Current research has focused primar

Current research has focused primarily on how hate works in groups or its theoretical nature. This study replicates previous findings (Aumer-Ryan & Hatfield, 2007) that hate is primarily felt towards intimate others or people we spend considerable time with. Ninety-eight participants filled out a survey concerning themselves, the people they love and the people they hate. Participants also filled out a survey about motivations concerning the people they love and hate. Results demonstrate that participants saw people they hate considerably differently than those they love, and themselves. Additionally, this study provides empirical evidence that hate can be used as a predictor of motivation. Specifically, disgust and devaluation were important predictors in negative and positive motivation. Additional studies examining interpersonal hate can help better understand how hate operates and inform current theoretical literature.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

งานวิจัยในปัจจุบันได้มุ่งเน้นในวิธีเกลียดที่ทำงานในกลุ่มหรือธรรมชาติของทฤษฎี จำลองนี้ศึกษาก่อนหน้า (Aumer-ไรอันและแฮทฟิลด์ 2007) ที่ส่วนใหญ่จะรู้สึกเกลียดต่อส่วนตัวผู้อื่น หรือคน เราใช้เวลามากด้วย สิบผู้กรอกแบบสำรวจเกี่ยวกับตัวเอง คนที่พวกเขารัก และคนที่พวกเขาเกลียด ผู้เข้าร่วมยังกรอกแบบสำรวจเกี่ยวกับแรงจูงใจที่เกี่ยวกับคนที่พวกเขารัก และเกลียด ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมเห็นคนที่พวกเขาเกลียดอย่างมากแตกต่างจากคนที่รักพวกเขา และตัวเอง นอกจากนี้ การศึกษานี้ให้ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ที่เกลียดเป็น predictor ของแรงจูงใจ เฉพาะ รังเกียจและซึ่งถูกทำนายสำคัญในแรงจูงใจในเชิงบวก และลบ ศึกษาเพิ่มเติมการตรวจสอบเกลียดมนุษยสัมพันธ์สามารถช่วยดีกว่าเข้าใจวิธีการทำงานของความเกลียดชัง และแจ้งปัจจุบันทฤษฎีวรรณกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปัจจุบันมีการวิจัยมุ่งเน้นเกี่ยวกับวิธีการทำงานของความเกลียดชังในกลุ่มหรือทฤษฎีธรรมชาติของมัน การศึกษาครั้งนี้ลอกเลียนแบบผลการวิจัยก่อนหน้า (Aumer-ไรอันและฮัท 2007) ความเกลียดชังที่รู้สึกเป็นหลักต่อผู้อื่นที่ใกล้ชิดหรือคนที่เราใช้เวลามากด้วย เก้าสิบแปดเข้าร่วมกรอกแบบสำรวจเกี่ยวกับตัวเองคนที่พวกเขารักและคนที่พวกเขาเกลียดชัง ผู้เข้าร่วมยังกรอกแบบสำรวจเกี่ยวกับแรงจูงใจที่เกี่ยวกับคนที่พวกเขารักและความเกลียดชัง ผลการแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมการเห็นคนที่พวกเขาเกลียดมากที่แตกต่างกว่าที่พวกเขารักและตัวเอง นอกจากนี้การศึกษาครั้งนี้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เกลียดชังสามารถใช้เป็นปัจจัยบ่งชี้ของแรงจูงใจ โดยเฉพาะการรังเกียจและการลดค่าทำนายความสำคัญในการสร้างแรงจูงใจเชิงบวกและลบ การศึกษาเพิ่มเติมในการตรวจสอบความเกลียดชังระหว่างบุคคลสามารถช่วยให้เข้าใจถึงวิธีการดำเนินการเกลียดชังและแจ้งวรรณกรรมทฤษฎีปัจจุบัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งานวิจัยในปัจจุบันได้เน้นหลักในวิธีการทำงานในกลุ่มเกลียดหรือธรรมชาติตามทฤษฎีของ การศึกษาก่อนหน้านี้พบ ( ซ้ำ aumer ไรอัน & ฮัท , 2007 ) ที่เกลียดเป็นหลักมีความรู้สึกใกล้ชิดกับผู้อื่น หรือผู้ที่เราใช้เวลามากด้วย เก้าสิบแปดผู้เข้าร่วมกรอกแบบสำรวจที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง คนที่เขารัก และคนเกลียด ผู้เข้าร่วมยังกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจเกี่ยวกับคนที่พวกเขารัก และเกลียด ผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมเห็นคนที่พวกเขาเกลียดมาก แตกต่างจากคนที่เขารัก และตัวเอง นอกจากนี้ การศึกษานี้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า เกลียด สามารถใช้เป็นลักษณะของแรงจูงใจ โดยเฉพาะ และเป็นตัวแปรสำคัญในการรังเกียจ และแรงจูงใจทางบวก เพิ่มเติมการศึกษาตรวจสอบบุคคลสามารถช่วยให้เข้าใจมากขึ้นว่าเกลียด เกลียดการแจ้งวรรณกรรมและทฤษฎีปัจจุบัน