เล่ห์ลูกเขยเค้าโครงจากบทประพันธ์ เรื่อง นิทานไม่รู้จบมีท่านเศรษฐีเฒ่าผ การแปล - เล่ห์ลูกเขยเค้าโครงจากบทประพันธ์ เรื่อง นิทานไม่รู้จบมีท่านเศรษฐีเฒ่าผ ไทย วิธีการพูด

เล่ห์ลูกเขยเค้าโครงจากบทประพันธ์ เร

เล่ห์ลูกเขย
เค้าโครงจากบทประพันธ์ เรื่อง นิทานไม่รู้จบ

มีท่านเศรษฐีเฒ่าผู้หนึ่งชอบฟังนิทานเป็นชีวิตจิตใจ หายใจเข้าก็ เฮ้อ นิทาน หายใจออกก็ เฮ้อ นิทาน แกมีลูกสาวแสนสวย วัยสาว 18 -19 ชื่อ บัวเรียน สวยมาก จึงมีชายมากมายหลายหน้ามาแวะมาเวียนหาอยู่เป็นประจำ แต่ก็ถูกท่านเศรษฐี คะยั้นคะยอขอให้เล่านิทานให้ฟังเป็นการขัดจังหวะ บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายหวังที่จะเอาชนะว่าที่พ่อตา ก็เล่านิทานออกมาหลายเรื่องจนหมดไส้หมดพุงเพื่อหวังจะได้เป็นลูกเขย แต่พอฟังจบก็ไม่มีเรื่องเล่าแล้วท่านเศรษฐีก็อยากฟังนิทานจากชายอื่นต่อไป จึงยังมิได้ยกลูกสาวให้ใคร

ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็ขยาดไปตามๆกัน ไม่รู้จะสรรหาวิธีใด ครั้นหลายวันมานี่ไม่มีชายใดมาเล่านิทานให้ฟัง แกก็หงุดหงิดไม่สบอารมณ์ตามประสาวัยทอง แกจึงคิดอุบายขึ้นมาว่า ใครสามารถเล่า “นิทานไม่รู้จบ” จะยกลูกสาวให้ ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็มีหวังกันอีกครั้ง โดยไปสืบเสาะหานิทานจากต่างแดนไกลหลายๆเรื่องมาเล่าให้ฟัง แต่ว่าถึงจะเล่าหลายเรื่องและยาวอย่างไร ก็ต้องจบลงภายในวันเดียวไม่วันใดก็วันหนึ่ง จึงไม่มีใครได้แต่งงานกับลูกสาวสักที เศรษฐีเมื่อได้ฟังนิทานหลายเรื่อง ก็มีจิตใจแบ่งบานยิ้มแย้มแจ่มใสดังเดิม


อยู่มาวันหนึ่ง มีหนุ่มพเนจรจากแดนไกล ชื่อ ทับ ผ่านมาได้ยินเรื่องราว เกี่ยวกับนิทานไม่รู้จบ จึงอาสาจะลองดีกับท่านเศรษฐี จึงเล่า “นิทานไม่รู้จบ” ให้ท่านเศรษฐีฟัง อันมีเนื้อความต่อไปนี้
“ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีตากับยายสองคนมีอาชีพทำนาปลูกข้าวไว้หลายสิบไร่ ครั้งถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็นำข้าวเปลือกใส่ไว้ในยุ้งฉาง แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ แถวนั้นมีนกสองผัวเมียอาศัยอยู่ เห้นยุ้งฉางมีรอยโหว่จึงบินไปขโมยข้าวเปลือกของตากับยายกินทุกวัน โดยตัวหนึ่งจะเป็นยามอยู่คอยอยู่ข้างนอกรอ ผลัดกับตัวที่บินไปคาบข้าวเปลือก เป็นอยู่เช่นนี้หลายวัน จากวันเป็นเดือน อันว่าข้าวเปลือกนั้นไซร้ ก็หาหมดไม่ ดังนั้น “เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออก ตัวเมียก็บินเข้า พอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า ครั้นพอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก ตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า”


ชายหนุ่มเล่าอย่างนี้วนไปวนมาใช้เวลาไป 1 วันเต็มๆ เศรษฐีเริ่มหงุดหงิด จึงเอ่ยปากถามว่า “มันเข้าบินออกอย่างนี้นิทานมันจะเดินหน้ายังไงว่ะ” เจ้าทับตอบว่า “แหม ก็ใจเย็นๆซีครับ....ก็มีข้าวเต็มยุ้งกว่ามันจะคาบไปหมด มันก็บินจนนับครั้งไม่ถ้วนนู่นแหละจ้ะ”
ท่านเศรษฐีจึงรู้ว่ามันเป็นเล่ห์ลูกเล่นของเขาที่ทำให้ตนไม่สามารถทนฟังได้ จึงแกล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อเอ็งเล่าได้ ข้าก็ฟังได้ เอ็งมีปัญญาเล่าก็เล่าไป ฝ่ายนางบัวเรียน เมื่อเห็นชายหนุ่มมีความพยามและเห้นในความเฉลียวฉลาดจึง ตักน้ำเย็นใส่ขันมาให้ดื่มแก้คอแห้ง เจ้าทับจึงเล่าต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ



“เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออก ตัวเมียก็บินเข้า พอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก”


ชายหนุ่มเล่าอย่างนี้จนเวลาล่วงเข้าสู่วันที่ 3 ท่านเศรษฐีไม่อยากจะฟังแล้ว แต่ก็ไม่กล้ายอมแพ้ จนเวลาผ่านไป 7 วัน 7 คืนจนเศรษฐีแทบจะบ้าเป็นประสาทตาย เจ้าทับก็เล่าไปจนคอแหบคอแห้ง จนครบ 15 วัน เจ้าทับหมดเสียงที่จะเล่าจึงได้คลานไปกระซิบข้างหูของเศรษฐี “เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออก ตัวเมียก็บินเข้า พอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก”
เศรษฐีสุดจะทน “พอแล้ว พอแล้วโว้ย ตูจะบ้าตายอยู่แล้ว
“แต่นิทานยังไม่จบนะครับ มาๆๆผมจะเล่าต่อ พอตัวผู้..........” เจ้าทับพูด
“กูบออกว่าไม่ต้อง เรื่องนี้ก็ไม่อยากฟังแล้ว” เศรษฐีตะโกน
“อย่างนั้นผมก็ชนะน่ะสิ ผมยังเล่าไม่ถึงครึ่งท่านก็เบื่อซะก่อน...เอ่อ อันที่จริงผมยังมีนิทานขนาดพอดีๆที่สนุกอีกนับไม่ถ้วน ไว้แต่งงานเสร็จแล้ว ผมจะเล่าให้ท่านฟังทุกวัน รับรองไม่ซ้ำแม้แต่เรื่องเดียว
“เออ แล้วเอ็งก็ไม่บอกตั้งแต่แรก” ท่านเศรษฐีได้ฟังดังนั้นค่อยหายโกรธ และพอใจที่ได้เขยดีๆแบบนี้ แสดงว่าเขารักลูกสาวเราจริง........


ข้อคิด ความพยามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่นั้นนะจ๊ะ แต่ถ้าพยายามขนาดนี้............เอ่อ..........เอ่อ...


