CASE STUDYThe experience of the Hum

CASE STUDY
The experience of the Human Rights Commission of Malaysia on
monitoring the right to freedom of assembly
The Human Rights Commission of Malaysia (SUHAKAM) has closely followed
developments relating to public assemblies and demonstrations in Malaysia.
It has advocated directly to parliament and the Government, and through its
annual reports248 and many media releases, for the right to freedom of peaceful
assembly.249 It has also monitored police conduct during peaceful assemblies
and rallies through Commissioner and staff monitoring teams observing the
assemblies on-the-spot. Through its six public inquiries on allegations of
human rights infringements by the authorities during public assemblies and
rallies, SUHAKAM has made various recommendations on the proper conduct
of the authorities and participants in balancing the right of the freedom of
peaceful assembly and peace and order. In 2012, for example, SUHAKAM
observed rallies in Pahang, in Pengerang, Johor, and at the May Day Rally
in Kuala Lumpur.250 It expressed the opinion that certain restrictions in the
law and conditions imposed by the police were impractical and curbed the
freedom of assembly.251
The Chairperson of SUHAKAM wrote in his foreword to the 2012 Annual
Report:
“Closely related to this is freedom of assembly, which is enshrined in
the Federal Constitution and the UDHR. Unfortunately, this right has
not flourished in the country. Many laws are security-oriented, given the
Government’s preoccupation with issues of peace and national security
since Independence; this has become a major bone of contention between
the authorities and members of the public who wish to more freely exercise
this right. In spite of the repeal of specific sections of the Police Act and
passage of legislation that dispensed with the need for a police permit
for peaceful public assemblies, there are concerns that the discretionary
powers given to the police and other limitations in the new law will inhibit,
rather than facilitate, the holding of peaceful assemblies. It is hoped that
the new law can be refined to make it fully compliant with international
human rights standards and that, in the interim, the authorities will facilitate
rather than hamper the exercise of this universal right. The people, on their
part, should conduct themselves responsibly in exercising this right.
Arising out of this is the somewhat negative public perception of the role of
the police in dealing with peaceful assemblies. While the pivotal role of the
police in the maintenance of public order and security is beyond dispute and
is generally appreciated by the people, some of its standard approaches and
procedures in carrying out its law and order function have raised questions.
The Commission is of the view that this issue of perception of the police
needs to be addressed in order to instil public confidence in the police as a
professional force and for it to emulate best practices in the world.”252 p135

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรณีศึกษาประสบการณ์ของกรรมการสิทธิมนุษยชนของประเทศมาเลเซียในการตรวจสอบสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมาธิการของประเทศไทย(SUHAKAM) ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการประกอบของประชาชนและการสาธิตในประเทศมาเลเซีย. มันได้ดำเนินการโดยตรงไปยังรัฐสภาและรัฐบาล และผ่านreports248 ประจำปีและหลายสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสิทธิในการมีเสรีภาพในการที่เงียบสงบassembly.249 จะได้ดำเนินการตรวจสอบตำรวจในระหว่างการประกอบที่เงียบสงบและการชุมนุมผ่านข้าราชการและพนักงานตรวจสอบทีมสังเกตประกอบon-the-จุด ผ่านการสอบถามประชาชนหกข้อกล่าวหาของสิทธิมนุษยชนการละเมิดโดยเจ้าหน้าที่ในระหว่างการประกอบของประชาชนและการชุมนุมSUHAKAM ได้ให้คำแนะนำต่างๆในการดำเนินการที่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่และผู้เข้าร่วมในการสร้างความสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพในการที่ชุมนุมอย่างสงบและความสงบสุขและการสั่งซื้อ ในปี 2012 เช่น SUHAKAM สังเกตการชุมนุมในปะหังใน Pengerang ยะโฮร์และในการชุมนุมวันแรงงานในกรุงLumpur.250 มันแสดงความเห็นว่าข้อ จำกัด บางอย่างในกฎหมายและเงื่อนไขที่กำหนดโดยตำรวจทำไม่ได้และcurbed เสรีภาพ ของ assembly.251 ประธานของ SUHAKAM เขียนไว้ในคำนำของเขาไปประจำปี 2012 รายงาน: "ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดนี้คือเสรีภาพในการชุมนุมซึ่งเป็นที่ประดิษฐานอยู่ในรัฐธรรมนูญของรัฐบาลกลางและ UDHR แต่น่าเสียดายที่สิทธินี้ได้ไม่เจริญรุ่งเรืองในประเทศ กฎหมายจำนวนมากที่มีการรักษาความปลอดภัยที่มุ่งเน้นให้ความลุ่มหลงของรัฐบาลที่มีปัญหาของสันติภาพและความมั่นคงของชาติตั้งแต่อิสรภาพ; นี้ได้กลายเป็นกระดูกที่สำคัญของความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไปที่ต้องการอย่างอิสระมากขึ้นการออกกำลังกายที่เหมาะสมนี้ ทั้งๆที่มีการยกเลิกเฉพาะบางส่วนของพระราชบัญญัติตำรวจและทางเดินของกฎหมายที่จ่ายที่มีความจำเป็นสำหรับตำรวจใบอนุญาตสำหรับการประกอบสาธารณะที่เงียบสงบมีความกังวลว่าการตัดสินใจอำนาจที่มอบให้กับตำรวจและข้อจำกัด อื่น ๆ ในกฎหมายใหม่จะยับยั้ง , มากกว่าอำนวยความสะดวกการถือครองของการประกอบที่เงียบสงบ ก็หวังว่ากฎหมายใหม่สามารถกลั่นที่จะทำให้มันสอดคล้องกับต่างประเทศมาตรฐานสิทธิมนุษยชนและในระหว่างที่เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกมากกว่าการขัดขวางการใช้สิทธิสากลนี้ คนในพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ควรปฏิบัติตนอย่างมีความรับผิดชอบในการใช้สิทธินี้. เกิดขึ้นจากการนี้เป็นที่รับรู้ของประชาชนในเชิงลบบางส่วนของบทบาทของตำรวจในการจัดการกับการประกอบที่เงียบสงบ ในขณะที่บทบาทสำคัญของตำรวจในการบำรุงรักษาของการสั่งซื้อของประชาชนและการรักษาความปลอดภัยที่อยู่นอกเหนือข้อพิพาทและเป็นที่นิยมโดยทั่วไปผู้คนบางส่วนของวิธีการมาตรฐานและขั้นตอนในการดำเนินการกฎหมายและฟังก์ชั่นการสั่งซื้อของได้ยกคำถาม. คณะกรรมการมีความ ดูว่าปัญหาของการรับรู้ของตำรวจนี้ความต้องการที่จะได้รับการแก้ไขเพื่อที่จะปลูกฝังความเชื่อมั่นของประชาชนในตำรวจเป็นแรงมืออาชีพและมันจะเลียนแบบการปฏิบัติที่ดีที่สุดในโลก. "252 p135

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรณีศึกษา
ประสบการณ์ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของมาเลเซียบน
ติดตามสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการประกอบ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งมาเลเซีย ( suhakam ) อย่างใกล้ชิด
การพัฒนาเกี่ยวกับประกอบสาธารณะและการเดินขบวนในมาเลเซีย ได้สนับสนุนโดยตรง
รัฐสภาและรัฐบาลและผ่าน
reports248 ประจำปี และประชาสัมพันธ์ สื่อต่าง ๆเพื่อสิทธิเสรีภาพของ assembly.249 สงบสุข
มันยังตรวจสอบตำรวจนำในระหว่างการประกอบและการชุมนุมผ่านกรรมาธิการ
เงียบสงบและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทีมสังเกต
ประกอบในทันที ผ่าน 6 สอบถามประชาชนในข้อหาละเมิด
สิทธิมนุษยชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐและระหว่างประกอบ
ชุมนุมsuhakam มีข้อเสนอแนะต่าง ๆที่เหมาะสมกับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่และผู้เข้าร่วม
สมดุลของเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ สันติ และสั่ง
. ใน 2012 , ตัวอย่าง suhakam
สังเกตการชุมนุมในปาหัง ใน pengerang , Johor , และในวันชุมนุม
ใน Kuala lumpur.250 มัน แสดงความเห็นว่า บางข้อ จำกัด ใน
กฎหมายและเงื่อนไขที่กําหนด โดยตำรวจไม่ได้ครึ่ง

เสรีภาพของการชุมนุม . 251 ) suhakam เขียนในคำนำของเขาประจำปี 2555 รายงาน :

" ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับนี้คือ เสรีภาพในการชุมนุม ซึ่งประดิษฐานอยู่ในรัฐธรรมนูญของรัฐบาลกลางและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
. แต่ตอนนี้ได้
ไม่เจริญรุ่งเรืองในประเทศ หลาย กฎหมายความปลอดภัยที่มุ่งเน้นให้
รัฐบาลเข้าไปในเรื่องของสันติภาพและความมั่นคงแห่งชาติ
ตั้งแต่ความเป็นอิสระ ; นี้เป็นกระดูกหลักของการต่อสู้ระหว่าง
เจ้าหน้าที่และสมาชิกของประชาชนที่ต้องการอิสระมากขึ้นการออกกำลังกาย
สิทธินี้ ทั้งๆ ที่การยกเลิกเฉพาะในส่วนของตำรวจและกฎหมาย
ผ่านกฎหมายที่จ่ายด้วยต้องการ
อนุญาตตำรวจประกอบสาธารณะที่เงียบสงบมีความกังวลว่า )
พลังให้กับตำรวจและข้อจำกัดอื่น ๆ ในกฎหมายใหม่จะยับยั้ง
มากกว่า , อำนวยความสะดวก , ถือของแอสเซมบลีที่เงียบสงบ ก็หวังว่า
กฎหมายใหม่สามารถปรับปรุงให้มันอย่างเต็มที่สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
และที่ในกาล เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวก
แทนที่จะขัดขวางใช้สิทธิสากลนี้ คน ในส่วนของ
ควรประพฤติความรับผิดชอบในการออกกําลังกายใช่ .
ที่เกิดขึ้นนี้คือการรับรู้ของประชาชนค่อนข้างลบบทบาทของ
ตำรวจในการจัดการกับการประกอบที่เงียบสงบ . ในขณะที่บทบาทสำคัญของ
ตำรวจในการบํารุงรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยอยู่นอกเหนือข้อพิพาทและ
โดยทั่วไปจะนิยม โดยประชาชนบางส่วนของวิธีการและขั้นตอนในการปฏิบัติตามมาตรฐาน
กฎหมายและการทำงานของคำสั่งได้ยกคำถาม
คณะกรรมการเป็นมุมมองที่ปัญหาของการรับรู้ของตำรวจ
ต้อง addressed เพื่อปลูกฝังความเชื่อมั่นในที่สาธารณะ ตำรวจเป็น
บังคับมืออาชีพและมัน เลียนแบบการปฏิบัติที่ดีที่สุดในโลก " แต่ p135