The eastern end of the route develo

The eastern end of the route developed rather more slowly. In China, the Warring States period was brought to an end by the Qin state, which unified China to form the Qin Dynasty, under Qin Shi Huangdi. The harsh reforms introduced to bring the individual states together seem brutal now, but the unification of the language, and standardisation of the system, had long lasting effects. The capital was set up in Changan, which rapidly developed into a large city, now Xian.
The Xiongnu tribe had been periodically invading the northern borders during the Warring States period with increasing frequency. The northern-most states had been trying to counteract this by building defensive walls to hinder the invaders, and warn of their approach. Under the Qin Dynasty, in an attempt to subdue the Xiongnu, a campaign to join these sections of wall was initiated, and the `Great Wall' was born. When the Qin collapsed in 206 B.C., after only 15 years, the unity of China was preserved by the Western Han Dynasty, which continued to construct the Wall.
During one of their campaigns against the Xiongnu, in the reign of Emperor Wudi, the Han learnt from some of their prisoners that the Yuezhi had been driven further to the west. It was decided to try to link up with these peoples in order to form an alliance against the Xiongnu. The first intelligence operation in this direction was in 138 B.C. under the leadership of Zhang Qian, brought back much of interest to the court, with information about hitherto unknown states to the west, and about a new, larger breed of horse that could be used to equip the Han cavalry. The trip was certainly eventful, as the Xiongnu captured them, and kept them hostage for ten years; after escaping and continuing the journey, Zhang Qian eventually found the Yuezhi in Northern India. Unfortunately for the Han, they had lost any interest in forming an alliance against the Xiongnu. On the return journey, Zhang Qian and his delegation were again captured, and it was not until 125 B.C. that they arrived back in Changan. The emperor was much interested by what they found, however, and more expeditions were sent out towards the West over the following years. After a few failures, a large expedition managed to obtain some of the so-called `heavenly horses', which helped transform the Han cavalry. These horses have been immortalised in the art of the period, one of the best examples being the small bronze `flying horse' found at Wuwei in the Gansu Corridor, now used as the emblem of the China International Travel Service. Spurred on by their discoveries, the Han missions pushed further westwards, and may have got as far as Persia. They brought back many objects from these regions, in particular some of the religious artwork from the Gandharan culture, and other objects of beauty for the emperor. By this process, the route to the west was opened up. Zhang Qian is still seen by many to be the father of the Silk Road.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปลายตะวันออกของกระบวนการพัฒนาค่อนข้างช้า ในประเทศจีน ยุค Warring ถูกนำยุติโดยรัฐฉิน ซึ่งโดยรวมจีนแบบราชวงศ์ฉิน ภายใต้ Shi Huangdi ฉิน ปฏิรูปรุนแรงแนะนำให้นำแต่ละรัฐดูเหมือนโหดร้ายตอนนี้ แต่การรวมกันของภาษา และมาตรฐานของระบบ มีผลนาน เมืองหลวงถูกตั้งค่าไว้ในฉางอัน อย่างรวดเร็วกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ ตอนนี้เซียนเผ่า Xiongnu ได้รับเป็นระยะ ๆ บุกรุกเส้นขอบเหนือช่วง Warring อเมริกาพร้อมเพิ่มความถี่ ถาอเมริกาเหนือส่วนใหญ่จะถอนนี้ โดยการสร้างกำแพงป้องกัน การขัดขวางผู้บุกรุก เตือนวิธีของพวกเขา ภายใต้ราชวงศ์ฉิน ในความพยายามที่จะปราบ Xiongnu แคมเปญเข้าผนังส่วนเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้น และเกิด 'กำแพง' เมื่อฉินที่ยุบใน 206 บี หลังเพียง 15 ปี ความสามัคคีของจีนถูกสงวนไว้ โดยเวสเทิร์ฮั่นราชวงศ์ ซึ่งยังคงสร้างกำแพงDuring one of their campaigns against the Xiongnu, in the reign of Emperor Wudi, the Han learnt from some of their prisoners that the Yuezhi had been driven further to the west. It was decided to try to link up with these peoples in order to form an alliance against the Xiongnu. The first intelligence operation in this direction was in 138 B.C. under the leadership of Zhang Qian, brought back much of interest to the court, with information about hitherto unknown states to the west, and about a new, larger breed of horse that could be used to equip the Han cavalry. The trip was certainly eventful, as the Xiongnu captured them, and kept them hostage for ten years; after escaping and continuing the journey, Zhang Qian eventually found the Yuezhi in Northern India. Unfortunately for the Han, they had lost any interest in forming an alliance against the Xiongnu. On the return journey, Zhang Qian and his delegation were again captured, and it was not until 125 B.C. that they arrived back in Changan. The emperor was much interested by what they found, however, and more expeditions were sent out towards the West over the following years. After a few failures, a large expedition managed to obtain some of the so-called `heavenly horses', which helped transform the Han cavalry. These horses have been immortalised in the art of the period, one of the best examples being the small bronze `flying horse' found at Wuwei in the Gansu Corridor, now used as the emblem of the China International Travel Service. Spurred on by their discoveries, the Han missions pushed further westwards, and may have got as far as Persia. They brought back many objects from these regions, in particular some of the religious artwork from the Gandharan culture, and other objects of beauty for the emperor. By this process, the route to the west was opened up. Zhang Qian is still seen by many to be the father of the Silk Road.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทางด้านตะวันออกของเส้นทางการพัฒนาค่อนข้างช้ามากขึ้น ในประเทศจีนระยะเวลารบสหรัฐฯถูกนำไปยังจุดสิ้นสุดโดยรัฐฉินซึ่งจีนแบบครบวงจรในรูปแบบราชวงศ์ฉินภายใต้ฉินชิ Huangdi การปฏิรูปที่รุนแรงแนะนำให้รู้จักที่จะนำแต่ละรัฐด้วยกันดูเหมือนโหดร้ายในขณะนี้ แต่การผสมผสานของภาษาและมาตรฐานของระบบที่มีผลกระทบระยะยาว เมืองหลวงถูกจัดตั้งขึ้นใน Changan ซึ่งพัฒนาอย่างรวดเร็วในเมืองใหญ่ตอนนี้ซีอาน.