ภาส ศิษย์พี่ร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมความเป็นอีสานด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นอีสาน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
เล่ห์ลูกเขยเค้าโครงจากบทประพันธ์เรื่องนิทานไม่รู้จบมีท่านเศรษฐีเฒ่าผู้หนึ่งชอบฟังนิทานเป็นชีวิตจิตใจหายใจเข้าก็เฮ้อนิทานหายใจออกก็เฮ้อนิทานแกมีลูกสาวแสนสวยวัยสาว 18 -19 ชื่อบัวเรียนสวยมากจึงมีชายมากมายหลายหน้ามาแวะมาเวียนหาอยู่เป็นประจำแต่ก็ถูกท่านเศรษฐีคะยั้นคะยอขอให้เล่านิทานให้ฟังเป็นการขัดจังหวะบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายหวังที่จะเอาชนะว่าที่พ่อตาก็เล่านิทานออกมาหลายเรื่องจนหมดไส้หมดพุงเพื่อหวังจะได้เป็นลูกเขยแต่พอฟังจบก็ไม่มีเรื่องเล่าแล้วท่านเศรษฐีก็อยากฟังนิทานจากชายอื่นต่อไปจึงยังมิได้ยกลูกสาวให้ใครชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็ขยาดไปตามๆกันไม่รู้จะสรรหาวิธีใดครั้นหลายวันมานี่ไม่มีชายใดมาเล่านิทานให้ฟังแกก็หงุดหงิดไม่สบอารมณ์ตามประสาวัยทองแกจึงคิดอุบายขึ้นมาว่าใครสามารถเล่า "นิทานไม่รู้จบ" จะยกลูกสาวให้ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็มีหวังกันอีกครั้งโดยไปสืบเสาะหานิทานจากต่างแดนไกลหลายๆเรื่องมาเล่าให้ฟังแต่ว่าถึงจะเล่าหลายเรื่องและยาวอย่างไรก็ต้องจบลงภายในวันเดียวไม่วันใดก็วันหนึ่งจึงไม่มีใครได้แต่งงานกับลูกสาวสักทีเศรษฐีเมื่อได้ฟังนิทานหลายเรื่องก็มีจิตใจแบ่งบานยิ้มแย้มแจ่มใสดังเดิมอยู่มาวันหนึ่งมีหนุ่มพเนจรจากแดนไกลชื่อทับผ่านมาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานไม่รู้จบจึงอาสาจะลองดีกับท่านเศรษฐีจึงเล่า "นิทานไม่รู้จบ" ให้ท่านเศรษฐีฟังอันมีเนื้อความต่อไปนี้“ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีตากับยายสองคนมีอาชีพทำนาปลูกข้าวไว้หลายสิบไร่ ครั้งถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็นำข้าวเปลือกใส่ไว้ในยุ้งฉาง แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ แถวนั้นมีนกสองผัวเมียอาศัยอยู่ เห้นยุ้งฉางมีรอยโหว่จึงบินไปขโมยข้าวเปลือกของตากับยายกินทุกวัน โดยตัวหนึ่งจะเป็นยามอยู่คอยอยู่ข้างนอกรอ ผลัดกับตัวที่บินไปคาบข้าวเปลือก เป็นอยู่เช่นนี้หลายวัน จากวันเป็นเดือน อันว่าข้าวเปลือกนั้นไซร้ ก็หาหมดไม่ ดังนั้น “เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออก ตัวเมียก็บินเข้า พอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า ครั้นพอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก ตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า” ชายหนุ่มเล่าอย่างนี้วนไปวนมาใช้เวลาไป 1 วันเต็ม ๆ เศรษฐีเริ่มหงุดหงิดจึงเอ่ยปากถามว่า "มันเข้าบินออกอย่างนี้นิทานมันจะเดินหน้ายังไงว่ะ" เจ้าทับตอบว่า "แหมก็ใจเย็นๆซีครับ... ก็มีข้าวเต็มยุ้งกว่ามันจะคาบไปหมดมันก็บินจนนับครั้งไม่ถ้วนนู่นแหละจ้ะ"ท่านเศรษฐีจึงรู้ว่ามันเป็นเล่ห์ลูกเล่นของเขาที่ทำให้ตนไม่สามารถทนฟังได้จึงแกล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเอ็งเล่าได้ข้าก็ฟังได้เอ็งมีปัญญาเล่าก็เล่าไปฝ่ายนางบัวเรียนเมื่อเห็นชายหนุ่มมีความพยามและเห้นในความเฉลียวฉลาดจึงตักน้ำเย็นใส่ขันมาให้ดื่มแก้คอแห้งเจ้าทับจึงเล่าต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ“เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออก ตัวเมียก็บินเข้า พอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก” ชายหนุ่มเล่าอย่างนี้จนเวลาล่วงเข้าสู่วันที่ 3 ท่านเศรษฐีไม่อยากจะฟังแล้ว แต่ก็ไม่กล้ายอมแพ้ จนเวลาผ่านไป 7 วัน 7 คืนจนเศรษฐีแทบจะบ้าเป็นประสาทตาย เจ้าทับก็เล่าไปจนคอแหบคอแห้ง จนครบ 15 วัน เจ้าทับหมดเสียงที่จะเล่าจึงได้คลานไปกระซิบข้างหูของเศรษฐี “เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออก ตัวเมียก็บินเข้า พอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก”เศรษฐีสุดจะทน “พอแล้ว พอแล้วโว้ย ตูจะบ้าตายอยู่แล้ว“แต่นิทานยังไม่จบนะครับ มาๆๆผมจะเล่าต่อ พอตัวผู้..........” เจ้าทับพูด“กูบออกว่าไม่ต้อง เรื่องนี้ก็ไม่อยากฟังแล้ว” เศรษฐีตะโกน“อย่างนั้นผมก็ชนะน่ะสิ ผมยังเล่าไม่ถึงครึ่งท่านก็เบื่อซะก่อน...เอ่อ อันที่จริงผมยังมีนิทานขนาดพอดีๆที่สนุกอีกนับไม่ถ้วน ไว้แต่งงานเสร็จแล้ว ผมจะเล่าให้ท่านฟังทุกวัน รับรองไม่ซ้ำแม้แต่เรื่องเดียว“เออ แล้วเอ็งก็ไม่บอกตั้งแต่แรก” ท่านเศรษฐีได้ฟังดังนั้นค่อยหายโกรธ และพอใจที่ได้เขยดีๆแบบนี้ แสดงว่าเขารักลูกสาวเราจริง........ข้อคิดความพยามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่นั้นนะจ๊ะแต่ถ้าพยายามขนาดนี้... เอ่อ... เอ่อ...ภาสศิษย์พี่ร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมความเป็นอีสานด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นอีสาน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ลูกเขยเล่ห์เค้าโครงจากเนชั่บทประพันธ์เรื่อง หายใจเข้าก็เฮ้อนิทานหายใจออกก็เฮ้อนิทานแกมีลูกสาวแสนสวยวัยสาว 18 -19 ชื่อบัวเรียนสวยมาก แต่ก็ถูกท่านเศรษฐี ไม่รู้จะสรรหาวิธีใด แกจึงคิดอุบายขึ้นมาว่าใครสามารถเล่า "นิทานไม่รู้จบ" จะยกลูกสาวให้ เศรษฐีเมื่อได้ฟังนิทานหลายเรื่อง มีหนุ่มพเนจรจากแดนไกลชื่อทับผ่านมาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานไม่รู้จบจึงอาสาจะลองดีกับท่านเศรษฐีจึงเล่า "นิทานไม่รู้จบ" ให้ท่านเศรษฐีฟัง แต่บังเอิ๊ญบังเอิญแถวนั้นมีนกสองผัวเมียอาศัยอยู่ ผลัดกับตัวที่บินไปคาบข้าวเปลือกเป็นอยู่เช่นนี้หลายวันจากวันเป็นเดือนอันว่าข้าวเปลือกนั้นไซร้ก็หาหมดไม่ดังนั้น "เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออกตัวเมียก็บินเข้าพอตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้บิน ออกตัวเมียก็บินเข้าครั้นพอตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกตัวผู้ก็บินออก 1 วันเต็ม ๆ เศรษฐีเริ่มหงุดหงิดจึงเอ่ยปากถามว่า เจ้าทับตอบว่า "แหม จึงแกล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเอ็งเล่าได้ข้าก็ฟังได้เอ็งมีปัญญาเล่าก็เล่าไปฝ่ายนางบัวเรียน ตัวเมียก็บินเข้าพอตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้ก็บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้บินออกตัวเมีย ก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้ก็บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้า 3 ท่านเศรษฐีไม่อยากจะฟังแล้ว แต่ก็ไม่กล้ายอมแพ้จนเวลาผ่านไป 7 วัน 7 คืนจนเศรษฐีแทบจะบ้าเป็นประสาทตายเจ้าทับก็เล่าไปจนคอแหบคอแห้งจนครบ 15 วัน "เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออกตัวเมียก็บินเข้าพอตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้ก็บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็ บินออกเมื่อตัวผู้บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้ก็บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออกเมื่อตัวผู้บินออกตัวเมียก็บินเข้าเมื่อตัวผู้บินเข้าตัวเมียก็บินออก"เศรษฐีสุดจะทน" พอแล้วพอแล้วโว้ย มาๆ ๆ ผมจะเล่าต่อพอตัวผู้ .......... "เจ้าทับพูด" กูบออกว่าไม่ต้องเรื่องนี้ก็ไม่อยากฟังแล้ว "เศรษฐีตะโกน" อย่างนั้นผมก็ชนะน่ะสิ ไว้แต่งงานเสร็จแล้วผมจะเล่าให้ท่านฟังทุกวันรับรองไม่ซ้ำแม้แต่เรื่องเดียว"เออแล้วเอ็งก็ไม่บอกตั้งแต่แรก" และพอใจที่ได้เขยดีๆแบบนี้ ความพยามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่นั้นนะจ๊ะ






























การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
เล่ห์ลูกเขย
เค้าโครงจากบทประพันธ์เรื่องนิทานไม่รู้จบ

มีท่านเศรษฐีเฒ่าผู้หนึ่งชอบฟังนิทานเป็นชีวิตจิตใจหายใจเข้าก็เฮ้อนิทานหายใจออกก็เฮ้อนิทานแกมีลูกสาวแสนสวย 18 - 19 ชื่อวัยสาวบัวเรียนสวยมากจึงมีชายมากมายหลายหน้ามาแวะมาเวียนหาอยู่เป็นประจำคะยั้นคะยอขอให้เล่านิทานให้ฟังเป็นการขัดจังหวะบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายหวังที่จะเอาชนะว่าที่พ่อตาก็เล่านิทานออกมาหลายเรื่องจนหมดไส้หมดพุงเพื่อหวังจะได้เป็นลูกเขยจึงยังมิได้ยกลูกสาวให้ใคร

ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็ขยาดไปตามๆกันไม่รู้จะสรรหาวิธีใดครั้นหลายวันมานี่ไม่มีชายใดมาเล่านิทานให้ฟังแกก็หงุดหงิดไม่สบอารมณ์ตามประสาวัยทองแกจึงคิดอุบายขึ้นมาว่าใครสามารถเล่า " นิทานไม่รู้จบ "ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็มีหวังกันอีกครั้งโดยไปสืบเสาะหานิทานจากต่างแดนไกลหลายๆเรื่องมาเล่าให้ฟังแต่ว่าถึงจะเล่าหลายเรื่องและยาวอย่างไรก็ต้องจบลงภายในวันเดียวไม่วันใดก็วันหนึ่ง
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: