พื้นที่หลัง ม.ราชภัฏพระนคร กว่า 9 ไร่ ถูกเนรมิตให้เป็นแหล่งแห่งวัฒนธรรมขนาดย่อมซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นไอของขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยสมัยก่อนที่ดำเนินมาอย่างเรียบง่าย โดยมีบ้านเรือนไทยเป็นจุดศูนย์กลางในการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรม นิทรรศการ ซึ่งบ้านเรือนไทยนี้ได้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและมีแม่น้ำขนาดเล็กไหลผ่าน ทำให้นึกภาพถึงความเป็นอยู่และความเป็นท้องถิ่นของสังคมของคนไทยสมัยก่อนนับตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศให้ปี พ.ศ.2541-2550 ให้เป็นวาระแห่งชาติว่าด้วย "ทศวรรษสืบสานวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนา" สำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายและเหตุผลดังกล่าว จึงได้จัดสร้าง "บ้านเรือนไทย" ขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติองค์สถาปนาและองค์พระราชทานนามราชภัฏและอนุรักษ์เรือนไทยท้องถิ่นภาคกลางตลอดจนการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม พร้อมทั้งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลท้องถิ่นของชุมชนและแหล่งค้นคว้าทางสถาปัตยกรรมไทยภาคกลาง พร้อมทั้งตั้งให้บ้านเรือนไทยนี้เป็นศูนย์วัฒนธรรมไทยและการท่องเที่ยว มรภ.พระนคร
ลักษณะของบ้านเรือนไทยเป็นแบบท้องถิ่นภาคกลาง ตัวเรือนยกพื้นใต้ถุนสูง หลังคาแบบทรงมะนิลา และตกแต่งภายในให้สอดคล้องกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมโดยเน้นแบบอย่างไทย ก่อนที่จะมาเป็นบ้านเรือนไทยนี้ผู้ดูแลโครงการได้ทำการศึกษาลักษณะของเรือนไทยมาอย่างละเอียด ว่าตกลงจะสร้างเรือนไทยแบบไหน และจัดสร้างเพื่อวัตถุประสงค์ใด รวมถึงการได้ทุ่มงบประมาณในการสร้างกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณนั้นได้มาจากการบริจาค รายได้จากการเช่าวัตถุมงคล และรายได้จากการจัดกิจกรรม
สำหรับผู้ออกแบบในโครงการนี้คือ รศ.ฤทัย ใจจงรัก ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลป์สถาปัตยกรรม และเจ้าของรางวัลสร้างสรรค์ทางศิลปวัฒนธรรมต่างๆ อีกมากมาย รศ.ฤทัยกล่าวถึงการออกแบบเรือนไทยว่า "ให้ตัวเรือนยกพื้นสูงก็เพื่อให้ลมพัดผ่านได้สะดวก ปลอดภัยจากสัตว์ น้ำท่วม รวมถึงการใช้ประโยชน์ในการประกอบอุตสาหกรรมในครัวเรือนได้ด้วย หลังคาทรงสูงและชายคายาวเพื่อถ่ายเทควันไฟและป้องกันฝนสาด แสงแดดส่องได้ดี ในส่วนของชานคือออกแบบให้กว้าง เพื่อการพักผ่อน ลดพัดผ่านสะดวกไม่ร้อนอบอ้าว และสะดวกในการจักประเพณีทางศาสนา เช่น โกนจุก ทำบุญ และแต่งงาน นอกจากนั้นยังสามารถปลูกต้นไม้ประดับและเลี้ยงนกเพื่อความเพลิดเพลินได้อีกด้วย"