EpidemiologyMeasles is extremely in

Epidemiology
Measles is extremely infectious and its continued circulation in a community depends on the generation of susceptible hosts by birth of children. In communities which generate insufficient new hosts the disease will die out. This concept was first recognized in measles by Bartlett in 1957, who referred to the minimum number supporting measles as the critical community size (CCS). Analysis of outbreaks in island communities suggested that the CCS for measles is c. 250,000. To achieve herd immunity, more than 95% of the community must be vaccinated due to the ease with which measles is transmitted from person to person.
In 2011, the WHO estimated that 158,000 deaths were caused by measles. This is down from 630,000 deaths in 1990. As of 2013, measles remains the leading cause of vaccine-preventable deaths in the world. In developed countries, death occurs in 1 to 2 cases out of every 1,000 (0.1% - 0.2%).In populations with high levels of malnutrition and a lack of adequate healthcare, mortality can be as high as 10%. In cases with complications, the rate may rise to 20–30%. In 2012, the number of deaths due to measles was 78% lower than in 2000 due to increased rates of immunization among UN member states.
Reported cases
WHO-Region 1980 1990 2000 2005 2014
African Region 1,240,993 481,204 520,102 316,224 71,574
Region of the Americas 257,790 218,579 1,755 66 19,898
Eastern Mediterranean Region 341,624 59,058 38,592 15,069 28,031
European Region 851,849 234,827 37,421 37,332 16,899
South-East Asia Region 199,535 224,925 61,975 83,627 112,418
Western Pacific Region 1,319,640 155,490 176,493 128,016 213,366
Worldwide 4,211,431 1,374,083 836,338 580,287 462,186
Even in countries where vaccination has been introduced, rates may remain high. Measles is a leading cause of vaccine-preventable childhood mortality. Worldwide, the fatality rate has been significantly reduced by a vaccination campaign led by partners in the Measles Initiative: theAmerican Red Cross, the United States' Centers for Disease Control and Prevention (CDC), the United Nations Foundation, UNICEF and the WHO. Globally, measles fell 60% from an estimated 873,000 deaths in 1999 to 345,000 in 2005. Estimates for 2008 indicate deaths fell further to 164,000 globally, with 77% of the remaining measles deaths in 2008 occurring within the Southeast Asian region.
In 2013–14 there were almost 10,000 cases in 30 European countries. Most cases occurred in unvaccinated individuals and over 90% of cases occurred in the five European nations: Germany, Italy, the Netherlands, Romania, and the United Kingdom. In Vietnam, in the Measles Epidemic in the beginning of 2014, unto April 19 had 8,500 measles cases, 114 fatalities, unto May 30 had 21,639 measles cases, 142 fatalities.
Five out of six WHO regions have set goals to eliminate measles, and at the 63rd World Health Assembly in May 2010, delegates agreed a global target of a 95% reduction in measles mortality by 2015 from the level seen in 2000, as well as to move towards eventual eradication. However, no specific global target date for eradication has yet been agreed to as of May 2010.
In 2014, a review by the Centers for Disease Control reported a total of 911 cases of measles from 2001 to 2011, with an annual median number of 61 cases and concluded that "the elimination of endemic measles, rubella, and CRS has been sustained in the United States." However, in 2015, a measles outbreak occurred in the U.S. and spread rather farther than it should have, because misguided ideas about anti-vaccination and vaccination delaying have decreased the community immunity afforded by proper public health programs. In 2015, a U.S. woman died of pneumonia, as a result of measles. She was the first fatality in the USA from measles since 2003. The woman had been vaccinated for measles and was taking immune suppression drugs for another condition. The drugs suppressed the measles immunity, the woman became infected with measles, did not develop a rash, and contracted pneumonia which caused her death.
Between October 2014 and March 2015, a measles outbreak in the German capital of Berlin resulted in at least 782 cases.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิทยาการระบาดโรคหัดเป็นโรคติดเชื้อมาก และการหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องในชุมชนขึ้นอยู่กับรุ่นของโฮสต์ที่ไวต่อโดยการเกิดของเด็ก ในชุมชนที่สร้างใหม่โฮสต์พอ โรคจะตายกันหมด แนวคิดนี้ถูกแรกรู้จักในโรคหัดในบาร์ตเลตใน 1957 ที่เรียกว่าหัดสนับสนุนหมายเลขต่ำสุดขนาดชุมชนสำคัญ (CCS) วิเคราะห์การระบาดในชุมชนเกาะแนะนำว่า CCS สำหรับหัดราว 250000 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันฝูง ต้องฉีดมากกว่า 95% ของชุมชนเนื่องจากที่หัดจะส่งจากคนสู่คนได้อย่างง่ายดาย ในปี 2554 คนประมาณว่า 158,000 เสียชีวิตที่เกิดจากโรคหัด นี้คือลดลงจาก 630,000 เสียชีวิตในปี 1990 ณ 2013 หัดยังคง สาเหตุของวัคซีน preventable ตายในโลก ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ตายเกิดขึ้นในกรณี 1-2 จากทุก 1000 (0.1 - 0.2%) ในกลุ่มประชากรที่มีการขาดสารอาหารระดับสูงและการขาดสุขอนามัยที่เพียงพอ การตายอาจสูงถึง 10% ในกรณีมีภาวะแทรกซ้อน อัตราอาจเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% ใน 2012 จำนวนการตายจากโรคหัดได้ 78% ต่ำกว่าในปี 2000 เนื่องจากการเพิ่มอัตราการรับวัคซีนรัฐสมาชิกสหประชาชาติ กรณีรายงาน ภูมิภาค 1980 1990 2000 2005 2014ภูมิภาคแอฟริกา 1,240,993 481,204 520,102 316,224 71,574ภูมิภาคอเมริกา 257,790 218,579 1,755 66 19,898ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก 341,624 59,058 38,592 15,069 28,031ภูมิภาคยุโรป 851,849 234,827 37,421 37,332 16,899ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 199,535 224,925 61,975 83,627 112,418ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก 1,319,640 155,490 176,493 128,016 213,366ทั่วโลก 4,211,431 1,374,083 836,338 580,287 462,186แม้ในประเทศที่มีการนำวัคซีน ราคาอาจยังคงสูง หัดเป็นสาเหตุของการตายของเด็กวัคซีน preventable ทั่วโลก อัตราผิวได้อย่างมีนัยสำคัญลดลง โดยการฉีดวัคซีนเสริมนำ โดยหุ้นส่วนในการริเริ่มหัด: theAmerican กาชาด สหรัฐอเมริกาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคและการป้องกัน (CDC), มูลนิธิสหประชาชาติ องค์การยูนิเซฟและคน ทั่วโลก หัดตก 60% จากตาย 873,000 การประเมินในปี 1999 เพื่อ 345,000 ในปี 2005 ประมาณ 2551 ระบุลดลงมือเสียชีวิตติด 164,000 ทั่วโลก 77% ตายหัดเหลือใน 2008 เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2013-14 มีกรณีเกือบ 10000 ใน 30 ประเทศในยุโรป ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในบุคคล unvaccinated และกว่า 90% ของกรณีและปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศยุโรป 5: เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โรมาเนีย และสหราชอาณาจักร ในประเทศเวียดนาม ในการหัดเรื้อรังในต้นปี 2557 แก่ 19 เมษายนมีกรณีหัด 8,500, 114 ผู้ แก่ 30 พฤษภาคมมีกรณีหัด 21,639, 142 ผู้ ห้า จากหกที่ภูมิภาคได้ตั้งเป้าหมายที่จะกำจัดโรคหัด และแอสเซ มบลีสุขภาพโลก 63 ใน May 2010 ผู้รับมอบสิทธิ์ตกลงเป้าหมายสากลลด 95% ในการตายของโรคหัด โดย 2015 จากระดับที่เห็นใน 2000 เช่นเป็นย้ายไปเก็บนั่น อย่างไรก็ตาม วันเป้าหมายทั่วโลกไม่เฉพาะสำหรับขจัดได้ยังได้ตกลงที่จะพฤษภาคม 2553 ในปี 2014 ตรวจทาน โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรครายงานจำนวนหัดจากปี 2001 ถึง 2554 กรณี 911 กับหมายเลขปีมัธยฐานกรณี 61 และสรุปว่า "การกำจัดยุงโรคหัด โรคหัดเยอรมัน และ CRS มีการยั่งยืนในสหรัฐอเมริกา" อย่างไรก็ตาม ใน 2015 ระบาดโรคหัดเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และแพร่กระจายค่อนข้างไกลกว่าควรได้ เนื่องจากความคิด misguided เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันและวัคซีนล่าช้าได้ลดภูมิคุ้มกันชุมชนที่ afforded โดยโปรแกรมสาธารณสุขที่เหมาะสม ใน 2015 หญิงสหรัฐฯ เสียชีวิตของโรค เป็นผลมาจากโรคหัด เธอถูกผิวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาจากโรคหัดตั้งแต่ 2003 ผู้หญิงมีฉีดสำหรับโรคหัด และไม่มีภูมิคุ้มกันปราบปรามยาเสพติดสำหรับเงื่อนไขอื่น ยาระงับภูมิคุ้มกันโรคหัด ผู้หญิงกลายเป็นติดเชื้อหัด ไม่ได้พัฒนาเป็นผื่น และตีบโรคปอดซึ่งเกิดการตายของเธอ ระหว่างปี 2014 เดือนตุลาคมและ 2015 มีนาคม ระบาดของโรคหัดเยอรมันระดับเบอร์ลินผลในกรณีที่ 782

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระบาดวิทยาโรคหัดคือการติดเชื้อมากและการไหลเวียนอย่างต่อเนื่องในชุมชนขึ้นอยู่กับรุ่นของครอบครัวที่อ่อนแอโดยการเกิดของเด็ก
ในชุมชนที่สร้างครอบครัวใหม่ไม่เพียงพอที่โรคจะตายออก แนวคิดนี้ได้รับการยอมรับเป็นครั้งแรกในหัดบาร์ตเลตต์โดยในปี 1957 ที่อ้างถึงจำนวนขั้นต่ำสนับสนุนหัดขนาดชุมชนที่สำคัญ (CCS) การวิเคราะห์การระบาดในชุมชนเกาะชี้ให้เห็นว่า CCS สำหรับโรคหัดเป็นค 250,000 เพื่อให้บรรลุภูมิคุ้มกันฝูงมากกว่า 95% ของชุมชนจะต้องรับการฉีดวัคซีนเนื่องจากความสะดวกกับที่โรคหัดจะถูกส่งจากคนสู่คน.
ในปี 2011 องค์การอนามัยโลกคาดว่าเสียชีวิต 158,000 ที่เกิดจากโรคหัด นี้จะลดลงจาก 630,000 เสียชีวิตในปี 1990 ขณะที่ในปี 2013 ยังคงเป็นโรคหัดเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตวัคซีนป้องกันในโลก ในประเทศที่พัฒนาความตายเกิดขึ้นใน 1-2 กรณีจากทุก 1,000 (0.1% - 0.2%). ในประชากรที่มีระดับสูงของการขาดสารอาหารและการขาดของการดูแลสุขภาพที่เพียงพอตายอาจจะสูงถึง 10% ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนอัตราอาจเพิ่มขึ้นถึง 20-30% ในปี 2012 จำนวนผู้เสียชีวิตเนื่องจากโรคหัดเป็น 78% ต่ำกว่าในปี 2000 เนื่องจากอัตราการเพิ่มขึ้นของการสร้างภูมิคุ้มกันในหมู่ประเทศสมาชิกสหประชาชาติ.
รายงานกรณีที่องค์การอนามัยโลกภูมิภาคปี 1980 ปี 1990 ปี 2000 ปี 2005 ปี 2014 แอฟริกันภาค 1,240,993 481,204 520,102 316,224 71,574 ภาคของอเมริกา 257790 218,579 1,755 66 19,898 ตะวันออกภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน 341,624 59,058 38,592 15,069 28,031 ภาคยุโรป 851,849 234,827 37,421 37,332 16,899 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาค 199,535 224,925 61,975 83,627 112,418 ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก 1,319,640 155,490 176,493 128,016 213,366 ทั่วโลก 4,211,431 1,374,083 836,338 580,287 462,186 แม้ในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนได้รับ แนะนำอัตราค่าบริการอาจยังคงสูง หัดเป็นสาเหตุของการตายในวัยเด็กวัคซีนป้องกัน ทั่วโลกมีอัตราการเสียชีวิตที่ได้รับการลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยการรณรงค์การฉีดวัคซีนที่นำโดยพันธมิตรในหัดคิดริเริ่ม: theAmerican กาชาดของสหรัฐศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) สหประชาชาติมูลนิธิยูนิเซฟและองค์การอนามัยโลก ทั่วโลกหัดลดลง 