เผ่าซงหนูได้รับเป็นระยะบุกรุกพรมแดนทางเหนือในช่วงระยะเวลารบสหรัฐฯที่มีความถี่เพิ่มขึ้น รัฐเหนือสุดได้รับการพยายามที่จะรับมือกับเรื่องนี้โดยการสร้างกำแพงป้องกันการขัดขวางการรุกรานและการเตือนของวิธีการของพวกเขา ภายใต้ราชวงศ์ฉินในความพยายามที่จะปราบซงหนูแคมเปญที่จะเข้าร่วมในส่วนนี้ของกำแพงได้ริเริ่มและ `กำแพง 'เกิด เมื่อฉินทรุดตัวลงใน 206 BC หลังจากนั้นเพียง 15 ปีความสามัคคีของจีนได้รับการรักษาโดยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกซึ่งยังคงที่จะสร้างกำแพง.
ในช่วงหนึ่งของแคมเปญของพวกเขากับซงหนูในรัชสมัยของจักรพรรดิ Wudi, ฮั่น ได้เรียนรู้จากบางส่วนของนักโทษของพวกเขาที่เอชิได้รับการผลักดันต่อไปทางทิศตะวันตก ก็ตัดสินใจที่จะพยายามที่จะเชื่อมโยงกับคนเหล่านี้เพื่อที่จะเป็นพันธมิตรกับซงหนู การดำเนินงานของหน่วยสืบราชการลับแรกในทิศทางนี้อยู่ใน 138 BC ภายใต้การนำของ Zhang Qian, นำกลับมากที่สนใจของศาลมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานะที่ไม่รู้จักมาจนบัดนี้ไปทางทิศตะวันตกและเกี่ยวกับใหม่สายพันธุ์ขนาดใหญ่ของม้าที่สามารถนำมาใช้ เพื่อให้ทหารม้าฮัน การเดินทางเป็นสำคัญอย่างแน่นอนขณะที่ซงหนูจับพวกเขาและเก็บไว้เป็นตัวประกันเป็นเวลาสิบปี หลังจากที่หลบหนีและเดินทางต่อไป, Zhang Qian ในที่สุดก็พบว่าเอชิในภาคเหนือของอินเดีย แต่น่าเสียดายสำหรับฮันพวกเขาได้สูญเสียความสนใจใด ๆ ในการสร้างพันธมิตรกับซงหนู ระหว่างเดินทางกลับเหวยเควนและคณะของเขาถูกจับอีกครั้งและมันก็ไม่ได้จนกว่า 125 BC ที่พวกเขากลับมาถึง Changan จักรพรรดิก็สนใจมากโดยสิ่งที่พวกเขาพบว่าอย่างไรและการเดินทางมากขึ้นถูกส่งออกไปทางทิศตะวันตกในช่วงหลายปีต่อไปนี้ หลังจากความล้มเหลวไม่กี่เดินทางขนาดใหญ่ที่มีการจัดการที่จะได้รับบางส่วนของที่เรียกว่า `ม้าสวรรค์ 'ซึ่งช่วยเปลี่ยนม้าฮัน ม้าเหล่านี้ได้รับ immortalized ในศิลปะของช่วงเวลาหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดเป็นสีบรอนซ์ขนาดเล็ก `บินม้า 'พบได้ที่ Wuwei ในมณฑลกานซูทางเดิน, ใช้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีนบริการท่องเที่ยวนานาชาติ ด้วยกับการค้นพบของพวกเขาฮันภารกิจผลักดันต่อไปทางตะวันตกและอาจมีได้เท่าที่เปอร์เซีย พวกเขานำกลับวัตถุจำนวนมากจากภูมิภาคเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางส่วนของงานศิลปะทางศาสนาจากวัฒนธรรม Gandharan และวัตถุอื่น ๆ ของความงามสำหรับจักรพรรดิ โดยขั้นตอนนี้เส้นทางไปทางทิศตะวันตกถูกเปิดขึ้น Zhang Qian จะยังคงเห็นโดยมากจะเป็นพ่อของเส้นทางสายไหม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ด้านตะวันออกของเส้นทางการพัฒนาค่อนข้างช้า ในประเทศจีนรัฐยุคสงครามก็มาถึงจุดสิ้นสุด โดยรัฐฉิน ซึ่งรวมประเทศจีนในรูปแบบฉินใต้ Qin Shi Huangdi . การปฏิรูปที่รุนแรงแนะนำให้แต่ละรัฐด้วยกันดูเหมือนจะโหดร้าย แต่การรวมกันของภาษา และให้ได้มาตรฐานของระบบ ได้ผลนานเมืองหลวงถูกตั้งค่าในฉางอัน ซึ่งการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เป็นเมืองใหญ่ ตอนนี้เซียน .
