว้างใหญ่ของจังหวัดมหาสารคามร่วมสร้างงาน

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
มันสำปะหลัง ( มันสำปะหลัง :มันสำปะหลัง ) พืชอาหารของไหมป่าอีรี่กำลังมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นจากพืชอาหารสัตว์กลายมาเป็นพืชพลังงานที่สำคัญในการผลิต " เอทานอล " เพื่อใช้ผสมกับน้ำมันเบนซินเรียกว่า " แก็สโซฮอล์ "จากการนำเข้าน้ำมันซึ่งนับวันจะมีราคาแพงมากยิ่งขึ้นโดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติในหลักการของโครงการผลิตแอลกอฮอล์จากพืชเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548 ต่อมาในปี 2545และจำหน่ายเอทานอลเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงโดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ 4 โรงงานใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ 4 โรงงานบริษัทผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง 1 โรงงานที่มีกำลังการผลิต 130 ,000 ลิตรต่อวันทำงาน 330 วันต่อปีใช้หัวมันสำปะหลัง 750 และ 800 ตันต่อวันหรือประมาณ 250 , 000 ตันต่อปีต้องใช้พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังถึง 100000 ไร่ 18 ทราบว่ากำลังมีการขออนุญาตจัดตั้งโรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังและอ้อยอีกโรงงานถ้าเป็นโรงงานที่ใช้มันสำปะหลังอีก 50% ค็อค 9 โรงงานจะต้องใช้พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังถึง 900 ,000 ไร่รวมเป็น 1 ล้านไร่ในขณะที่ประเทศมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง 69 ล้านไร่สามารถ 2547 เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์และผลผลิตส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการส่งออกดังนั้นถ้าเราต้องการปลูกมันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลและอาหารสัตว์ดังกล่าวจะต้องใช้พื้นที่ประมาณ 8 ล้านไร่มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังรวมทั้งสิ้น 336 สำหรับจังหวัดมหาสารคาม ,และไร่เมื่อเป็นเช่นนี้จะมีใบมันสำปะหลังเป็นผลพลอยได้เพื่อใช้เลี้ยงไหมป่าจำนวนมหาศาลจากการศึกษาพบว่าถ้าเราเก็บใบมันสำปะหลังน้อยกว่า 30% ของใบทั้งหมดที่อยู่บนต้นจะไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตหัวมันสำปะหลัง20000 ตัว ( 1 กล่อง ) จะใช้ใบมันสำปะหลัง 600 - 700 กิโลกรัม ( เก็บจากแปลงมันสำปะหลัง 2 ไร่ ) สามารถเลี้ยงได้ 3 ครั้งต่อปีดังนั้นถ้าเราเลี้ยงไหมป่าอีรี่จากพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเพียง 1 the 4 ของพื้นที่ทั้งหมดหรือ 2 ล้านไร่1 ล้านกล่องต่อครั้งค็อค 3 ล้านกล่องต่อปีได้ผลผลิตรังไหมป่าประมาณ 105 ,000 ตันสาวเป็นเส้นใยได้ประมาณ 7500 ตันมูลค่า 7500 ล้านบาทในจังหวัดมหาสารคามถ้ามีการเลี้ยงไหมอีรี่จากพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเพียงครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดจะได้ผลิตเส้นไหมป่าประมาณ 884 ตันมีมูลค่าถึง 884 ล้านบาท
ในอนาคตจึงคิดว่าการเลี้ยงไหมป่าอีรี่เป็นอาชีพเสริมของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเป็นอาชีพหลักเพราะการปลูกมันสำปะหลังเกษตรกรจะมีเวลาว่างมากพอระหว่างรอผลผลิตหัวมันสำปะหลังเพื่อเลี้ยงไหมป่าศูนย์นวัตกรรมไหมมหาวิทยาลัยมหาสารคามคงนิ่งดูดายไม่ได้ที่จะใช้โอกาสนี้มาพัฒนาการเลี้ยงไหมป่าให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรในชุมชนต่างๆที่อยู่ท่ามกลางไร่มันสำปะหลังร่วมสร้างงานสร้างรายได้ให้ชาวอีสานอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่ง

การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: