การไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิ
ถ้าบริษัทออกจำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิชนิดเรียกไถ่คืนได้ ในหนังสือบริคณห์สนธิจะต้องแสดงถึงสิทธิในการเรียกไถ่คืนหุ้นทุน โดยระบุถึงวันที่ที่บริษัทสามารถเรียกหุ้นมาไถ่คืนและราคาไถ่คืนหุ้นทุนไว้ การไถ่คืนหุ้นทุนนี้ถือว่าเป็นการทำให้เงินทุนตามกฎหมายของกิจการลดลง ดังนั้นจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการลดทุน ต้องคำนึงถึงสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ของบริษัทและของเจ้าหนี้บุคคลภายนอกด้วย เพื่อมิให้การลดทุนมีผลกระทบต่อผู้ที่ยังคงเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบริษัทอยู่
หุ้นบุริมสิทธิชนิดเรียกไถ่คือได้ หมายถึง หุ้นบุริมสิทธิจดทะเบียนที่บริษัทระบุถึงสิทธิที่บริษัทจะเรียกหุ้นดังกล่าวมาไถ่ถอนได้ตามวันที่และราคาที่ได้กำหนดไว้
บริษัทอาจจะเรียกไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิได้ในราคาใดราคาหนึ่ง ซื่งปกติแล้วราคาไถ่คืนจะเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตามมูลค่าของหุ้นบุริมสิทธิที่ไถ่คืนมา โดยแบ่งออกเป็น
1.ไถ่คืนเท่ากับราคาที่จำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิได้ในครั้งแรด
2.ไถ่คืนราคาสูงกว่าราคาที่จำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิได้ในครั้งแรก
3.ไถ่คืนได้ในราคาต่ำกว่าราคาที่จำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิได้ในครั้งแรก
หลักการบันทึกบัญชีเมื่อมีการไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิ
1.กรณีไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิในราคาเท่ากับราคาที่จำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิได้ในครั้งแรกบันทึกบัญชีโดย
การเรียกไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งมีราคาไถ่คืนเท่ากับราคาจำหน่าย จะไม่ทำให้เกิดผลใด ๆ แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิที่บริษัทเรียกไถ่คืนนั้น
2.กรณีไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิในราคาที่สูงกว่าราคาจำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิได้ในครั้งแรกบันทึกบัญชีโดย
ซึ่งผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์จากการไถ่คือหุ้น โดยถือเป็นการแบ่งกำไรที่ได้จากการดำเนินงานส่วนหนึ่งให้แก่ผู้ถือหุ้นที่บริษัทเรียกไถ่คืน
3.กรณีไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิในราคาที่ต่ำกว่าราคาจำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิในครั้งแรกบันทึกบัญชีโดย
ราคาไถ่คืนที่น้อยกว่าราคาจำหน่ายนี้ ถือเป็นส่วนของทุนที่คงไว้ในบริษัท ในบัญชีส่วนเกินทุนจากการไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิ
การแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญ
การแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิ หมายถึง การที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิชนิดแปลงสภาพ ได้นำหุ้นที่ต้นถืออยู่มาใช้สิทธิเพื่อแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัท โดยการแปลงสภาพดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทระบุไว้ และจะต้องไม่มีผลทำให้ยอดรวมของส่วนของผู้ถือหุ้นเปลี่ยนแปลง
ในการแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธินั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้ยอดรวมของส่วนของผู้ถือหุ้นเปลี่ยนแปลง แต่องค์ประกอบในส่วนของผู้ถือหุ้นจะเปลี่ยนไปได้ โดยอาจมีผลทำให้กำไรสะสมลดลงหรือส่วนเกินทุนเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและอัตราการแปลงสภาพที่บริษัทกำหนดไว้
อันตราการแปลงสภาพ หมายถึง อัตราที่บริษัทกำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการแลกเปลี่ยนระหว่างหุ้นบุริมสิทธิและหุ้นสามัญ
การบันทึกบัญชีเมื่อมีการแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิ
บันทึกโดยใช้วิธีราคาตามบัญชี(Book Value Method) โดยเดบิตบัญชีทุนหุ้นบุริมสิทธิพร้อมทั้งบัญชีที่เกี่ยวข้องกับหุ้นบุริมสิทธิ (ส่วนเกินหรือส่วนลดมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิ)และเครดิตบัญชีหุ้นสามัญด้วยราคาตามมูลค่าของหุ้นสามัญ ผลต่างระหว่างราคาตามบัญชีของหุ้นบุริมสิทธิกับราคาตามมูลค่าของหุ้นสามัญจะนำไปลดยอดกำไรสะสมหรือเพิ่มยอดส่วนเกินทุน โดยแยกพิจารณาได้เป็น 3 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 ราคาตามบัญชีของหุ้นบุริมสิทธิ เท่ากับ ราคาตามมูลค่าของหุ้นสามัญ
กรณีที่ 2 ราคาตามบัญชีของหุ้นบุริมสิทธิ มากกว่า ราคาตามมูลค่าของหุ้นสามัญ ให้บันทึก ผลต่างไปยังบัญชีส่วนเกินทุนจากการแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิ
กรณีที่ 3 ราคาตามบัญชีของหุ้นบุริมสิทธิ น้อยกว่า ราคาตามมูลค่าของหุ้นสามัญ ให้บันทึก ผลต่างไปลดยอดกำไรสะสม
การแบ่งแยกหุ้นและการรวมหุ้น
การแบ่งแยกหุ้น
การแบ่งแยกหุ้น (Stock Split-up) คือ การที่บริษัทเรียกหุ้นที่เคยนำออกจำหน่ายแล้วกลับคืนมา เพื่อที่จะออกหุ้นให้ใหม่ในจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิม หุ้นที่ออกให้ใหม่นั้นจะมีราคาตามมูลค่าต่อหุ้นลดลง แต่มูลค่าตามบัญชีรวมยังคงเท่าเดิม
บริษัทจะแบ่งแยกหุ้นเมื่อเห็นว่าราคาซื้อขายหุ้นทุนในตลาดขณะนั้นมีราคาสูงมากหลังจากการแบ่งแยกหุ้นแล้ว ราคาตลาดของหุ้นแต่ละหุ้นจะลดต่ำลง เป็นผลให้มีผู้สนใจลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มมากขึ้น และมีความคล่องตัวในการซื้อขายในตลาดอีกด้วย
การบันทึกบัญชีเมื่อมีการแบ่งแยกหุ้น ทำได้ 2 วิธี คือ
วิธีที่ 1 บันทึกในลักษณะความทรงจำ (Memorandum)
วิธีที่ 2 บันทึกบัญชีการโอนหุ้นทุนเดิมไปยังบัญชีหุ้นทุนใหม่
การรวมหุ้น
การรวมหุ้น คือ การที่บริษัทเรียกหุ้นที่นำออกจำหน่ายแล้วกลับคืนมา เพื่อลดจำนวนหุ้นที่อยู่ในมือผู้ถือหุ้นลงและเพิ่มราคาตามมูลค่าต่อหุ้น โดยบริษัทจะออกใบหุ้นให้ผู้ถือหุ้นแต่ละคนใหม่ในจำนวนที่น้อยลงกว่าเดิม แต่เงินลงทุนของผู้ถือหุ้นแต่ละคนยังคงเท่าเดิม
การบันทึกบัญชีการรวมหุ้นทำได้ 2 วิธี เช่นเดียวกันการแบ่งแยกหุ้น
ในการรวมหุ้นและการแบ่งแยกหุ้นดังกล่าวข้างต้น จะมีผลให้มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นและราคาตามมูลค่าต่อหุ้นเท่านั้น แต่ยอดรวมของทุนทั้งหมดยังคงเดิม และเมื่อใดก็ตามที่มีการรวมหุ้นหรือแบ่งแยกหุ้นจะต้องบันทึกการเปลี่ยนแปลง จำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนถืออยู่ไว้ในทะเบียนผู้ถือหุ้นด้วย