เผ่า Xiongnu ได้รับเป็นระยะ ๆบุกรุกชายแดนภาคเหนือ ระหว่างรัฐยุคสงครามกับความถี่ที่เพิ่มขึ้น เหนือรัฐได้พยายามแก้นี้โดยการสร้างผนังป้องกันขัดขวางผู้บุกรุกและแจ้งเตือนของวิธีการของพวกเขา ภายใต้ราชวงศ์ฉิน ,ในความพยายามที่จะเอาชนะคนอื่น แคมเปญเพื่อเข้าร่วมเหล่านี้ส่วนของผนังถูกริเริ่มและ ' ผนัง ' ดีเกิด เมื่อซินล้มใน 206 ปีก่อนคริสตกาล แต่หลังจาก 15 ปี , ความสามัคคีของประเทศจีนถูกเก็บรักษาไว้โดยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกซึ่งยังคงสร้างผนัง .
ในช่วงหนึ่งของแคมเปญของตนกับคนอื่น ในรัชกาลของจักรพรรดิ Wudi ,ฮั่นได้เรียนรู้จากบางส่วนของนักโทษที่เย่จื่อได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมไปทางทิศตะวันตก มันก็ตัดสินใจที่จะพยายามที่จะเชื่อมโยงกับประชาชน เพื่อที่จะเป็นพันธมิตรกับซงหนู การดำเนินงานข่าวกรองแรกในทิศทางนี้ใน 138 ปีก่อนคริสตกาล โดยการนำของ จางเฉียน นำกลับมาสนใจของศาลข้อมูลเกี่ยวกับนี้ไม่รู้จัก สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก และ เรื่องใหม่ที่ใหญ่กว่าสายพันธุ์ของม้าที่สามารถใช้เพื่อให้กองทัพฮั่น การเดินทางแน่นอน เหตุการณ์สำคัญ เป็นคนอื่น จับพวกเขาและเก็บไว้เป็นตัวประกัน 10 ปี หลังจากหลบหนีและต่อเนื่องการเดินทางจางเชียนพบในที่สุดเย่จื่อในภาคเหนือของอินเดีย ขออภัยสำหรับฮันพวกเขาได้สูญเสียความสนใจในการขึ้นรูปเป็นพันธมิตรกับซงหนู ในการเดินทางกลับ จางเฉียนและคณะผู้แทนของเขาอีกครั้ง จับ และมันไม่ได้จนกว่า 125 ก่อนคริสตกาล ที่พวกเขามาถึงกลับใน Changan . องค์จักรพรรดิทรงสนใจมากโดยสิ่งที่พวกเขาพบ แต่และการเดินทางเพิ่มเติมออกไปทางทิศตะวันตกข้ามปี ดังนี้ หลังจากไม่กี่ล้มเหลวการเดินทางขนาดใหญ่จะได้รับบางส่วนของสิ่งที่เรียกว่า ` สวรรค์ของม้าซึ่งช่วยแปลงฮั่น . ม้าเหล่านี้มี immortalised ในศิลปะของระยะเวลา หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดเป็นเล็กบรอนซ์ ` ม้า ' บินพบใน Wuwei ในทางเดินกานซู ตอนนี้ใช้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีนระหว่างเดินทางบริการ กระตุ้นโดยการค้นพบของพวกเขาฮั่นภารกิจผลักดันต่อไปโดยไปทางทิศตะวันตก และอาจได้เท่าที่เปอร์เซีย พวกเขาเอาวัตถุมากมายจากภูมิภาคเหล่านี้โดยเฉพาะบางส่วนของงานศิลปะทางศาสนาจาก gandharan วัฒนธรรมและวัตถุอื่น ๆของความงามสำหรับจักรพรรดิ โดยขั้นตอนนี้เส้นทางไปทางทิศตะวันตก ถูกเปิดขึ้น จางเชียนยังเห็นโดยมากเป็นพ่อของ
ถนนสายไหม