60% จากประมาณ 873,000 เสียชีวิตในปี 1999 เพื่อ 345,000 ในปี 2005 ประมาณการปี 2008 บ่งชี้ถึงการเสียชีวิตลดลงต่อไป 164,000 ทั่วโลกกับ 77% ของการเสียชีวิตโรคหัดที่เหลืออยู่ในปี 2008 ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. ใน 2013-14 มีเกือบ 10,000 รายใน 30 ประเทศในยุโรป ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นในบุคคลที่ได้รับวัคซีนและกว่า 90% ของกรณีที่เกิดขึ้นในห้าประเทศในยุโรป: เยอรมนี, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, โรมาเนียและสหราชอาณาจักร ในประเทศเวียดนามในการระบาดของโรคหัดในการเริ่มต้นปี 2014 จนถึง 19 เมษายนมี 8,500 กรณีหัด 114 เสียชีวิตจนถึง 30 พฤษภาคมมี 21,639 กรณีหัด 142 เสียชีวิต. ห้าหกออกมาจากภูมิภาคที่มีการกำหนดเป้าหมายที่จะกำจัดโรคหัดและ 63 สมัชชาอนามัยโลกในเดือนพฤษภาคม 2010 ได้รับมอบหมายตกลงเป้าหมายทั่วโลกของการลดลง 95% ในการตายของโรคหัดในปี 2015 จากระดับที่เห็นในปี 2000 เช่นเดียวกับการย้ายไปกำจัดในที่สุด แต่ไม่มีวันที่เป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงสำหรับทั่วโลกได้รับการกำจัดยังตกลงที่จะเป็นเดือนพฤษภาคมปี 2010 ในปี 2014, การทบทวนโดยศูนย์ควบคุมโรครายงานทั้งหมด 911 กรณีของโรคหัด 2001-2011 มีจำนวนเฉลี่ยปีละ 61 กรณีและได้ข้อสรุปว่า "การกำจัดโรคหัดถิ่นหัดเยอรมันและจำได้อย่างยั่งยืนในประเทศสหรัฐอเมริกา." อย่างไรก็ตามในปี 2015 การระบาดของโรคหัดที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและแพร่กระจายไปค่อนข้างไกลกว่ามันควรจะมีเพราะความคิดที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการต่อต้านการฉีดวัคซีนและฉีดวัคซีนล่าช้าได้ลดลงภูมิคุ้มกันชุมชน afforded โดยโปรแกรมที่เหมาะสมต่อสุขภาพของประชาชน ในปี 2015 ผู้หญิงสหรัฐเสียชีวิตจากโรคปอดบวมเป็นผลมาจากโรคหัด เธอเป็นคนแรกที่เสียชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกาจากโรคหัดตั้งแต่ปี 2003 ผู้หญิงที่ได้รับการฉีดวัคซีนสำหรับโรคหัดและปราบปรามยาเสพติดภูมิคุ้มกันสภาพอื่น ยาเสพติดปราบปรามภูมิคุ้มกันโรคหัดผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นที่ติดเชื้อหัดไม่ได้พัฒนาผื่นและปอดบวมซึ่งก่อให้เกิดการตายของเธอ. ระหว่างเดือนตุลาคมปี 2014 และมีนาคม 2015 มีการระบาดของโรคหัดในเมืองหลวงของเยอรมันเบอร์ลินผลในอย่างน้อย 782 กรณี .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระบาดวิทยา
หัดเป็นอย่างมากที่ติดเชื้อและการไหลเวียนของอย่างต่อเนื่องในชุมชน ขึ้นอยู่กับรุ่นของแอโฮสต์โดยการเกิดของเด็ก ในชุมชนที่สร้างครอบครัวใหม่ไม่เพียงพอโรคจะตายออก แนวคิดนี้เป็นครั้งแรกที่ได้รับการยอมรับในโรคหัด โดยบาร์ทเล็ทท์ในปี 1957 ที่อ้างถึงจำนวนขั้นต่ำสนับสนุนโรคหัดเป็นชุมชนสำคัญขนาด ( CCS )การวิเคราะห์การแพร่ระบาดในชุมชนเกาะชี้ให้เห็นว่า CCS สำหรับโรคหัดคือ C 250 , 000 เพื่อให้บรรลุภูมิคุ้มกันหมู่ มากกว่า 95% ของชุมชนจะต้องได้รับวัคซีน เนื่องจากความสะดวกที่หัดจะถูกส่งผ่านจากคนสู่คน
ใน 2011 , ผู้ที่คาดว่าเสียชีวิต 158000 เกิดจากโรคหัด นี่ลงมาจาก 630 , 000 เสียชีวิตในปี 1990 โดย 2013 ,โรคหัดยังคงเป็นสาเหตุการตายในวัคซีนป้องกันโลก ในประเทศพัฒนาแล้ว ความตายเกิดขึ้นใน 1 - 2 รายจากทุก ๆ 1000 ( 0.1 - 0.2% ) ในประชากรที่มีระดับสูงของการขาดสารอาหารและการขาดการดูแลสุขภาพที่เพียงพอ อัตราการตายจะสูงถึง 10 % ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน อัตราอาจเพิ่มขึ้น 20 - 30% ในปี 2012 นี้