In the late 1960s, many campuses in

In the late 1960s, many campuses in North America were undergoing expansions and, as a result, there are a significant number of Brutalist buildings at American and Canadian universities, beginning with Paul Rudolph's 1958 Yale Art and Architecture Building and the 1965 Art Museum at Colgate. Rudolph's design for the University of Massachusetts Dartmouth is an example of an entire campus designed from scratch in the Brutalist style. Likewise, architect Walter Netsch designed the entire University of Illinois-Chicago Circle Campus (now the East Campus of the University of Illinois at Chicago) under a single, unified brutalist design.[6]In 1964, Brigham Young University inaugurated the Franklin S. Harris Fine Arts Center, which features a largely Brutalist style of architecture. The University of Chicago's Joseph Regenstein Library, one of the largest libraries in the world, is designed in the brutalist style. The University of Minnesota's West Bank campus features several Brutalist buildings, including Ralph Rapson's performing arts venue, Rarig Center, one of Rapson's most important works and the best example of Brutalism in the Twin Cities

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในช่วงปลายปี 1960 วิทยาเขตหลายแห่งในอเมริกาเหนือได้ดำเนินการขยาย ก ส่งผล มีจำนวนมากของ Brutalist อาคารในมหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เริ่มต้นกับ Paul รูดอล์ฟ 1958 เยลศิลปะ และสถาปัตยกรรมอาคาร และพิพิธภัณฑ์ปี 1965 ที่คอลเกต ออกแบบของรูดอล์ฟดาร์ทเมาท์มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์เป็นตัวอย่างของมหาวิทยาลัยทั้งการออกแบบตั้งแต่แบบ Brutalist ในทำนองเดียวกัน สถาปนิก Walter Netsch แห่งทั้งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ชิคาโกวงมหาวิทยาลัย (ตอนนี้วิทยาเขตตะวันออกของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ชิคาโก) ภายใต้แบบเดียว รวม brutalist[6]ในปี 1964 มหาวิทยาลัย Brigham Young แห่งแฟรงคลิน S. แฮร์ริสปรับโทรทัศน์ ซึ่งส่วนใหญ่ Brutalist ลักษณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยชิคาโกโจเซฟ Regenstein ไลบรารี หนึ่งไลบรารีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกออกแบบมาในสไตล์ brutalist มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมินนิโซตาของธนาคารตะวันตกมีอาคาร Brutalist หลาย รวมทั้ง Ralph Rapson ศิลปะห้องพัก ศูนย์ Rarig หนึ่งในงานสำคัญของ Rapson ตัวอย่าง Brutalism ในเมืองคู่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960, มหาวิทยาลัยหลายแห่งในทวีปอเมริกาเหนือได้รับระหว่างการขยายและเป็นผลให้มีจำนวนที่มีนัยสำคัญของอาคาร Brutalist ที่มหาวิทยาลัยในอเมริกาและแคนาดาเริ่มต้นด้วยพอลรูดอ 1958 เยลศิลปะและสถาปัตยกรรมอาคารและพิพิธภัณฑ์ศิลปะปี 1965 ที่คอลเกต . การออกแบบรูดสำหรับมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตดาร์ทเมาท์เป็นตัวอย่างของมหาวิทยาลัยทั้งหมดได้รับการออกแบบตั้งแต่เริ่มต้นในสไตล์ Brutalist ในทำนองเดียวกันสถาปนิกวอลเตอร์ Netsch ออกแบบทั้งหมดของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ชิคาโกวงกลมวิทยาเขต (ตอนตะวันออกวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ชิคาโก) ภายใต้เดียวออกแบบ brutalist ปึกแผ่น. [6] ในปี 1964 มหาวิทยาลัยบริกแฮมเปิดตัวแฟรงคลินเอส แฮร์ริสศูนย์วิจิตรศิลป์ซึ่งมีสไตล์ Brutalist ส่วนใหญ่ของสถ​​าปัตยกรรม มหาวิทยาลัยชิคาโกของโจเซฟ Regenstein ห้องสมุดหนึ่งของห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ได้รับการออกแบบในสไตล์ brutalist มหาวิทยาลัยมินนิโซตาของมหาวิทยาลัยเวสต์แบงก์มีอาคาร Brutalist หลายประการรวมถึงราล์ฟ Rapson ของการดำเนินการสถานที่ศิลปะ Rarig ศูนย์หนึ่งในผลงานที่สำคัญที่สุดของ Rapson และตัวอย่างที่ดีที่สุดของสำนักโหดในเมืองแฝด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 , หลายวิทยาเขตในทวีปอเมริกาเหนือได้รับการขยายและเป็นผลให้มีจำนวนที่มีนัยสำคัญของอาคาร Brutalist ในมหาวิทยาลัยอเมริกันและแคนาดา เริ่มจาก Paul Rudolph 1958 เยลศิลปะและสถาปัตยกรรมอาคารและ 1965 พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่คอลเกต .ออกแบบรูดของมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตดาร์ทเมาท์เป็นตัวอย่างของทั้งวิทยาเขตออกแบบมาตั้งแต่เริ่มต้นในสไตล์ Brutalist . อนึ่ง สถาปนิกออกแบบ วอลเตอร์ netsch ทั้งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ วิทยาเขตวงกลม ( ตอนนี้ตะวันออกวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ชิคาโก ) ภายใต้เดี่ยว รวมออกแบบ Brutalist [ 6 ] ใน 1964 ,มหาวิทยาลัยบริคัมยังเปิดแฟรงคลินเอสแฮร์ริสปรับศูนย์ศิลปะซึ่งคุณสมบัติส่วนใหญ่สไตล์ Brutalist สถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยชิคาโกของโจเซฟ regenstein ห้องสมุด , ห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ถูกออกแบบในสไตล์ Brutalist . มหาวิทยาลัยมินนิโซตาของทิศตะวันตกวิทยาเขตประกอบด้วยอาคาร Brutalist หลายรวมทั้ง ราฟสันศิลปะการแสดงสถานที่ rarig ศูนย์หนึ่งสันสำคัญผลงานและตัวอย่างที่ดีที่สุดของ brutalism ในเมืองคู่